Week Plan ผู้ตัดสินไทย เทรนนิ่งอย่างไร? “90 นาที” ไม่มีหมด

Week Plan ผู้ตัดสินไทย

เทรนนิ่งอย่างไร? “90 นาที” ไม่มีหมด

โดย ช้างศึก x Play Now Thailand 

เดือนแห่งความรัก ศึกลูกหนัง “ไทยลีก” ได้กลับมาบรรเลงเพลงแข้งกันแบบ “นอนสต็อป” หลังเจอโควิดกระหน่ำระลอกสองจนต้องชะงักไป 1 เดือนเต็มๆ ทำให้บริษัท ไทยลีก ต้องเร่งให้จบครบตามโปรแกรม

ในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ละสโมสรต้องลงเล่น 7-8 นัด ทั้งแมตช์มิดวีก แมตช์สุดสัปดาห์ บอกได้เลยว่าถ้าไม่มีการฝึกซ้อมและเตรียมตัวที่ดี ย่อมส่งผลต่อฟอร์มการเล่นอย่างแน่นอน 

นอกจากตัวนักเตะแล้ว “ผู้ตัดสิน” ถือเป็นองค์ประกอบส่วนสำคัญของการแข่งขัน เพราะเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดในสนาม ดังนั้นผู้ตัดสินทุกคนจึงต้องรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการทำหน้าที่ตลอดทั้งเกม 90 นาที เพื่อมองเหตุการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจน และตัดสินใจวินิจฉัยได้ถูกต้อง

หากใครยังสงสัยว่าทำไมกรรมการจึงฟิตไม่แพ้นักเตะ ต้องขอบคุณ “เปาโค้ช” ศิวกร ภูอุดม ซึ่งจะมาเปิดเผยเคล็ดลับการเทรนนิ่งของผู้ตัดสินไทย ว่ามีรูปแบบอย่างไรจึงสามารถยืนระยะได้ 90 นาทีในการแข่งขัน

• รูปแบบการเทรนนิ่ง?

ผู้ตัดสินจะมี Week Plan ใน 1 สัปดาห์ ถ้าไม่นับวันที่ตัดสิน ก็จะมีเซสชัน (session) การฝึกซ้อมอย่างน้อย 4 เซสชัน

เซสชันแรก Cardio (คาร์ดิโอ) คือ การออกกำลังกายแบบหนักๆ ไม่ว่าจะวิ่งหรือกระโดดเชือก ให้ร่างกายมีความเหนื่อยสูงสุด ให้หัวใจอยู่ในโซนแดง ให้ทนทานอยู่ในโซนสูงสุด คือโซน 5 ให้ได้สัก 2-3 นาทีต่อหนึ่งเซตการซ้อม เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ระบบเผาผลาญ เสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง 

เซสชันสอง Speed and Agility คือ เรื่องความเร็วและความคล่องตัว ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ตัดสินไม่จำเป็นต้องมีเท่ากับผู้เล่น แต่บางครั้งการที่ผู้เล่นเปลี่ยนสปีดบอลเร็ว ผู้ตัดสินก็ต้องออกตัวให้รวดเร็ว หรือเจอการเล่นแบบติกี-ตากา (Tiki-Taka) ความคล่องตัวก็จะช่วยให้ผู้ตัดสินหลบหลีกออกมาได้

เซสชันสาม Strength and Core Exercise คือ เรื่องความแข็งแกร่งและแกนกลางลำตัว ด้วยการออกกำลังกายในท่า Plank, Side Plank และ Superman ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยเรื่องบาลานซ์ในสนาม ช่วยเรื่องการเปลี่ยนทิศทาง และยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย

นี่คือ 3 เซสชันหลักๆ ที่จำเป็นต้องมีใน 1 สัปดาห์สำหรับผู้ตัดสิน 

ส่วนอีกหนึ่งเซสชันขึ้นอยู่กับว่าผู้ตัดสินคนนั้นอ่อนเรื่องอะไร เช่น ถ้าอ่อนเรื่องการออกตัว การเร่งความเร็ว (accelerate) ก็จะเพิ่มเซสชันตรงนี้เข้ามา

• ความแตกต่าง ผู้ตัดสิน กับ ผู้กำกับเส้น?

ตัวเลขค่าเฉลี่ยของผู้ตัดสินลงทำหน้าที่ในศึกไทยลีก อยู่ประมาณ 9-9.4 กิโลเมตรต่อเกม ส่วนผู้กำกับเส้น ค่าเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 4-5 กิโลเมตรต่อเกม 

แต่สิ่งที่ผู้กำกับเส้นใช้มากกว่าผู้ตัดสินในสนามก็คือ จะมีสปีดมากกว่า มีแรงระเบิดมากกว่า ขณะที่ผู้ตัดสินจะใช้ความทนทานเป็นหลักมากกว่า เพราะ 90 นาทีต้องเคลื่อนที่ตลอด แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยังมีช่วงพัก ช่วงที่เกมบุกอีกด้าน 

อย่างไรก็ตามการเตรียมตัว 3 เซสชันนั้นไม่ต่างกัน แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินอาจจะประยุกต์ซ้อมเซสชันในเรื่องความเร็วกับสปีดเพิ่มมากขึ้น ส่วนเซสชันที่เป็นคาร์ดิโออาจจะไม่ต้องหนักเท่าผู้ตัดสิน

• โปรแกรมถี่ ส่งผลต่อความฟิต?

ช่วงโปรแกรมถี่ เราไม่สามารถทำให้ตัวเองฟิตเพิ่มขึ้นได้ เราทำได้แค่รักษาสภาพร่างกายให้พร้อมที่สุด และสิ่งที่สำคัญคือ การรีคัพเวอรีฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นการจ๊อกกิ้งสั้นๆ ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ

ส่วนความล้าอาจจะมีบ้าง แต่ทางสมาคมฯ ก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ตัดสินลงทำหน้าที่ติดต่อกัน 3 แมตช์ ยกเว้นเคสที่จำเป็นจริงๆ ฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสินจะมีข้อมูลความฟิตของแต่ละคนว่าอยู่ในเลเวลใด เพราะการฝึกซ้อมทุกครั้ง ผู้ตัดสินจะใส่นาฬิกาที่สามารถเข้าไปดูได้เลยว่าวันนี้ซ้อมอะไร หัวใจเต้นสูงสุดเท่าไร ระยะทางเท่าไร เหมือนแพลตฟอร์มเดียวกับ AFC

ขณะที่เรื่องอาการบาดเจ็บในระหว่างทำหน้าที่ ถ้ามีการเตรียมตัวที่ดี ถ้าไม่แอ็กซิเดนต์จริงๆ ชนกับผู้เล่นแล้วขาพลิกลงไป โอกาสที่จะบาดเจ็บในสนามก็ยาก

• โภชนาการมีส่วนสำคัญ?

ก่อนเกมอาจจะไม่สติกมาก เน้นไปทางคาร์โบไฮเดรต เพราะกินอะไรไปก็ได้ใช้ทั้งหมด แต่พอจบเกมแล้ว อะไรที่กินเข้าไป มันจะเอฟเฟ็กต์ต่อการฟื้นตัวว่าจะช้าจะเร็ว หลังเกมจึงมีความสำคัญกว่า โดยจะเน้นอาหารพวกนอนแฟต ไม่มีไขมัน ไม่มีน้ำตาล และเน้นหนักพวกโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่ใช้ได้เลย เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว โดยเฉพาะช่วงที่ฟุตบอลมีโปรแกรมเตะถี่แบบนี้

และนี่คือวิธีการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมของผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าอีลิทอย่าง “เปาโค้ช” ศิวกร ภูอุดม ที่ถูกยกให้เป็นตัวท็อปของไทยในเวลานี้