19 มิถุนายน 2567
"พ่อจะตามดูหนูในทีวีทุกครั้ง เสียใจที่ครั้งนี้พ่อไม่ได้มาดูด้วย ไม่ได้มาแสดงความยินดี ตอนนี้ถ้าพ่อดูอยู่ หนูทำได้แล้วนะ หนูทำให้พ่อให้แม่มีความสุขได้แล้วนะ" โสภิตา ธนสาร กล่าวทั้งน้ำตา ถึง นายสุรศักดิ์ ธนสาร คุณพ่อที่ล่วงลับไปแล้ว หลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2016
"น้องแนน" โสภิตา ธนสาร จอมพลังสาวจากจังหวัดชุมพร เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2537 เป็นลูกคนโตของ นายสุรศักดิ์ ธนาสาร และ นางสรารัตน์ ธนสาร สมัยยังเด็กนั้นเธอชื่นชอบการต่อยมวยตามคุณพ่อและหวังจะเป็นนักมวยให้ได้ แต่แล้วเส้นทางที่ต้องเลือกกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ เมื่อโสภิตา วัย 12 ปี ต้องเข้าไปเรียนที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร เจ้ากรรมที่โรงเรียนแห่งนี้ยังไม่มีมวยหญิง จึงต้องหันเหมายกเหล็กแทนที่จะใส่นวม โดยมี ดร.สิริลักษณ์ ทัดมั่น เป็นครูผู้ฝึกสอน
ช่วงแรกของการเริ่มเล่นยกน้ำหนัก โสภิตา ไม่มีวี่แววว่าจะไปได้ไกลเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นคนตัวเล็กแต่ด้วยความที่ขยันและมีความมุ่งมั่น บวกกับเป็นคนที่เชื่อฟังครูผู้ฝึกสอนเป็นอย่างดี ทำให้ โสภิตา ค่อยๆพัฒนาตัวเองขึ้นและติดทีมชาติในที่สุด ในปี พ.ศ.2553
หลังจากที่ "น้องแนน" เข้ามาสู่สารบบทีมชาติก็ลงแข่งขันมากมายหลายรายการ โดยมีผลงานที่จับต้องได้คือเหรียญทองแดงการแข่งขันเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ปี พ.ศ. 2556, 3 เหรียญทองในศึกเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย และ 3 เหรียญเงินในการแข่งขันเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี พ.ศ. 2557 แน่นอนว่าความฝันสูงสุดของนักกีฬาทุกคนคือการมีโอกาสได้เข้าร่วมมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง โอลิมปิกเกมส์ มีอยู่ช่วงหนึ่งของชีวิต ที่ โสภิตา มีโอกาสไปประเทศเมียนมา จึงถือโอกาสไปขอพร "เทพทันใจ" สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดัง และกลับมาขอสิ่งเดียวกันกับอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือย่าโมที่จังหวัดนครราชสีมา ว่าขอให้ตัวเองนั้นสามารถคว้าตั๋วไปแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ สักครั้ง
จะด้วยความศักดิ์สิทธิ์หรือความสามารถที่ "น้องแนน" มีก็สุดแล้วแต่ ในที่สุดเธอก็คว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิลได้สำเร็จ ในศึกครั้งนี้ โสภิตา ต้องลดน้ำหนัก ลงมายกที่รุ่น 48 กิโลกรัม จากที่เคยเล่นอยู่ในรุ่น 53 กิโลกรัม เนื่องจากสมาคมยกน้ำหนักฯอ่านเกมแล้วว่าหาก โสภิตาลงในรุ่น 48 กิโลกรัม จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าและก็เป็นไปตามคาด เพียงแค่การยกครั้งในแรกในท่าสแนตช์ ผ่านที่ 88 กิโลกรัม ก็ทำให้มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนหน้าของเธอ เหตุเพราะไม่ว่าจะการแข่งขันอะไรก็ตาม เธอมักจะกดดันและยกครั้งแรกทุกครั้งเธอไม่เคยยกผ่านเลยจึงเป็นปมในใจเสมอมา แต่ครั้งนี้ต่างออกไป โสภิตา ยกผ่าน นั่นทำให้เธอมั่นใจว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของเธอ
เกมดำเนินต่อไป โสภิตา ทำน้ำหนักในท่าสแนตช์ได้ดีที่สุด 92 กิโลกรัม ก่อนจะยกคลีนแอนด์เจิร์กได้ ที่ 108 กิโลกรัม ทำให้รวมสองท่า “น้องแนน” ทำน้ำหนักรวม 200 กิโลกรัม ขึ้นเป็นอันดับ 1 ปลดล็อกคว้าเหรียญทองแรกให้ทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนั้นได้สำเร็จ หลังจากในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทัพนักกีฬาไทยคว้าเหรียญทองไม่ได้เลย
"ก่อนแข่งขันมีความกังวลหลายอย่าง และไม่คิดว่าลดน้ำหนักมาแล้วจะทำได้ ต้องคอยให้กำลังใจตัวเอง เน้นจิตวิทยาเยอะมาก เพราะแมตช์นี้เป็นโอลิมปิกเกมส์ที่หนูไม่เคยมา น้ำตาวันนี้ที่ออกมามันตื้นตันจนพูดไม่ถูก ไม่รู้ว่าร้องเพราะอะไร กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ใช่ง่ายๆ อยากฝากถึงทุกคนที่กำลังท้อหรือคิดว่าไปไม่ถึงฝั่งฝัน อยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งท้อ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ อย่างตัวหนูเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ อยากขอบคุณทางบ้านที่คอยเป็นกำลังใจ อยู่ข้างกัน คอยเชียร์มาโดยตลอด รวมถึงทุกคนที่อยู่ข้างๆ ทำให้หนูได้มีวันนี้"
โสภิตา ได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดเท่าที่นักกีฬาคนหนึ่งจะทำได้ นอกจากเธอจะทำให้คุณพ่อ ที่คอยมองเธอและน้องๆอยู่บนฟ้ารวมทั้งคุณแม่ภูมิใจแล้ว เชื่อเหลือเกินว่าแฟนกีฬาชาวไทยทั้งประเทศก็ภูมิใจในตัวจอมพลังสาวชาวชุมพรรายนี้ด้วยเช่นกัน
TAG ที่เกี่ยวข้อง