7 มิถุนายน 2567
พ.ศ.นี้ ในวงการเทควันโดต้องยกให้กับ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 คือเบอร์ 1 แต่หากย้อนไปหลายปีก่อนหน้านี้ "สอง" บุตรี เผือดผ่อง จอมเตะสาวเขี้ยวสเน่ห์ เป็นหนึ่งในนักเทควันโดทีมชาติไทยที่เก่งที่สุดในช่วงเวลาของเธอ ชนิดที่ว่าหากจะวัดกันปอนด์ต่อปอนด์แล้วยังเลือกลำบากว่า ระหว่าง พาณิภัค กับ บุตรี สองคนนี้ใครแกร่งกว่ากัน
“สอง” บุตรี เกิดวันที่ 16 ต.ค. 2533 เป็น บุตรี ของนายชวลิต เผือดผ่อง และ นางสุวรรณา เผือดผ่อง เริ่มเล่นกีฬาในฐานะนักกีฬาว่ายน้ำของสระเทศบาล จ.สมุทรปราการ เนื่องจากต้องการให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อรักษาโรคหอบหืด และถือว่าทำได้ดีเสียด้วย เพราะกลายเป็นตัวโรงเรียนด้วยซ้ำ แต่ระหว่างนั้นก็หันมาเล่นเทควันโดเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ เพราะถูก "มดดำ"ภัสสร เผือดผ่อง พี่สาวที่เป็นนักเทควันโดทีมชาติไทยรุ่นเดียวกับ เยาวภา บุรพลชัย จอมเตะเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ที่เอเธนส์ ป้ายยาทุกวัน
โดย มดดำ เล่าให้ฟังทุกวันว่าการเล่นเทควันโดนั้นสนุกแค่ไหน จน บุตรี ทนไม่ไหวและขอพ่อ-แม่ ทิ้งกีฬาว่ายน้ำที่กำลังไปได้ดีหันไปเล่นเทควันโด ฝึกซ้อมอยู่แค่ 6 เดือน ภายใต้การดูแลของ อ.พงษ์เกษียร บัวสุวรรณ ก็เริ่มแข่งขันรายการแรกในรายการชิงแชมป์ภาคตะวันออก ที่จ.ชลบุรี ในนามทีมโรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม และคว้าแชมป์ในรุ่น 25 ก.ก.หญิง ตอนเรียน ป.5 พร้อมกับ พี่สาว ที่ได้แชมป์ในรายการเดียวกัน แล้ว “บุตรี” ก็เริ่มฉายแวว กลายเป็นนักกีฬาเบอร์หนึ่งในรุ่นเยาวชน เป็นแชมป์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ 4 สมัยซ้อน ในปี 2548 ที่ชัยภูมิ, ในปี 2549 ที่ลำปาง และ ในปี 2550 ที่อุบลราชธานี แชมป์เยาวชนประเทศไทยในปี 2549 และ 2550
ผลงานเข้าตา เช ยอง ซอก เฮดโค้ชทีมชาติไทยอย่างจัง และถูกเรียกติดทีมชาติชุดเล็กอย่างรวดเร็ว และในระดับนานาชาติ "บุตรี" ประกาศศักดาอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างทางก็โหดไม่ใช่เล่น เพราะสมัยนั้นสมาคมเทควันโดยังไม่มีศูนย์ฝึกครบวงจรแบบนี้ ทำให้ บุตรี ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อเดินทางจาก บ้านที่อยู่สมุทรปราการ เพื่อไปร่วมซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่กกท. แถมไม่เคยขาดซ้อมแม้แต่วันเดียว
บุตรี ผงาดเป็นแชมป์เยาวชนโลก ในปี 2549 ในการแข่งขันที่เวียดนาม ในพิกัด 42 ก.ก. (ปีเดียวกัน เป็นเอก การะเกตุ คู่สมรสในอีก 12 ปีถัดมา ก็คว้าแชมป์เยาวชนโลกด้วย) ต่อเนื่องด้วยแชมป์เยาวชนชิงชนะเลิศแห่งเอเชียปี 2550 ที่เมืองอัมมาน ประเทศจอร์แดน บุตรี แรงจนฉุดไม่อยู่ เธอขยับขึ้นชุดใหญ่ คว้าแชมป์ประเทศไทยได้สำเร็จ และในรายการพิเศษ เบสต์ ออฟ เดอะ เบสต์ บุตรี พลิกล็อกเตะชนะนักกีฬารุ่นพี่อย่าง เยาวภา บุรพลชัย และ แม่น้ำ เชิดเกียรติศักดิ์ และคว้าแชมป์ซีเกมส์ 2007 ที่นครราชสีมา และคว้าแชมป์ซีเกมส์ 2009 ที่สปป.ลาว เท่านั้นยังไม่พอ ตลอดระยะเวลาสามปี ระหว่าง 2006-2008 บุตรี ยังมีสถิติในเวทีนานาชาติ 4 รายการใหญ่ๆด้วยชัยชนะ 100 เปอร์เซนต์เต็ม หรือเรียกง่ายๆว่าไม่แพ้ใครมาเลย
บุตรี ในวัย 18 ปี เดินทางไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ “ปักกิ่ง 2008” ด้วยความมั่นใจเต็มที่ ในพิกัด 49 ก.ก.หญิง “บุตรี” เอาชนะ ดาเนียล มอนเตโญ จากคิวบาในรอบแรก 1-0 รอบสอง ตรัน ธิ ง็อก จากเวียดนาม 2-1, รองตัดเชือก ชนะ ดาเรีย คอนเทราส จากเวเนซูเอล่า ในช่วงซัดเดนเดธ ก่อนจะเสียท่าให้กับ หวู่ จิง หยู่ จอมเตะเจ้าภาพในรอบชิง แบบเจ็บแสบ -1 ต่อ 1 แม้จะเป็นแค่เหรียญเงิน แต่ก็เป็นเหรียญที่ใหญ่ที่สุดของนักกีฬาหญิงไทยในเทควันโด โอลิมปิกเกมส์
ที่สำคัญตลอดเส้นทางการเล่นเทควันโดของ บุตรี นั้น เป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้ นางวรรณา เผือดผ่อง มีแรงต่อสุ้กับโรคมะเร็งเต้านม เพื่อให้มีชีวิตอยู่เห็นลูกสาวคนเล็กประสบความสำเร็จในโอลิมปิก ก่อนจะรักษาตัวจนหายขาดได้
“อดทนมาได้ก็เพราะต้องการเห็นความสำเร็จของลูกสาวคนเล็ก เราเองป่วยเป็นมะเร็งแต่ก็รักษาตัวอย่างเต็มที่ เพราะมีลูกทั้ง 2 คนเป็นกำลังใจ ลูกคนแรกแม้จะไม่ได้มีโอกาสเล่นเทควันโดแต่ก็ไม่เคยเกเร ส่วนสองนั้นเป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญให้แม่สู้กับโรคมะเร็งจนหายในที่สุด เคยบอกกับเมื่อ 4 ปีที่แล้วว่าโอลิมปิกเกมส์ ที่ปักกิ่ง ไม่รู้แม่จะอยู่ถึงไหม สองเขาก็บอกว่าไม่ต้องเครียดหรอกแม่ ใครเขาก็เป็นกันทั้งนั้น”
น่าเสียดายที่เส้นทางของบุตรี ในทีมชาติชุดใหญ่นั้นถือว่าเป็นการตามรอยพี่สาวอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ต้องการนัก เพราะ บุตรี ต้องเลิกเล่นหลังจบการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2011 เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าแบบเดียวกับพี่สาว
เดิมทีเธอจะเลิกเล่นหลังจบ เอเชียนเกมส์ ที่กวางโจว ประเทศจีน ในปี 2010 แต่เวลานั้นยังไม่มีนักกีฬาที่สามารถทดแทนได้ แต่ครั้งนั้นเธอไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้อีกแล้ว เพราะแพทย์ระบุว่าหากฝืนไม่เพียงแค่จะเล่นเทควันโดไม่ได้แต่อาจจะถึงขั้นพิการได้
บุตรี กลับไปเรียนต่อจนจบปริญญาตรี ที่ม.เกษตรศาสตร์ แต่น่าเสียดายที่ระหว่างนั้น กระแสของ บุตรี แผ่วลงไปแล้ว ทำให้ภาครัฐไม่ได้หันมาดูแลเธอเหมือนฮีโร่โอลิมปิกคนอื่น ไม่ได้มีตำแหน่งในกรมทหารหรือข้าราชการตำรวจรออยู่ บุตรีสาวน้อยคนซื่อเรียนจบและต้องออกหางานเอง ก่อนที่ปัจจุบันจะสอบบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ไทยด้วยตัวเอง
ปัจจุบันเธอยังเฝ้ามองวงการเทควันโดอยู่ห่างๆและเข้าประตูวิวาห์กับเพื่อนสนิทวัยเด็กของเธออย่าง เป็นเอก การะเกตุ เจ้าของเหรียญทองเทควันโด เอเชียน มาเชียล อาร์ตปี 2009 และเป็นอันดับ 4 โอลิมปิกเกมส์ 2012 ไปเมื่อสองปีก่อนนี่เอง
TAG ที่เกี่ยวข้อง