วันดี คำเอี่ยม : จอมพลังไทยคนแรกที่คว้าหรียญรางวัลโอลิมปิก 2 สมัย

กว่าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาหญิงไทยคนแรกที่ได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัยอย่างเป็นทางการ "แบ๋น" วันดี คำเอี่ยม นักยกเหล็กสาวไทย รุ่น 58 กก. ต้องใช้เวลารอนานกว่า 9 ปี หลังจากที่เธอเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย เมื่อปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ย้อนกลับไปในโอลิมปิกเกมส์ 2004 วันดี เข้าร่วมการชิงชัยเป็นครั้งแรก และสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแดงแรกของตัวเองได้สำเร็จ

ก่อนที่ในโอลิมปิกเกมส์อีก 4 ปีต่อมา เธอทำผลงานจบเพียงอันดับ 4 และชวดคว้าเหรียญรางวัลอย่างน่าเสียดาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป 9 ปี คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) มีหนังสือมายังเมื่อปี 2018 มายังคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ระบุว่า วันดี ได้เลื่อนจากอันดับ 4 ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 และคว้าเหรียญทองแดง จากการตรวจพบสารต้องห้ามในนักกีฬารัสเซีย

"เมื่อ 9 ปีที่แล้วเราทำพลาดไปแล้ว ทำให้พี่น้องชาวไทยต้องผิดหวังด้วยการคว้าได้แค่อันดับ 4 แต่เวลาผ่าน 9 ปีเราก็ได้เหรียญรางวัลนี้กลับมา ทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้พี่น้องชาวไทยมีความสุข และทำให้ความทุ่มเทที่เราทำไปในครั้งนั้นไม่สูญเสียเปล่า ความรู้สึกตอนนั้นกับตอนนี้ก็แตกต่างกัน ถ้าเราได้รับเมื่อ 9 ปีก่อนบนเวที พี่น้องชาวไทยจะดีใจมากกว่านั้น เพราะว่าเราเพิ่งแข่งขันเสร็จ และได้เหรียญ แต่กับตอนนี้ก็มีความรู้สึกดีใจที่แตกต่างไป"

ส่วนการสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาหญิงไทยคนแรกที่คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้ 2 สมัยติดต่อกันนั้น จอมพลังสาววันดี คำเอี่ยม ยอมรับว่าตอนแรกไม่ทราบมาก่อน แต่ทางด้านของ นางบุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ มาแจ้งทำให้รู้สึกดีใจมากเพราะเป็นสิ่งที่เราทุ่มเทไปอย่างเต็มที่และก็สามารถได้เหรียญรางวัลกลับมาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจอย่างมาก

สำหรับ วันดี คำเอี่ยม เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2521 ที่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เป็นลูกคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 3 คนในครอบครัวยากจน โดยแบ๋นเริ่มต้นเส้นทางชีวิตนักกีฬาตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี จากการเป็นนักกรีฑาให้กับโรงเรียน ขณะกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พร้อมกับสามารถคว้ารางวัลเหรียญทอง จากการแข่งขันกรีฑาระดับจังหวัดหลายรายการในการแข่งขันวิ่งระยะสั้น

จนกระทั่งอายุได้ 17 ปี วันดี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้ผันเองจากการเป็นนักกรีฑามาสู่กีฬายกน้ำหนัก จากคำแนะนำของอาจารย์ประสงค์ สุรพล ผู้ฝึกสอนกีฬาประจำโรงเรียนสตรีสิริเกศ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเล็งเห็นว่าลักษณะทางกายภาพและโครงสร้างทางสรีระของวันดีเหมาะสมที่จะฝึกฝน และพัฒนาไปสู่การเป็นนักกีฬายกน้ำหนักที่ประสบความสำเร็จได้ในอนาคต

หลังจากนั้น วันดี ได้พัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย และก้าวไปคว้าแชมป์รายการระดับนานาชาติต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทองชิงแชมป์โลก, เหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย, กีฬามหาวิทยาลัยโลก รวมทั้งผลงานอันยิ่งใหญ่กับการคว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2004 ก่อนโชคดีกลายเป็นนักกีฬาหญิงไทยคนแรกที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิกเกมส์ได้ 2 สมัยติดต่อกันจากการถูกเลื่อนขึ้นมารับเหรียญทองแดงในโอลิมปิกเกมส์ 2008

"รู้สึกดีใจค่ะที่คว้าเหรียญทองแดงนี้ได้หลังผ่านมากว่า 9 ปีแล้ว เพราะตั้งแต่เราลงจากเวทีแข่งขันเราก็รู้แล้วว่าเราได้อันดับเท่าไร และก็คิดว่าเราคงไม่มีความหวังคว้าเหรียญรางวัลมาคล้องคอแบบนี้อีก ซึ่งตอนนี้ก็รู้สึกดีใจค่ะที่ได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2008 และทำให้พี่น้องชาวไทยได้มีความสุขอีกครั้งแม้จะผ่านเวลามากว่า 9 ปี แต่ก็รู้สึกดีใจค่ะที่ได้เหรียญนี้ที่เราทุุ่มเทเต็มที่กับการลงแข่งขันครั้งนั้น ซึ่งเป็นโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของตัวเองด้วย" นักกีฬาสาวไทยที่คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย กล่าว

สำหรับในปัจจุบันนี้ วันดี คำเอี่ยม ได้ผันตัวเองเป็นผู้ฝึกสอนกีฬายกน้ำหนักอยู่ที่ที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเธอได้ทุ่มเทความพยายามเต็มที่ในการสร้างสร้างนักกีฬายกน้ำหนักเยาวชนขึ้นมา ซึ่งผลผลิตของเธอก็เริ่มก้าวขึ้นมาสร้างชื่อได้แล้วด้วยการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 33 "ชุมพร-ระนองเกมส์" เมื่อช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา รวมทั้งยังมีนักกีฬาที่ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไปแล้วเช่นกัน

"ต่อไปนี้จะทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนที่ดี และก็จะส่งเสริมรุ่นน้องนักกีฬา รวมทั้งลูกศิษย์ให้ประสบความสำเร็จเหมือนเราให้ได้ค่ะ"

"แบ๋น" วันดี คำเอี่ยม เพิ่งประสบความสำเร็จตามความฝันสูงสุดได้แล้ว โดยหลังจากนี้เธอกำลังมีความมุ่งมั่นในการสานต่อความฝันของเหล่านักกีฬาเยาวชนรุ่นใหม่ให้ก้าวเดินตามรอยความสำเร็จไปสู่โอลิมปิกเกมส์ในอนาคต...