stadium

วรพจน์ เพชรขุ้ม ความสำเร็จของม้านอกสายตาที่บอกว่ามีโอกาสต้องคว้าให้ได้

19 กุมภาพันธ์ 2563

การเตรียมขึ้นสังเวียนชิงแชมป์โลกรุ่นสตอร์เวท สภามวยโลกที่ว่างอยู่ กับฮิโรกิ อิโอกะ ของ ใหม่ ธนบุรีฟาร์ม แม้จะไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็เป็นแรงกระเพื่อมให้ในอีก 17 ปีต่อมา ทัพนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2004 ชื่อ “วรพจน์ เพชรขุ้ม” 

 

วรพจน์ เพชรขุ้ม เกิด 18 พฤษภาคม 2524 เป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นบุตรของนายทวีป และนาง บุญสงค์ เป็นลุกคนที่ 5 จากจำนวน 7 คน เริ่มเข้าสู่วงการหมัดมวยตั้งแต่อายุ 9 ขวบ หลังเห็นพี่ชายไปฝึกซ้อมมวยกับ “ลุง” ซึ่งก็คือใหม่ ธนบุรี ฟาร์ม แล้วทำให้เจ้าตัวเกิดอยากชกมวยขึ้นมาและเริ่มหัวหน้าเข้าสู่เส้นทางนี้อย่างจริงจัง ฝึกซ้อมได้เพียง 4 เดือนเศษก็ขึ้นเวทีขึ้นชกมวยไทยเป็นครั้งแรกในงานวันพ่อ "5 ธันวามหาราช" หน้าอำเภอพนม และเอาชนะได้ รางวัลเป็นผ้าขนหนู 1 ผืน 

 

 

 

จากนั้น วรพจน์ ในชื่อมวยไทย “ก้องพิทักษ์ เกียรติประสงค์”ตระเวณชกอีก 65 ไฟต์ เป็นมวยดังจาก ภาคใต้ มีชื่อเสนอเตรียมชกในเวทีมาตรฐานในกรุงเทพ ทั้งลุมพินีและ ราชดำเนิน แต่เจ้าตัวติดรายงานตัวที่โรงเรียนกีฬาอุบลราชธานีเสียก่อน ทำให้ต้องทิ้งโอกาสนั้นไปและยังต้องทิ้ง “มวยไทย” เด็ดขาด เพราะการเข้าเรียนนั้นต้องเดินสาย “มวยสากลสมัครเล่น” โดยมีไร แมน บุญถม เป็นโค้ชคอยขัดเกลาเชิงมวยเสื้อกล้ามให้ วรพจน์ ฉายแววขึ้นเรื่อยๆ คว้าแชมป์คัดตัวจังหวัดอุบลราชธานี เดินหน้าต่อไปคว้าเหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติที่ยะลา พักไม่กี่วันไปคว้าแชมป์มวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์ประเทศไทยที่นครสวรรค์อีก

 

3 วันถัดมา วรพจน์ ถูกเรียกตัวเข้าแคมป์ทีมชาติไทยอย่างรวดเร็ว และในยุคที่พลเอกสำเภา ชูศรี เป็นนายกสมาคมฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างเยาวชน ส่งแข่งขันต่างประเทศจำนวนมาก ยิ่งทำให้ วรพจน์ พัฒนาอย่างรวดเร็วประเดิมผลงานในเวทีนานาชาติด้วยการคว้าเหรียญเงินมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์เยาวชนโลกที่ไต้หวัน แต่เส้นทางในการเลื่อนไปสู่ชุดใหญ่นั้นยากลำบากเพราะในพิกัดฟลายเวต มี “สมจิตร จงจอหอ” ขวางทาง ทำให้หนุ่มปักษ์ใต้เลือกขยับไปแบนตั้มเวต และยังทำให้ได้ดี วรพจน์ มีสถิติซีเกมส์ 5 สมัย 5 เหรียญทอง เอเชียนเกมส์ 3 สมัย มี 2 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดงและแมตช์ใหญ่ที่ทำให้คนทั้งประเทศจดจำ วรพจน์ คงหนีไม่พ้นโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่เอเธนส์

 

ในรอบคัดเลือก 2 เลกแรก โชติพัฒน์ วงศ์ประเทศ มวยรุ่นพี่ได้ไปทั้งสองครั้ง แต่พอเลก 3 สภาพร่างกายของ โชติพัฒน์ ที่ลดน้ำหนักต่อเนื่องไม่ไหวแล้ว ทำให้พลเอกทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมในเวลานั้นต้องตัดสินใจเสี่ยงเอา วรพจน์ ดาวรุ่งไปชกเลก 3 ที่ปากีสถาน ม้านอกสายตาอย่าง วรพจน์ วิ่งฉิวคว้าโควตาด้วยการคว้าเหรียญทองไป โอลิมปิกเกมส์ เสียอย่างนั้น

 

 

ช่วงเวลานั้นมวยดังอย่าง สมรักษ์ คำสิงห์, สมจิตร จงจอหอ ตกรอบไปแล้วเหลือแค่รุ่นใหม่ หนึ่งในนัน คือ วรพจน์ ที่แทบไม่มีความกดดันใดๆเลย วรพจน์ ฝ่าด่านไปเรื่อยๆ ได้บายรอบแรก รอบสอง หรือ 16 คน เอาชนะ คาวาซี คัตซิกอฟ จาก บัลแกเรีย 33-18 รอบ 8 คน ชนะ เนสเตอร์ โบลัม จากไนจีเรีย 29-14 รอบตัดเชือกชนะ อากายี มัมมาดอฟ จากอาเซอร์ไบจัน 27-19 รอบชิง เจอกับ คิวบา ที่เวลานั้นแรงสุดๆ ก่อนพ่าย กิลแยร์โม่ ริกอนโดซ์ ออร์ติส 13-22 คว้าเหรียญ เงินมาครอง ส่วนคิวบาปีนั้นคว้าไป 5 จาก 11 เหรียญทอง

 

วรพจน์ เลือกใช้เงินอัดฉีดอย่างระมัดระวังเขาเอาเงินไปซื้อที่ดินทำสวนยางและซื้อที่ดินทำรีสอร์ตเป็นธุรกิจส่วนตัวที่บ้านเกิด และสิ่งที่ วรพจน์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันที่เขากลับถึงเมืองไทยและเสียงดังมากพอ วรพจน์ ไม่ได้ขอให้ตัวเอง แต่ขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลถนนในบ้านเกิด เพราะทางเข้าบ้านคลองสกนั้นไม่สามารถเดินทางได้เลยในหน้าฝนและชาวบ้านเกษตรกรลำบากมากเนื่องจากไม่สามารถขนส่งสินค้าทางการเกษตรได้ นั่นทำให้ทางจังหวัดจัดส่งงบประมาณลงไปช่วยสร้างสะพานแทบจะในทันที

 

 

วรพจน์ ยังคงชกทีมชาติต่อไปแต่โอลิมปิกอีก 2 ครั้งต่อมา วรพจน์ ไม่ประสบความสำเร็จนัก ปักกิ่ง 2008 ตกรอบ 8 คนสุดท้าย และ ลอนดอน. 2012 ไม่ผ่านรอบควอลิฟาย จึงตัดสินใจแขวนนวม และชกมวยใน แขนงอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนักและนอกจาก ธุรกิจที่สร้างไว้ วรพจน์ ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับ เอเยนต์ในการส่งนักเรียนไปเรียนที่เมืองเมล เบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ร่วมกับ ภรรยา ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานด้านการศึกษา หรือ งานพาร์ตไทม์ เพื่อ ช่วยเหลือนักเรียนด้วย

 


stadium

author

StadiumTh Team Content

StadiumTH Content Creator

stadium olympic