มนัส บุญจำนงค์ : นักกีฬาไทยที่ประสบความสำเร็จมากสุดในโอลิมปิก

ถ้าจะบอกว่า “วิจารณ์ พลฤทธิ์”เหรียญทองมวยสากลสมัครเล่นโอลิมปิกเกมส์ 2000 เป็นนักกีฬาที่มีข่าวคราวเงียบที่สุดในจำนวนฮีโร่โอลิมปิกแล้ว อีก 4 ปีต่อมา “มนัส บุญจำนงค์” คงเป็นนักกีฬาที่มีข่าวคราวนอกสนามมากที่สุด ถึงขั้นทำให้กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติต้องปรับเปลี่ยนระเบียบการสนับสนุนเงินรางวัลจากเงินก้อนเดียวเป็นการแบ่งจ่ายในรูปแบบเงินเดือนเลยทีเดียว

“เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2523 ที่จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรของนายมโนและนางมาลี บุญจำนงค์ มีน้องชายอีก 2 คนคือ นน บุญจำนงค์ และ พันธนินทร์ ทั้งสามพี่น้องหัดชกมวยมาตั้งแต่สมัยเด็ก (ภายหลังนน ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยด้วย)

“เติ้ล” เริ่มต้นเอาดีกับกีฬามวยไทยตั้งแต่ต้น แต่ไม่ได้ฉายแววสักเท่าไรในช่วงแรก เพราะโดนคู่ชกรุ่นเดียวกันในวัย. 8 ขวบ ไล่ยำจนร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับบ้านบ่อยครั้ง ก่อนที่ช่วง ม.1 จะเริ่มหันมาชกมวยสากลสมัครเล่น ซึ่งดูเหมือน มนัส จะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพราะในการชกระดับจังหวัดเข้าแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติที่ จ.สงขลา เมื่อปี 2536 ซึ่ง มนัส ได้เหรียญทองนั้นฟอร์มของเด็กราชบุรีคนนี้โดนใจ ฮวน ฟอนตาเนียล ยอดโค้ชชาวคิวบาที่ไปชมการแข่งขันด้วยถึงขั้นเข้าไปขอตัวให้เข้ามาติดทีมเยาวชนและย้ายมาเรียนในกรุงเทพทันที

มนัส ในฐานะน้องเล็กของทีมชาติมีรุ่นพี่อย่าง สมรักษ์ คำสิงห์, วิชัย ขัดโพธิ์, ประมวนศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ, สมจิตร จงจอหอ คอยประคับประคองขัดเกลาฝีมือ แม้เชิงชกของนักชกศิลปินอย่าง มนัส จะยกระดับขึ้นมาจนโดดเด่นที่สุดในรุ่น แต่เขามีปัญหากับโปรแกรมการฝึกซ้อมที่เข้มงวดเกือบจะถูกตัดออกจากทีมชาติบ่อยครั้งเพราะหนีเที่ยว แต่ก็มี พลเอกทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมฯ คอยดึงกลับมาเสมอ

เจ้าเติ้ล มีฝีมือเกินระดับอาเซียนไปเยอะคว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้เป็นระยะๆ (4 สมัย) และเป็นมวยดาวรุ่งที่ได้ตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ในปี 2004 ด้วย ครั้งนั้นสมาคมส่งมวยเสื้อกล้ามไทยไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่ คิวบา เพื่อเตรียมความพร้อมโค้งสุดท้ายหรือเป็นแผนไม่ให้มนัสหนีเที่ยวได้หรืออย่างไร

มนัส พัฒนาไปมากแม้จะเป็นมวยหน้าใหม่ถึงขั้น สมรักษ์ คำสิงห์ เคยบอกกับมนัสในแคมป์ทีมชาติว่า “เอ็ง จะเป็นแชมป์โอลิมปิกเกมส์ เพราะในแคมป์ไม่เคยมีใครต่อยหน้าพี่ได้ ตอนนี้มีแค่เอ็งคนเดียว” เอเธนส์ 2004 มวยตัวเต็งอย่าง สมรักษ์,  สมจิตร, สุบรรณ พันโนน กระเด็นตกรอบไปหมดแล้ว เหลือแค่มวยใหม่อย่าง มนัส, วรพจน์ เพชรขุ้ม, สุริยา ปราสาทหินพิมาย และเป็นมวยใหม่ทั้งหมดที่ประสบความสำเร็จในเอเธนส์เกมส์ รวมถึง มนัส ที่รอบก่อนรองชนะเลิศ ชนะวิลลี เบรน จากฝรั่งเศส 20-8, รอบรองชนะเลิศชนะ ไอโอนัท จอร์จี นักชกโรมาเนีย และ รอบชิงชนะเลิศ ชนะยูได เซเดอโน่ จอห์นสัน จากคิวบา 17-11 

มนัส กลายเป็นนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นคนที่ 3 ของไทยที่คว้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ต่อจาก สมรักษ์ คำสิงห์ และ วิจารณ์ พลฤทธิ์  รวมทั้งยังเป็นนักกีฬาไทยคนที่ 3 ในโอลิมปิกเกมส์หนนี้ที่คว้าเหรียญทองได้ต่อจาก อุดมพร พลศักดิ์ และ ปวีณา ทองสุก นักยกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทย 

หลังกระแสโอลิมปิกจางลงไม่นาน มนัสขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเพราะข่าวอื้อฉาว ทั้งติดการพนัน เที่ยวเตร่ ไม่ฝึกซ้อมและร้ายแรงถึงขั้นมีปัญหาครอบครัวหย่าร้างกับ นางพจนีย์ บุญจำนงค์ ภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่มนัสยังไม่มีชื่อเสียง ทั้งที่มีบุตรด้วยกันถึง 3 คน เงินทอง ก็เริ่มร่อยหรอ และหยิบปืนขึ้นมาเพื่อเตรียมฆ่าตัวตายหนีปัญหา ก็ได้ พลเอกทวีป คนเดิมที่ยังไว้ใจและเชื่อมือให้โอกาสมนัสอีกครั้ง ชนิดที่ พลเอกทวีป ต้องยืนรับกระสุนให้เพราะถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงที่ยังเลือก มนัสลุยเอเชียนเกมส์ 2006 แต่ มนัส ไม่ทำให้ผิดหวังคว้าเหรียญทองที่โดฮาได้สมใจและต่อเนื่องด้วยการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ที่โคราชในปี 2007

ดีอยู่ไม่นาน มนัส ก็มาดีแตกอีกกลับสู่วังวนเดิม ทั้งติดการพนันเที่ยวเตร่ ไม่ฝึกซ้อม ซึ่งคนเดิมคือพลเอก ทวีป ที่เอาคอขึ้นเขียง ยังให้โอกาสมนัส เพราะมองว่า มนัส ยังดีพอสำหรับโอลิมปิกเกมส์ “ปักกิ่ง 2008” ช่วงนั้น มนัส เริ่มคิดได้ เพราะเพื่อนเที่ยวหายหัวไปหมดในยามที่เขาลำบาก มนัส จึงกลับมาเข้าแคมป์ฝึกซ้อม เขาลดน้ำหนักลงไป 17 กิโลกรัม เพื่อทำน้ำหนักไปคัดโอลิมปิกเกมส์และก็ทำสำเร็จ

มนัส ไปโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 ในชีวิตด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม แต่เชิงชกอัจฉริยะของเขายังช่วยให้เอาตัวรอด และสามารถคว้าเหรียญเงินได้สำเร็จ เป็นนักกีฬาคนแรกที่สามารถคว้าเหรียญได้จากสองโอลิมปิกเกมส์ 

อย่างไรก็ตาม มนัส ยังคงมีข่าวฉาวเป็นระยะๆ ระหว่างที่เตรียมตัวจะไปโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ลอนดอน จนสุดท้ายมนัส ไม่เข้ารายงานตัวจนลูกพี่อย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ ต้องออกมารับประกันกับ สมาคมมวยสากลฯ เพื่อให้โอกาสน้องอีกหน แต่สุดท้าย มนัส ก็ไม่มาตามนัด ทำเอา สมรักษ์ เกือบเสียคน  ซึ่งภายหลัง มนัส ต้องเข้าไปขอขมา

จากนั้น มนัส หันไปชกมวยอาชีพระยะสั้นๆไม่ประสบความสำเร็จมากนักและผันไปสอนมวยที่เมืองเซิ่นเจิ้น ประเทศจีน อยู่ช่วงหนึ่ง ส่วนปัจจุบัน เป็นครูสอนมวยให้กับค่าย ส.สมหมาย รวมทั้งเปิดรับสอนเทคนิคการชกมวยอีกด้วย