stadium

วิจารณ์ พลฤทธิ์ จากมวยแทนสู่ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก ปี 2000

12 กุมภาพันธ์ 2563

ก่อนโอลิมปิกครั้งแรกของศตวรรษใหม่ "ซิดนีย์ 2000" แทบไม่มีใครรู้จัก "อิคคิวซัง" วิจารณ์ พลฤทธิ์ มากสักเท่าไร แม้เขาจะเคยคว้าเหรียญทองในซีเกมส์ ครั้งที่ 20 ที่บรูไน มาแล้ว แถมนักชกหนุ่มจากศรีสัชนาลัยยังไปโอลิมปิกในฐานะมวยแทนอีกต่างหาก

 

วิจารณ์ แทบจะหายเข้ากลีบเมฆไปเลยหลังกระแสโอลิมปิกเกมส์เริ่มซาลง ย้อนหลังไปตั้งแต่ต้น “วิจารณ์ พลฤทธิ์” เกิดเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2519 ที่ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เป็นลูกคนที่ 3 จากทั้งหมด 4 คนของพ่อจิ้มและแม่ทองม้วน พลฤทธิ์ ทางบ้านฐานะปานกลางไม่ถึงขั้นปากกัดตีนถีบ พ่อจิ้มทำงานเป็นควาญช้างลากซุง ซึ่งความชื่นชอบกีฬาหมัดมวยและพยายามฝังดีเอ็นเอนักมวยให้ลูกชายทุกคน

 

 

บรรจง พลฤทธิ์ พี่ชายเป็นหัวขบวนนักมวยของบ้านนี้ บรรจง มีฉายาว่า คมเคียวเล็ก ศิษย์ครูงาน ตั้งชื่อตามครูงานผู้ประสิทธิประสาทวิชา ก่อนที่ วิจารณ์ จะเดินตามรอยในเวลาไม่ห่างกันนัก แรกเริ่ม วิจารณ์ ไม่ได้อยากเป็นนักมวย อยากไปเตะฟุตบอลกับเพื่อน แต่เห็นพี่ชายชกแพ้ แล้วมันคันไม้คันมืออยากขึ้นไปชกเองให้รู้แล้วรู้รอด จนได้ขึ้นสังเวียนครั้งแรกในงานวัดตอน ป. 4 ประกบคู่กับ คู่ชกรุ่นพี่ ป.5 อีกโรงเรียนที่มีประสบการณ์การชกมากกว่า วิจารณ์ไล่ชกเอาชนะคู่ชกได้เงินรางวัลมา 50 บาท 

 

เจ้าตัวเล่าว่า เงินก้อนแรกนั้นเก็บไว้เองและเอาไปซื้อขนมและโอวันตินกินในงานวัด การฝึกซ้อมในต่างจังหวัดก็ซ้อมไปแบบตามมีตามเกิด แต่ไปหาประสบการณ์จริงบนเวที วิจารณ์ เดินสายชกมวยสลากภัตรกว่า 40 ไฟต์ จนจบม. 3 ก็เข้ามากรุงเทพมาอยู่กับค่ายยุทธภูมิค่ายดังในเวลานั้นตามรอย บรรจง พี่ชายเหมือนเดิม

 

กระดูกมวยของ วิจารณ์ อยู่ในเกณฑ์พร้อมประกาศศักดาในเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเรียน เพราะฝึกซ้อมในช่วงเช้าแล้วไปเรียนภาคค่ำจนถึง 4 ทุ่มแล้วจึงเข้านอน แล้วตื่นมาซ้อมวนไปแบบนี้อยู่นาน 2 เดือนในกรุงเทพ วิจารณ์ ถูกส่งขึ้นชกที่ลุมพินีอย่างรวดเร็วและเอาชนะตั้งแต่ไฟต์แรกแบบไม่มีอาการตื่นเวที เพราะเคยดูพี่ชายชกหลายไฟต์ คุ้นชินกับบรรยากาศในสนามมวยจนคว้าแชมป์ราชดำเนิน 115 ปอนด์ (จูเนียร์ แบนตั้มเวต) ค่าตัวขยับจาก 3,500 บาท จนได้แชมป์ไปถึง 80,000 บาท ชกมวยไทยได้ 5 ไฟต์ ก็เจอจุดเปลี่ยนในชีวิต เมื่อไฉน ผ่องสุภา ประกาศยุบขายแล้วโอนสิทธิ์ให้กับผู้การเสวก ปิ่นสินชัย ซึ่งตรงกับที่ ผู้การเสวกพยายามหามวยมาเป็นนักกีฬาของตำรวจ ทำให้ได้โอกาสไป แข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย

 

 

แล้วก็เข้าตาโค้ชทีมชาติ ความแกร่งจากมวยไทยทำให้ วิจารณ์ ไปได้สวยกับมวยสากลสมัครเล่น เพราะมองว่าเป็นนักมวยความเร็วสูงเก็บเกี่ยววิชาจากรุ่นพี่ในทีมชาติ แถมบุญพาวาสนาส่ง ซีเกมส์ ครั้งที่ 20 โปรแกรมตรงกับมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลก ทำให้สมาคมต้องแบ่งนักมวยเป็น 2 ชุด ชุดเอ ไปต่อยชิงแชมป์โลกที่สหรัฐอเมริกา ส่วน ชุดบี ลงซีเกมส์ ซึ่งขาดนักชกในรุ่น 54 ก.ก. ทำให้ต้องดึง วิจารณ์ จากทีมซี ในรุ่น 51 ก.ก. มาชกแทน ไฟกำลังแรงพอๆกับฟอร์มการชก ทำให้คว้าเหรียญทองได้ไม่ยาก แต่พอกลับมาก็ยังไม่ได้โอกาส ถาวร วิจารณ์ ต้องอยู่ในทีมซีเหมือนเดิม การชิงโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2000 เลกแรก สมจิตร จงจอหอ ซึ่งยึดตำแหน่งในทีมชุด เอ เกิดฟอร์มไม่นิ่ง เลก 2 ประมวลศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ์ รุ่นพี่อีกคนขอแขวนนวมไปเสียก่อน ทำให้โอกาสตกมาถึง วิจารณ์ และเขาคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ ด้วยการไปคัดเลือกได้โควตาโอลิมปิกเกมส์มา

 

“มวยแทน” อย่าง วิจารณ์ ไม่มีใครมองว่าเขาเป็นตัวเต็งที่จะคว้าเหรียญใดๆก็ตามจากโอลิมปิกเกมส์ ที่ซิดนีย์ มีเพียงเสียงเดียวคือ ขาวผ่อง สิทธิชูชัย ที่มองว่า ไอ้หนูอิคคิวซัง เป็นม้ามืดของรายการนี้ ผลการจับฉลากรุ่นฟลายเวต 51 กก. ยิ่งทำให้คนทั้งประเทศมองว่า “ขาวผ่อง” คิดผิด แต่เอาเข้าจริง วิจารณ์ กลับหักปากกาเซียน เอาชนะคะแนน วาร์ดัน ซาการ์ยัน (เยอรมัน) 18-2 ในรอบแรก รอบต่อมา ชนะคะแนน แอนครูว์ คูเนอร์ (แคนาดา) 11-7/ รอบสาม ชนะคะแนน มานูเอล มันติญ่า แชมป์โลกจากคิวบา 19-8 รอบตัดเชือก ชนะวลาดิเมียร์ ไซโดเรนโก้ (ยูเครน) 14-11 รอบชิงชนะเลิศ ชนะคะแนน บูรัต ยูมาดิลอฟ (คาซัคสถาน) 19-12 เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ แอตแลนต้า คว้าเหรียญทองตามรอย สมรักษ์ คำสิงห์ การต้อนรับวิจารณ์ พลฤทธิ์ กลับสู่มาตุภูมินั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้ สมรักษ์ เมื่อ 4 ปีก่อน 

 

แต่ชีวิตของ วิจารณ์ เจ้าของเหรียญทองคนที่ 2 แตกต่างจาก สมรักษ์ เจ้าของเหรียญทองคนแรกอย่างสิ้นเชิง วิจารณ์ ได้รับโอกาสในวงการบันเทิงในเรื่อง “สมิงบ้านไร่” ทางช่อง 7 เหมือนเดิม แต่ดูจะไม่ใช่ทางของเขาแม้แต่น้อย

 

วิจารณ์ ในวัยแค่ 24 ปี กลับสู่วงการกำปั้นอีกครั้ง แต่ความตั้งใจแตกต่างจากสมจิตร จงจอหอ ที่กำลังมุ่งมั่นเพื่อโอลิมปิกเกมส์ในครั้งต่อๆไป ประกอบกับร่างกายเริ่มถดถอยและค่อยปลีกตัวออกจากแสงสปอตไลต์ เข้ารับราชการตำรวจรวมทั้งทำธุรกิจผ้าไหม แต่เมื่อทำเรื่องย้ายกลับบ้านได้ก็เซ้งกิจการปัจจุบัน วิจารณ์ รั้งยศพันตำรวจโท ตำแหน่งสารวัตร อำนวยการ สถานีภูธรเมืองอุตรดิต และกลับไปทำไร่ส้มที่จ.สุโขทัยบ้านเกิด


stadium

author

StadiumTh Team Content

StadiumTH Content Creator

stadium olympic