19 เมษายน 2567
ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์หนแรกในปี 1952 ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ และต้องรอถึง 24 ปีก่อนที่นักกีฬาไทยคนแรกจะจารึกชื่อใน ทำเนียบนักกีฬาที่ได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์
“จ้อน” พเยาว์ พูนธรัตน์ เกิดเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2499 ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภูมิลำเนาเดียวกับ โผน กิ่งเพชร จึง พยายามเจริญรอยตาม ไอดอลในวัยเด็ก เข้าสู่วงการหมัดมวยในเชิงมวยไทยนาม "เพชรพเยาว์ ศิษย์ครูทัศน์" ฝีไม้ลายมือในระดับภูธร และพระนคร จากนั้นเบนเข็มชกมวยสากลสมัครเล่น ติดทีมชาติจนได้แชมป์มาประดับบารมีหลายรายการไม่ว่าจะเป็น แชมป์มวยคิงส์คัพ, แชมป์ โกลเด้นคัพ ที่เคนยา, เหรียญเงินมวยสมัครเล่นชิงแชมป์โลก ที่สหรัฐฯ และโด่งดังสุดขีดเมื่อติดธงไตรรงค์ในรุ่น ไลต์ฟลายเวต ร่วมศึก โอลิมปิก เกมส์ "มอนทรีออล 1976" ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ในปี 2519
จากเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 โรงเรียนการช่างวัดราชสิทธิ ที่เพิ่งหันเหชีวิตมาชกมวยสากลสมัครเล่นได้แค่ 2 ปี กลายเป็นวีรบุรุษคนแรก หลังเอาชนะ เรมัส คอสมา จากโรมาเนีย 4-1 รอบสองชนะ อเล็ก ซานเดอร์ กาเชนโก จากสหภาพโซเวียต 3-2 รอบ 8 คนสุดท้าย ชนะ จอร์ดี เกโด จากฮังการี 4-1 ผ่านเข้าตัดเชือกการันตีเหรียญ ก่อนจะไป พ่าย ลี บยอง อุ๊ก จากเกาหลีใต้ อาร์เอสซี ยก 2 แต่ก็เพียงพอจะเปิดประวัติศาสตร์หน้าแรกของไทยในโอลิมปิกเกมส์
หลังกลับถึงเมืองไทย พเยาว์ หันหน้าเข้าสู่วงการมวยสากลอาชีพภายใต้สีเสื้อ ธรรมนูญ วรสิงห์ ผู้จัดการของเนตรน้อย ศ.วรสิงห์ แต่ย้ายไปสังกัดจูน ซาเรียล โปรโมเตอร์ชาวฟิลิปปินส์ กระทั่งติดอันดับสถาบันมวยภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF) และได้รับการติดต่อไปชิงแชมป์ภาคฯกับ ซุน ซุน กวอน นักมวยชาวเกาหลีใต้ ที่ กรุงโซล ถิ่นของแชมป์ ซึ่งผลการชก พเยาว์ พ่ายไปอย่างค้านสายตาทั้งที่ส่งนักชกเจ้าถิ่นไปกองนับ 8 ด้วยซ้ำ
จากนั้น พเยาว์ ได้รับการปลุกปั้นอย่างดีในสังกัดใหม่ของ สหสมภพ ศรีสมวงศ์ ผลงานดีขึ้นตามลำดับจนได้ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท (115 ปอนด์) ของสภามวยโลก (WBC) กับ ราฟาเอล โอโรโน่ แชมป์เวเนซุเอลา ที่โรงแรมแกรนด์ พาเลซ พัทยา จ.ชลบุรี 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2526 พเยาว์ พูนธรัตน์ เอาชนะคะแนนไปได้อย่างหวุดหวิด และพเยาว์ ทำให้คนไทยดีใจอีกครั้งเพราะเขากลายเป็นแชมป์โลกคนแรกของไทย ในช่วงที่ขาดแคลนแชมป์โลกมากว่า 6 ปี หลังจากที่ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ เสียแชมป์เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2521
อีก 2 ปีถัดมา พเยาว์ เดินทางไปล้มแชมป์กับ จิโร วาตานาเบ้ แชมป์รุ่นเดียวกันของฝั่งสมาคมมวยโลก (WBC) ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น แต่เอาเข้าจริง วาตานาเบ้ ถูกปลดออกจากตำแหน่งกะทันหัน ทำให้ในวันชก พเยาว์ จึงขึ้นสังเวียนเพื่อป้องกันแชมป์ ผลการชก พเยาว์ พ่ายไปอย่างน่ากังขาอีกหน ก่อนจะถูกย้ำแค้นพ่ายน็อกยก 11 ในไฟต์ล้างตา ซึ่ง พเยาว์ ได้ชกกับ ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ นักมวยสร้างรายใหม่ เพื่อเป็นบันไดให้นักชกรุ่นน้อง ก่อนแขวนนวมทันที
ชีวิตนอกผืนผ้าใบ พเยาว์ เข้าทำงานใน ธ.กรุงเทพ สาขา สำนักงานใหญ่ สีลม ก่อนจะลาออกมารับราชการตำรวจ ประจำกองโยธาธิการกรมตำรวจ โดยได้ยศสูงสุดคือ ร้อยตำรวจเอก (ร.ต.อ.) จากนั้นปี 2538 ตัดสินใจลาออกจากชีวิตตำรวจ เพื่อสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่บ้านเกิด แต่สอบตก ซึ่งนักชกเหรียญทองแดงโอลิมปิกไม่ยอมแพ้ลงเลือกตั้งอีกหลายครั้งและประสบความสำเร็จในปี พ.ศ. 2544 ได้เป็นผู้แทนในเขต 3
แต่เพียง 1 ปีให้หลัง พเยาว์ ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ หรือ ALS โรคที่น้อยรายจะเป็น แม้ พเยาว์ จะเข้ารับการรักษา แต่อาการมีแต่ทรุดหนัก ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นตลอด ซึ่งอาการก็ยังไม่ดีขึ้นกลับทรุดหนักขึ้นเรื่อย ๆ เป็นอัมพาตพูดไม่ได้ต้องนั่งอยู่บนรถเข็น จนถูกปลดจากตำแหน่งผู้แทน แต่พเยาว์ยังมี นางอดาวัลย์ พูนธรัตน์ ภรรยา และ น.ส.รมณ พูลธรัตน์ และ นายปัณณพัฒน์ พูลธรัตน์ คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
พเยาว์ เคยให้สัมภาษณ์ด้วยการใช้ปากคาบหลอดกาแฟแล้วจิ้ม ไปยังพยัญชนะและสระบนแผ่นกระดาษคล้ายการเล่น "ผีถ้วยแก้ว" แล้วให้คนจดตามรวม 2 หน้า เนื้อความว่า
"ผมเป็นโรคเอแอลเอสไม่มีทางรักษาได้ ในอังกฤษมีคนเป็นกันมาก บ้านเราก็เป็นหนึ่งในล้าน ผมโชคไม่ดี อาการของโรคจะมีอาการหายใจติดขัด จะกินอาหารก็ลำบาก มีอาการสำลักตลอดเวลา ทุกวัน ผมต้องต่อสู้กับโรคที่เป็นอยู่ ทุกวันนี้ผมเดินไม่ได้ แขนขาขยับไม่ได้ แต่ความจำและสมองของผมยังดีอยู่ ขอให้ทางรัฐบาลได้จัดงานวิจัยจัดงบประมาณให้มากกว่านี้ จากประสบการณ์การรักษาของผมด้วยสมุนไพร ทำให้ผมได้รู้ว่าสาเหตุการป่วยมาจากส่วนหนึ่งของเลือดเสีย เป็นการช้ำของการต่อสู้ ซึ่งไม่สามารถจะนำเลือดที่เสียส่วนนี้มาฟอกให้ดีได้”
“จากการรักษาอยู่ประมาณ 2 ปี ทำให้รู้ว่าเลือดเสียและไขมันที่ยังคั่งค้างอยู่ที่เป็นกลุ่มก้อนนั้นได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่า เป็นส่วนหนึ่งของไขมันและเลือด มีพยานจำนวนมากที่ได้เห็นได้รู้ มีหมอรักษาแผนโบราณอยู่ที่ ต.ตาขวัญ อ.เมือง จ.ระยอง ผมขอเรียกร้องว่าครั้งหนึ่งผมได้เหรียญทองแดงในปี 2519 และได้รับความช่วยเหลือในปี 2545 ผมกำลังจะหมดลมหายใจ ใครจะช่วยเหลือในเรื่องยา ซึ่งตกเดือนละประมาณ 25,000 บาท และค่าอาหารทางด้านโปรตีน และอื่นๆ ก็ตกเดือนละประมาณ 20,000 บาท"
แต่ดูเหมือนเสียงของพเยาว์จะดังไม่พอ และไม่ทันการณ์เสียแล้ว หลังจากฮีโร่โอลิมปิก เสียชีวิตลงอย่างสงบในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ที่โรงพยาบาลศิริราช
TAG ที่เกี่ยวข้อง