stadium

100 ปีของบทพิสูจน์ ไดกิ้น ผนึกกำลัง 4 นักกีฬาไทย "สู้สุดใจ เพื่อเป้าหมายสูงสุด"

26 กรกฎาคม 2567

นักกีฬาทุกคนกว่าที่พวกเขาจะก้าวไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุดตามที่ตั้งใจเอาไว้ได้นั้น จำเป็นจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลัง เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นแล้ว ก็คงไม่มีทางไปถึงจุดหมายได้อย่างที่ตั้งใจ เช่นเดียวกับ บริษัท ไดกิ้น เป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว นับตั้งแต่ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2464 ได้มุ่งมั่นพยายามคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเครื่องปรับอากาศต่าง ๆ มาโดยตลอดจนก้าวมาอยู่จุดสูงสุด เป็นผู้นำเทคโนโลยีทางด้านระบบปรับอากาศ ทำให้ได้รับการยอมรับ และความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก 

 

แต่กว่าจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นที่สุดได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ว่าจะตัวแบรนด์ไดกิ้นหรือผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ ต่างก็ผ่านการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณภาพและกระบวนต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การเฟ้นหาบุคลากรที่มีคุณภาพ ผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานวิศวกรและทีมวิจัยด้านระบบปรับอากาศ ผนึกกำลังร่วมมือกันคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆอยู่เสมอ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อต้องการส่งต่ออากาศที่สมบูรณ์แบบภายใต้แนวคิด  Perfecting The Air จนกระทั่งปัจจุบันไดกิ้นพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องปรับอากาศ Daikin MAX Inverter ที่มีคุณสมบัติพิเศษเป็นที่สุดรอบด้าน ทั้งความประหยัดขั้นสุด, เย็นไวขั้นสุด เงียบสุด และทนทานที่สุด ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มกำลังของทีมงานทุกคน ทุ่มเทเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีที่สิ้นสุด กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไดกิ้นก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ผู้นำจนได้รับความไว้วางใจจากคนทั่วโลก

 

จากความทุ่มเทดังกล่าวถือเป็นวิธีเดียวกันกับนักกีฬาทีมชาติไทย เพราะกว่าที่พวกเขาทุกคนจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนทีมชาติได้นั้น ต้องเสียสละหยาดเหงื่อแรงกาย ทุ่มเทแรงใจ สละเวลาส่วนตัวเพื่อมุ่งมั่นกับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อก้าวไปสู่พิสูจน์ตัวเองในเวทีนานาชาติ และจากความพยายามนี้เองทำให้นักกีฬาทีมชาติไทยทั้ง 4 คนนี้ ผ่านการคัดเลือกรายการต่าง ๆ จากทั่วโลกจนสามารถสามารถคว้าตั๋วเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์​ 2024 ได้เป็นผลสำเร็จ

 

 

สู้สุดใจในทุกด้าน “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

 

ความมุมานะของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ถือเป็นต้นแบบของนักกีฬาที่ดิ้นรนต่อสู้จนไปสุดในทุก ๆ ด้าน ความหมั่นเพียรจากการฝึกฝนตัวเองในสนามซ้อมอย่างหนักทุกวัน ทำให้เธอประสบความสำเร็จมาแล้วนับไม่ถ้วน ทั้งการเป็นแชมป์โอลิมปิก, แชมป์โลก หรือมือ 1 ของโลก รวมไปถึงรายการอื่น ๆ จนสถาปนาตัวเองกลายเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์นักกีฬาไทย

 

ความสามารถของ “เทนนิส”​ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เธอใช้เวลาว่างนอกสนาม ฝึกฝนทักษะในด้านต่าง​ๆ เพื่อเติมเต็มความฝันของตนเองในหลากหลายด้าน ทั้งด้านการพูด การคิด นำเสนอคอนเทนท์บนโลกออนไลน์ จนประสบความสำเร็จมีผู้ติดตามในช่องทางส่วนตัว Youtube, Tiktok, Facebook กว่า 2 ล้านผู้ติดตาม

 

อย่างไรก็ตามเวลานี้เธอยังมีอีกหนึ่งบทบาทที่กำลังพิสูจน์ตัวเอง คือการนำความรู้ความสามารถทางด้านกีฬาไปต่อยอดสู่การเจ้าของธุรกิจ มียิมเทควันโดเป็นของตัวเองพร้อมควบบทบาทผู้ฝึกสอนส่งต่อความรู้และประสบการณ์ทักษะกีฬาให้กับเยาวชน ซึ่งเราเชื่อว่าความจริงจังและจริงใจในการลงมือทำอย่างสุดกำลังในทุกเรื่อง จะทำให้เธอไปได้ไกลจนถึงเป้าหมายสูงสุดเหมือนทุกครั้ง

 

 

สู้สุดใจด้วยทีมเวิร์ก “วิว” รวินดา ประจงใจ

 

นักกีฬาแต่ละคนนั้นมีทางเดินบนเส้นทางสู่ความสำเร็จแตกต่างกันไป บางคนทำได้ด้วยตัวคนเดียว แต่สำหรับบางคนสร้างได้จากการทำงานเป็นทีม แบบเดียวกับ “วิว” รวินดา ประจงใจ นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ในประเภทหญิงคู่ ซึ่งการจะไปถึงเป้าหมายสูงสุดอย่างโอลิมปิกเกมส์ได้นั้นจำเป็นอาศัยปัจจัยหลายอย่าง

 

ทั้งการมีคู่หูที่ยอดเยี่ยม ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีเป้าหมายเดียวกัน ลงมือทำไปด้วยกัน อยู่เคียงกันในทุกช่วงเวลาทั้งดีและร้าย สำหรับรวินดาแล้ว การจับคู่กับ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล เข้าสู่ปีที่ 10 ปี บนเส้นทางนักแบดมินตันอาชีพ เปรียบดั่งการค้นพบจิ๊กซอว์ชิ้นที่ลงตัว เพราะทั้งสองคนต่างก็มอบความไว้วางใจให้แก่กัน อยู่เคียงข้างกันในทุกช่วงเวลา ฝึกซ้อมอย่างหนักร่วมกัน ฟันฝ่าทุกความท้าทายตลอดเส้นทางการเป็นนักกีฬา จนสามารถเปลี่ยนความฝันให้เป็นจริงได้สำเร็จ

 

"หนูกับกิ๊ฟมีเป้าหมายที่เหมือนกันคือต้องไปโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ และพยายามทำอันดับโลกให้สูงที่สุด เงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขันเป็นแค่ผลพลอยได้ ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเราทั้งคู่ เรามองว่าถ้าได้ไปแข่งระดับโอลิมปิกแล้ว สามารถคว้าเหรียญรางวัลกลับมาได้ จะเป็นเกียรติกับเราสองคนมาก ๆ ทุกอย่างมันเลยเป็นการช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ช่วงไหนที่เราฟอร์มแย่ก็จะคอยให้กำลังใจกันเพื่อให้เดินต่อไปด้วยกันได้"

 

 

สู้สุดใจเพื่อเป็นที่ 1 “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง

 

ความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะในทุกความผิดหวังนั้นเต็มไปความมุ่งมั่นที่มากขึ้น ซึ่งตรงกับชีวิตเรื่องจริงของ “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย รุ่น 68 กก. ชาย 

 

ตั้งแต่เล็กจนโต หยู อาจจะไม่นักกีฬาที่โดดเด่นในด้านเทคนิค แต่ถ้าหากเป็นเรื่องหัวจิตหัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้หรือความมุ่งมั่นเกินร้อย เขาไม่เคยเป็นสองรองใคร ซึ่งความโดดเด่นในเรื่องนี้ทำให้ทุกครั้งเขาจะเก็บเอาข้อผิดพลาดจากความพ่ายแพ้กลับไปแก้ไขตัวเองเพื่อทำผลงานให้ดีขึ้นในแมตช์ต่อ ๆ ไป

 

ตลอดเส้นทางหยูพบกับความผิดหวังครั้งใหญ่ถึง 2 รายการติดต่อกัน จากความพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศในรายการเยาวชนชิงแชมป์โลก 2022 และศึกชิงแชมป์โลก 2023 ทั้งหมดจบลงด้วยตำแหน่งรองแชมป์ 

 

อย่างไรก็ตามเป็นเพราะหยูไม่เคยถอดใจยอมแพ้ ลุกขึ้นสู้สุดใจด้วยความเชื่อมั่นเหมือนที่เคยทำ ท้ายที่สุดเขาก้าวข้ามความผิดหวังกลายเป็นแชมป์เอเชียนเกมส์ เมื่อปี 2023 และเป็นนักเทควันโดชายไทยคนแรกในรอบ 13 ปีที่ได้เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ ประเภทต่อสู้ชายอีกด้วย 

 

ส่วนโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส เขายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าอย่างสุดกำลังเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุดคือการคว้าเหรียญทองมาให้ได้

 

 

สู้สุดใจเพื่อความฝัน “เหลิม” ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด

 

นักกีฬาทุกคนนั้นมีความฝัน มีเป้าหมายเป็นของตัวเองและเราเชื่อพวกเขาต่างทุ่มสุดตัวเพื่อไปให้ถึงสิ่งนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วระหว่างการเดินทาง ก็มีนักกีฬาหลายคนที่เกือบถึงฝันแต่ถูกอุปสรรคขัดขวางจนทำให้ท้อแท้และไม่สามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่กับ “เหลิม” ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด นักกีฬามวยสากลทีมชาติไทย

 

“เหลิม” ธิติสรรณ์ เป็นเหมือนใครหลาย ๆ คน ระหว่างการเดินทางเขาเองเกือบที่จะไปถึงฝัน หลังจากคว้าโควตาโอลิมปิก "โตเกียว 2020" แต่แล้วด้วยความตั้งใจและทุ่มเทในการฝึกซ้อมมากเกินไป ทำให้ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน และไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ ความเสียดายโอกาสในครั้งนั้นเกือบทำให้เขาถอดใจ แต่เป็นเพราะหัวใจของเขายังคงสู้ มีความปรารถนาอยากจะทำความฝันให้สำเร็จ จึงตัดสินใจทุ่มสุดกำลังอีกครั้ง

 

ความพยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จในเอเชียนเกมส์ที่หางโจว ซึ่งมีตั๋วให้เพียง 2 ใบในรุ่น 51 กก. ชาย ทำให้เขาต้องเข้าถึงรอบชิงให้ได้ และธิติสรรณ์ก็ไม่ทำให้ทุกคนรวมถึงตัวเองผิดหวัง เอาชนะคู่แข่งจากฟิลิปปินส์ไชนีส ไทเป และจีน ได้อย่างไม่มีปัญหา ก่อนจะออกแรงหนักในรอบรองชนะเลิศเบียดชนะคะแนนเกาหลีเหนือหวุดหวิด 3-2 เสียง เข้ารอบชิงฯ พร้อมคว้าตั๋วโอลิมปิกได้สำเร็จอีกครั้ง ทั้งหมดนี้คือผลตอบแทนการสู้สุดใจของเขานั่นเอง

 

 

ไดกิ้น ขอชวนคนไทย ส่งเสียงเชียร์สุดใจเพื่อมอบพลังบวกนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนสู้สุใจเพื่อเป้าหมายสูงสุด “สู้เต็ม100 เชียร์เต็ม..MAX” ไปพร้อมกัน ให้เหล่าฮีโร่ทีมชาติไทยการคว้าชัยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 กรกฏาคม ถึง 11 สิงหาคมนี้ 


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator / เชียร์หงส์แดง รักการเดินป่า เสพติดหมูกระทะ

Hatari
stadium olympic