22 กรกฎาคม 2567
โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ครั้งนี้ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติ ในรุ่น 49 กก. หญิง มีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่หยิบเหรียญโอลิมปิกมาคล้องคอได้ 3 สมัย แต่ว่าเธอจะทำสำเร็จหรือไม่ นี่คือ 5 คู่แข่งสุดหินที่ยืนขวางทางอยู่ในปารีส 2024
จอมเตะสาวจากตุรกี วัย 24 ปี เป็นหนึ่งคู่ต่อสู้สุดแกร่งในโอลิมปิกเกมส์หนนี้ เพราะเธอมีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลกคนล่าสุดในปี 2023 ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศ เธอสามารถเอาชนะ “เทนนิส พาณิภัค” ไป 1-2 ยก ถือเป็นการล้างตาได้สำเร็จ หลังจากก่อนหน้านี้ตลอดปี 2022 เมิร์ฟ ดินเซล นั้นแพ้ “เทนนิส” ในรอบชิงชนะเลิศศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 3 รายการรวด
ปัจจุบันเธอรั้งอันดับ 2 ของโลกเป็นรองจอมเตะไทยเพียงคนเดียว และหากว่าย้อนดูฟอร์มตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น เธอคว้าแชมป์ได้ทั้งหมด 8 รายการ โดยมีบางช่วงบางตอนขยับขึ้นไปเล่นรุ่น 53 กก. ด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจ 2 ครั้งล่าสุดที่เธอลงแข่งขันเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่ปารีส สามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด จบด้วยการคว้าแชมป์ 1 ครั้ง เอาชนะ อาเดรียนา เซเรโซ่ ในปี 2023 และคว้ารองแชมป์ในปี 2022 แพ้ให้กับมือ 1 ของโลกจากไทย
จุดเด่นของ เมิร์ฟ ดินเซล คือความแข็งแรงและความแม่นยำในการเข้าทำแต้มในจังหวะสำคัญ ซึ่งในโอลิมปิก 2024 ถ้าหากคู่นี้มีโอกาสโคจรมาพบกันอีก น่าติดตามว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นจอมเตะสาวตุรกีที่เป็นฝ่ายย้ำแค้น หรือจะเป็นจอมเตะของไทยที่เป็นฝ่ายล้างต้าได้สำเร็จ
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน จอมเตะสาวจากแดนกระทิงดุสร้างปรากฎการณ์ด้วยวัยเพียง 17 ปี ก้าวกระโดดขึ้นมาคว้าเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ แถมในรอบชิงชนะเลิศยังสร้างความหนักใจ กดดัน “เทนนิส พาณิภัค” ได้จนถึงวินาทีสุดท้าย
แต่ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาผลงานของเธอ กลับไม่โดดเด่นอย่างที่ถูกคาดการณ์ไว้ คว้าแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ได้เพียงรายเดียวที่อิตาลีในปี 2022 ขณะที่ปี 2023 เธอคว้าได้ 2 รายการ ยูโรเปี้ยนเกมส์และสวีเดน โอเพ่น นอกจากนี้ยังผ่านเข้ารอบชิงฯ ศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ได้ถึง 3 รายการเท่ากับ พาณิภัค แต่กลับเป็นฝ่ายผิดหวังทั้งหมด โดย 2 ใน 3 รายการนั้นเป็นฝ่ายปราชัยให้กับจอมเตะสาวไทย
อย่างไรก็ตามคงไม่มีใครกล้าตัดชื่อเธอทิ้งจากสารบบลุ้นแชมป์ เพราะความเร็วและเทคนิคของเธอยังมีความอันตรายจะประมาทไม่ได้อย่างแน่นอน
จอมเตะสาวจากโครเอเชีย วัย 22 ปี ปัจจุบันเธอคือมือ 1 ของโลกและแชมป์โลก 2 ครั้งล่าสุด และเป็นแชมป์ยุโรปมา 3 ปีติดต่อกันในรุ่น 46 กก. หญิง ซึ่งในโอลิมปิกเกมส์หนนี้ เธอเป็นความหวังในการคว้าเหรียญรางวัลของโครเอเชีย หลังจากที่โตเกียว 2020 พวกเขาเพิ่งเขียนประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองเทควันโดได้เป็นครั้งแรกจากฝีมือของ มาเตีย เยลิช ในรุ่น 67 กก. หญิง
การขยับขึ้นในรุ่น 49 กก. หญิง ก็ดูจะไม่ได้เป็นปัญหากับตัวเธอเท่าไหร่ เพราะตลอดการเก็บคะแนนโอลิมปิกที่ผ่านมาเธอผ่านเข้าชิงฯ ได้ 7 รายการ จนคะแนนโอลิมปิก แรงกิ้งของอยู่อันดับ 4 ของรุ่น 49 กก. หญิง ส่งผลให้เธอจะได้สัมผัสกับโอลิมปิกเกมส์เป็นครั้งแรกในชีวิต
แม้ว่าประสบการณ์จะเป็นรองคู่แข่งตัวเต็งคนอื่น ๆ แต่ความมุ่งมั่นที่ต้องการสานต่อความสำเร็จให้กับบ้านเกิด บวกกับความสามารถแล้ว ทำให้เธอเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่พาณิภัคไม่อาจมองข้ามได้เช่นกัน
จอมเตะเม็กซิกันเป็นคู่แข่งคนสำคัญอีกคนที่เคยสร้างบาดแผลให้กับพาณิภัคมาแล้ว โดยในศึกชิงแชมป์โลก 2022 ทั้งคู่โคจรมาพบกันในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเธอพลิกสถานการณ์จากที่แพ้จอมเตะไทยในยกแรก ก่อนพลิกสถานการณ์แซงกลับมาชนะ 2-1 ยก กรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศก่อนจะคว้าแชมป์โลกไปครองได้ในท้ายที่สุด
ความยอดเยี่ยมของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านี้ นอกจากแชมป์โลกแล้วเธอยังเป็นแชมป์จากทวีปอเมริกา 3 ปีหลังสุด และถึงแม้ว่าผลงานในระดับเวิลด์ กรังปรีซ์ ของเธอจะไม่โดดเด่นเท่าไหร่ แต่ผลลัพธ์จากการคว้าแชมป์ระดับทวีปและระดับโลก ทำให้เธอรั้งเบอร์ 4 ของโลกและอันดับ 5 ในคะแนนโอลิมปิก
นับเป็นอีกหนึ่งคนที่มักทำผลงานได้ดีในรายการสำคัญเสมอ ดังนั้นในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ถ้าหากต้องมาดวลกับพาณิภัคอีกครั้ง คงไม่ใช่ข่าวดีเท่าไหร่แน่ ๆ
หากจำกันได้เธอคนนี้คือคู่ พาณิภัค ที่เคยดวลกันมาในรอบชิงชนะเลิศเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่จีนเป็นเจ้าภาพ ในแมตช์ดังกล่าวในช่วงท้ายเกมมีดราม่าเกิดขึ้น จากความผิดพลาดทางเทคนิคทำให้คะแนนในช่วงต้นยก 3 จากที่ กัวะ ฉิง นำ 6-0 แต้มไหลไปเป็นนำ 23-0 จนเป็นกระแสฮือฮาในช่วงพริบตา แต่ต่อมาเหตุการณ์ก็ได้คลี่คลายลงไป หลังจากที่ โค้ชเช ได้ทำยื่นประท้วง ซึ่งกรรมการได้หารือกันค่อนข้างนาน ก่อนจะให้ "เทนนิส" เปลี่ยนเสื้อเกราะแล้วเริ่มแข่งขันต่อในเวลา 59 วินาที และคะแนนกลับมาเป็น 6-0 สุดท้ายผลจบลงเป็นฝั่ง “เทนนิส” ที่ไล่เตะทำคะแนนตีเสมอและแซงชนะไปได้ 12-9 คะแนน
นอกจากจะพบกันในเอเชียนเกมส์แล้ว คู่นี้ยังพบกันในรอบชิงชนะเลิศ เวิลด์ กรังปรีซ์ 2023 สนามที่ 3 ที่เมืองไท่หยวน ประเทศจีน และเป็นอีกครั้งที่ กัวะ ฉิง พ่ายให้กับจอมเตะไทยในบ้านตัวเอง
กัวะ ฉิง ผ่านการคัดเลือกเข้ามาในฐานะ 1 ใน 6 อันดับแรกของโลก ย่อมบ่งบอกถึงศักยภาพในตัวเธอได้เป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าคู่แข่งรายนี้จะดูแพ้ทาง พาณิภัค แต่การที่จีนพลาดเหรียญรางวัลโอลิมปิกในรุ่น 49 กก. มา 2 ครั้งหลังสุด หรือรวมแล้วห่างหายจากความสำเร็จไปนานถึง 12 ปีเต็ม (หวู จิงหยู คว้าเหรียญทอง 2008-2012) ย่อมเป็นแรงผลักดันให้เธอมุ่งมั่นทวงคืนความสำเร็จในรุ่นนี้กลับสู่เมืองจีนอีกครั้ง
TAG ที่เกี่ยวข้อง