1 มีนาคม 2567
อีกไม่กี่สัปดาห์ การแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ครั้งที่ 33 หรือ ปารีส เกมส์ 2024 จะได้ฤกษ์เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งความพิเศษสุดของครั้งนี้ คือการที่ประเทศฝรั่งเศส ได้เป็นเจ้าภาพอีกครั้งในรอบ 100 ปีต่อจากครั้งล่าสุดคือปี 1924 หรือ โอลิมปิก ครั้งที่ 8 หนึ่งในหน้าบันทึกสำคัญของประวัติศาสตร์มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ
เพราะนอกจากปารีส 1924 จะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายที่ บารอน ปิแอร์ เดอ กูแบร์กแตง บิดาแห่งโอลิมปิก ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากลแล้ว ยังเป็นจุดริเริ่มของประเพณีรวมถึงนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ติดตามได้ที่นี่
"ปารีส 2024" จะเป็นครั้งที่ 3 ของฝรั่งเศสในการรับหน้าที่เจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อน โดยครั้งแรกคือปี 1900 หรือ โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 ต่อจากครั้งแรกที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งความจริงแล้ว บารอน ปิแอร์ เดอ กูแบร์กแตง ผู้ริเริ่มการแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่ได้นำเสนอในที่ประชุม ณ ซอร์บอนน์ เมื่อปี 1894 ว่า โอลิมปิกสมัยแรกควรจัดที่กรุงปารีสในปี 1900 แต่คณะกรรมการไม่ต้องการรอนานถึง 6 ปี จึงมีการลงคะแนนให้กรุงเอเธนส์รับหน้าที่จัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 1896 ก่อนจะตามด้วยกรุงปารีสในอีก 4 ปีถัดไป
สำหรับ ปารีส 1900 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมถึง 28 ตุลาคม โดยไม่มีพิธีเปิดและพิธีปิด เป็นส่วนหนึ่งของงานเวิลด์แฟร์ มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 1,226 คนใน 19 ชนิดกีฬา ซึ่งมีความสับสนว่ารายการใดนับเป็นการแข่งขันโอลิมปิก นักกีฬาหลายคนที่เป็นผู้ชนะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองแข่งโอลิมปิก ขณะเดียวกันยังมีนักกีฬาหญิงเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่ง เอเลน เดอ ปูร์ตาเลส์ นักกีฬาเรือใบชาวสวิสที่เกิดในอเมริกา คือนักกีฬาหญิงคนแรกที่คว้าเหรียญทอง ขณะที่ ชาร์ล็อตต์ คูเปอร์ นักเทนนิสชาวสหราชอาณาจักรเป็นนักกีฬาหญิงคนแรกที่ได้เหรียญทองประเภทบุคคล แต่มีหลายอีเวนต์ที่ไม่มีการมอบเหรียญ นอกจากนั้นยังมีหลายอีเวนต์ที่จัดแข่งครั้งนี้ครั้งเดียว เช่น ตกปลา, แข่งรถ, แข่งบอลลูน, คริกเก็ต, โครเกต์, บาสก์ เปโลตา, ว่ายน้ำ 200 ม. ผ่านสิ่งกีดขวาง และว่ายน้ำใต้น้ำ
นับจากปารีส 1900 มาอีก 20 ปี ฝรั่งเศส ได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกอีกครั้ง และหนึ่งในมรดกสำคัญที่สุดที่ปารีส 1924 มอบให้โอลิมปิก คือการเปิดตัวหมู่บ้านนักกีฬาเป็นครั้งแรก ก่อนจะได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักกีฬาแบบในปัจจุบัน
สำหรับหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกแห่งแรกที่มาจากไอเดียของ บารอน ปิแอร์ เดอ กูแบร์กแตง สร้างใกล้กับสนาม สต๊าด โอลิมปิก ในเมือง กอลมเบส์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปารีส ประกอบด้วยกระท่อมไม้ชั่วคราวหลายหลัง แต่ละหลังมีเตียง 3 เตียง มีสำนักงานแลกเงิน ร้านซักแห้ง ร้านทำผม ร้านขายหนังสือพิมพ์ และที่ทำการไปรษณีย์
ส่วนหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกปารีส 2024 ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองทางตอนเหนือของกรุงปารีส โดยมีที่พักทันสมัยสำหรับนักกีฬา และเป็นต้นแบบของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน สร้างขึ้นด้วยไม้และวัสดุรีไซเคิล ใช้กระบวนการที่ลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลงร้อยละ 30 ต่อตารางเมตรเมื่อเปรียบเทียบกับสถานที่ก่อสร้างอื่นๆ ในฝรั่งเศส ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันจะกลายเป็นเขตที่อยู่อาศัยแห่งใหม่รองรับประชาชน 6,000 คน พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน รวมถึงสถานพยาบาล และสถานศึกษา
ปารีส 1924 ยังได้มีการริเริ่มพิธีการของธงมาใช้ในพิธีปิดการแข่งขัน นั่นคือการลดธงโอลิมปิกลงเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสิ้นสุดการแข่งขันและส่งต่อจิตวิญญาณแห่งโอลิมปิกไปให้กับเจ้าภาพครั้งต่อไป ตามหลักภราดรภาพและความต่อเนื่องของขบวนการโอลิมปิก หรือ Olympic Movement
โอลิมปิกที่กรุงปารีสในปี 1924 มีการจัดแข่งขันกีฬาสำหรับเด็กรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยูธโอลิมปิกในปัจจุบัน โดยมีการแข่งขันกีฬาหลายประเภทที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อส่งเสริมให้มีการออกกำลังกายและปลูกฝังอุดมคติของการแข่งขันอย่างยุติธรรม ความเป็นเลิศ และความเคารพต่อผู้อื่น
ปัจจุบัน การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีสในปี 2024 ยังคงส่งเสริมให้เยาวชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้พัฒนาพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างยั่งยืน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กๆ ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ฝ่ายจัดจึงสนับสนุนให้โรงเรียนต่างๆ ทั่วฝรั่งเศสจัดการออกกำลังกายให้เด็กๆ เป็นเวลา 30 นาทีทุกวัน ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการ 1,2,3 Nagez! (1,2,3 ว่ายน้ำ!) ซึ่ง ปารีส 2024 ได้จัดให้มีการสอนว่ายน้ำฟรีแก่เด็กๆ กว่า 26,000 คนทั่วฝรั่งเศส รวมถึงเด็กๆ 9,400 คนจากเมืองแซน-แซ็งต์-เดอนี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เด็กอายุ 11 ขวบครึ่งหนึ่งว่ายน้ำไม่เป็น
โอลิมปิกปี 1924 คือการแข่งขันที่ผสมผสานประเพณีโอลิมปิกแบบดั้งเดิมเข้ากับแนวคิดหัวก้าวหน้าแบบอาวองการ์ดในช่วงปี 1920 ซึ่งเป็นภาพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของปารีสในขณะนั้น The International Sports Exhibition หรือ "งานแสดงกีฬานานาชาติ" ถูกจัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของโลกกีฬา สร้างบรรทัดฐานสำหรับความก้าวหน้าทางนวัตกรรมเทคโนโลยีและการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรมที่ดำเนินไปควบคู่กัน นอกจากนั้นยังมีจัดแข่งขันด้านศิลปะ ซึ่งมีทั้งวรรณกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม สถาปัตยกรรม และดนตรี อีกด้วย
เพื่อสานต่อประเพณีของการรวมวัฒนธรรมกับกีฬาเข้าด้วยกัน ปารีส 2024 มีการจัดกิจกรรมทางวัฒธรรมทั่วประเทศฝรั่งเศสโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนการแข่งขันโอลิมปิกไปจนถึงวันที่ 8 กันยายน 2024 โดยเน้นที่อารมณ์ความรู้สึกและความงาม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างทั่วถึงด้วยการผสมผสานศิลปะเข้ากับการแสดงออกทางกีฬา
ในช่วงเตรียมจัดแข่งขันในปี 1924 ปารีสได้ดำเนินโครงการพัฒนาเมืองที่สำคัญ การปรับปรุงเส้นทางรถไฟสามสายและการก่อสร้างสถานีรถไฟ Gare du Stade ช่วยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเมืองได้อย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์ระยะยาวแก่เครือข่ายการคมนาคมของปารีสอีกด้วย
ขณะที่สนามกีฬา สต๊าด โอลิมปิก เดอ กอลมเบส์ ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อสนามกีฬา อีฟส์ ดู มานัวร์ เป็นสถานที่หลักในการแข่งขันในปี 1924 โดยจัดการแข่งขันกรีฑา ยิมนาสติก รวมถึงพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน ซึ่งเกือบหนึ่งศตวรรษต่อมา สนามกีฬาแห่งนี้ถูกนำมาใช้อีกครั้ง โดยทำหน้าจัดการแข่งขันฮอกกี้ ซึ่งการนำสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญกลับมาใช้ใหม่นี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์มรดกของการแข่งขันในอดีต พร้อมทั้งปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทันสมัยตามมาตรฐานสากล
อีกสนามแข่งขันในปี 1924 ที่นำมาใช้ใน ปารีส 2024 คือ สต๊าด นอติก เดส์ ตูร์เลส์ ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นสระว่ายน้ำ จอร์จ วัลเลอเรย์ ที่เดิมทีสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งขันว่ายน้ำ ดำน้ำ และโปโลน้ำในปี 1924 โดยจะใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมของนักว่ายน้ำ ว่ายน้ำมาราธอน และไตรกีฬาในการแข่งขันปารีส 2024
จากปารีส 1924 ผ่านมา 100 ปี ฝรั่งเศสกลับมาเป็นเจ้าภาพการจัดงานโอลิมปิกอย่างยิ่งใหญ่ โดยนำเอาสถานที่สำคัญของประเทศมาใช้จัดการแข่งขัน เช่น หอไอเฟล, พระราชวังแวร์ซายส์, กร็อง ปาแล และจัตุรัสคองคอร์ด ขณะเดียวกันโอลิมปิกครั้งนี้ เจ้าภาพยังคำนึงถึงบริบททางสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งประเด็นความเท่าเทียมทางเพศที่นักกีฬาทั้งหมด 10,500 คน แบ่งเป็นนักกีฬา เพศชาย 5,250 คน และ เพศหญิงทั้งหมด 5,250 คน หรือ 50 เปอร์เซ็นต์พอดี เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จำนวนนักกีฬาชายและหญิงมีเท่ากัน
ส่วนทางด้านสิ่งแวดล้อมนั้น ฝรั่งเศสยึดหลัก The Carbon-Neutral ด้วยความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อสภาพภูมิอากาศโลก และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ โอลิมปิกจะใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นพลังงานสะอาด 100% นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นที่จะใช้สนามกีฬาที่มีอยู่เดิมให้มากที่สุด แทนการสร้างใหม่ที่อาจเพิ่มการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ พิธีเปิดการแข่งขัน ที่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โอลิมปิกที่มีการจัดพิธีเปิดนอกสนามกีฬา และเปิดบางส่วนให้เข้าชมได้ฟรี ซึ่งพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปีนี้ จะเป็นการแสดงพิธีเปิดขนาดยักษ์ใน “แม่น้ำแซน” ณ กรุงปารีส นักกีฬาจากประเทศต่างๆ จะอยู่บนเรือเพื่อแห่ขบวนพาเหรดล่องไปตามสายน้ำผ่านใจกลางเมืองหลวงของฝรั่งเศส ตามเส้นทาง 6 กิโลเมตร
TAG ที่เกี่ยวข้อง