ประวัติกีฬาสเก็ตบอร์ดในโอลิมปิก

จากกีฬาของเหล่าวัยรุ่นอเมริกัน ได้ถูกบรรจุเข้ามาเป็นเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการในโตเกียว 2020 ทำให้ทั่วโลกต้องจับตามองการการแข่งกีฬาเอ็กซ์ตรีมบนเวทีระดับโลกครั้งนี้อย่างมาก

Overview

จุดเริ่มต้นของสเก็ตบอร์ดนั้นย้อนกลับไปได้ถึงช่วงทศวรรษที่ 50 เมื่อกลุ่มนักเล่นกระดานโต้คลื่นในแคลิฟอร์เนีย เกิดไอเดียนำกระดานมาเล่นบนท้องถนนยามที่ทะเลไม่มีคลื่น ด้วยการนำล้อสเก็ตมาประกอบกับไม้กระดาน และเริ่มพัฒนารูปแบบการเล่นโดยการดัดแปลงเทคนิคมาจากการเล่นกระดานโต้คลื่นในทะเล

ด้วยความแปลกใหม่ ทำให้สเกตบอร์ดได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่วัยรุ่น แต่การเล่นที่ไร้รูปแบบชัดเจน รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย นำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตหลายครั้ง จนทำให้สเก็ตบอร์ดกลายเป็น “กีฬาต้องห้าม” ไปในที่สุด

จนกระทั่งในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 กระแสของ สเก็ตบอร์ด ก็เริ่มหวนกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีการสร้างลานสเก็ตบอร์ดคอนกรีตขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ และเริ่มมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่มาพร้อมกับไอเดียแหวกแนวจากเดิมเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ อลัน เกลแฟนด์ หรือ “โอลลี” ผู้คิดค้นท่ากระโดดโดยให้ล้อหน้ากระดกขึ้นก่อน จนท่าดังกล่าวถูกเรียกขานตามชื่อเล่นของเจ้าตัวว่า “โอลลี”

ความนิยมในสเก็ตบอร์ดอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้ในปี 1995 อีเอสพีเอ็น เข้ามาสนับสนุนด้วยการบรรจุกีฬาชนิดนี้ในกลุ่มเอ็กซ์ตรีมเกมส์ จนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย “เวิร์ต” เป็นการใช้สเก็ตบอร์ดแล่นไปในสนามขนาดครึ่งวงกลม เพื่อแสดงท่าทางต่างๆ และ “ผาดโผน” จะเป็นแนวสตรีทคือโชว์ลีลากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางไปตามสนามที่เป็นลานขนาดใหญ่ โดยมีกรรมการเป็นผู้ให้คะแนนตามความยากง่ายของท่วงท่า

สำหรับการแข่งโอลิมปิกปี 2020 ที่จะมีขึ้นนี้ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ได้อนุมัติให้สเก็ตบอร์ด ได้เป็น 1 ใน 5 ชนิดกีฬาใหม่ในการแข่งขัน ซึ่งก็ถือเป็นแรงกระตุ้นชั้นดี ที่จะทำให้กีฬาชนิดนี้คึกคักยิ่งกว่าเดิม
 

Essence of the sport 

พลังคนรุ่นใหม่และสุดยอดทักษะที่มาพร้อมกับความเร็ว

ในการแข่งขันโตเกียว 2020 สเกตบอร์ดได้ถูกแบ่งการแข่งขันออกเป็นสองประเภท คือสตรีทและพาร์ค ซึ่งทั้งสองรายการนี้มีการใช้ทักษะที่ต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

1. สตรีท

เป็นประเภทการแข่งขันที่เน้นความเร็ว ความคิดริเริ่ม และทักษะในการควบคุมสเก็ตบอร์ดให้เคลื่อนไปตามเส้นทางต่างๆ ที่กำหนดขึ้น โดยจะตัดสินให้คะแนนจากการทำเวลา การโชว์ลีลาต่างๆ เพื่อผ่านอุปสรรคในเส้นทาง และด้วยความที่สภาพถนนของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันไป รวมทั้งยังมีอุปสรรคเป็นสภาพภูมิประเทศรอบตัวที่อาจไม่เหมือนกับที่นักกีฬาแต่ละคนเคยประสบมาก่อน จึงทำให้การแข่งในประเภทนี้ ต้องอาศัยทั้งความชำนาญและประสบการณ์ในการเล่นอย่างมาก

2. พาร์ค

ตรงข้ามกับแบบถนนที่เน้นความเร็ว การแข่งในประเภทพาร์คนั้นจะเน้นไปที่การแสดงทักษะขั้นสูงเพื่อโชว์ลีลาการเล่นสเก็ตบอร์ดบนสนามทรงโดมคว่ำ ที่จะมีทั้งความชัน ความลาดเอียง และสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่เป็นทั้งอุปสรรค และจุดสำหรับโชว์ทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งการให้คะแนนนั้นจะอยู่ที่การโชว์ลีลากลางอากาศ และการเล่นกับอุปสรรคต่างๆ ในสนาม ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งที่นักสเก็ตบอร์ดอาชีพต่างฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างทำได้ งานนี้จึงขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของผู้เล่นแต่ละคน

Outlook for The Tokyo 2020 Games

ประสบการณ์แปลกใหม่  ที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากกีฬาอื่น

นับเป็นก้าวสำคัญของทั้งกีฬาสเก็ตบอร์ด และการแข่งขันโอลิมปิก ที่ได้มีการนำกีฬาเอ็กซ์ตรีมเข้ามาสู่การแข่งขันระดับโลก จึงทำให้การแข่งขันในปี 2020 ที่จะเกิดขึ้น ทั้งนักกีฬาและผู้ชมจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและแปลกใหม่ ซึ่งไม่มีทางพบได้ในกีฬาประเภทอื่น

นอกจากรูปแบบการแข่ง และสภาพสนามที่แตกต่างจากกีฬาหลายๆ ชนิดแล้ว ดนตรีก็ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกประการหนึ่งสำหรับการแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ตรีม ซึ่งไม่เพียงจะช่วยเพิ่มจังหวะให้การแข่งสเก็ตบอร์ดให้มีความเร้าใจมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างสีสันให้โอลิมปิกในครั้งนี้แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมาอีกด้วย