stadium

ไดกิ้น 100 ปีแห่งความมุ่งมั่น "สู้เต็มร้อย เชียร์เต็ม Max" ไปกับ 4 นักกีฬาทีมชาติไทยในโอลิมปิกเกมส์ 2024

4 กรกฎาคม 2567

“ความมุ่งมั่น” เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของนักกีฬาที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ เปรียบดั่งแรงขับเคลื่อนอันสำคัญ ให้พวกเขาทุ่มกำลังพัฒนาตัวเองแบบเต็มร้อยเพื่อก้าวไปสู่จุดหมาย เช่นเดียวกับ แบรนด์ไดกิ้น ผู้นำด้านเครื่องปรับอากาศที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพอย่างเต็มร้อย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามาตลอด 100 ปีอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง

 

จากโรงงานเล็กๆ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2467 ณ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ในชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดโอซาก้า คินโซกุ โคเกียวโช (Osaka Kinzoku Kogyosho) เริ่มต้นจากการผลิตท่อหม้อน้ำสำหรับเครื่องบิน ผ่านความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆมากมายมาตลอด 100 ปี  จนกลายเป็นกลุ่มบริษัทไดกิ้น บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านระบบปรับอากาศ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของวัฒนธรรมและค่านิยมที่หลากหลายทั่วโลก ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยสร้างสรรค์พื้นที่ที่ดีต่อสุขภาพและสร้างความสะดวกสบายด้วยพลังของอากาศ ซึ่งความมุ่งมั่น ทุ่มเทที่จะพัฒนาเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคและความยากลำบากนี้เป็นหัวใจหลักที่ทำให้ไดกิ้นประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับนักกีฬาทีมชาติไทยทั้ง 4 คน ที่มุ่งมั่นตั้งใจสู้เต็มร้อยบนเวทีการแข่งขันจนขึ้นมายืนอยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย

 

 

สู้เต็มร้อยเพื่อเป็นที่หนึ่ง "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

 

ไม่ว่าคู่แข่งที่อยู่เบื้องหน้าจะเป็นใคร “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยหมายเลข 1 ของโลกก็ไม่เคยอ่อนข้อให้เลยสักครั้ง เธอจะทุ่มเต็มกำลังในทุกแมตช์มาตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่ารายการนั้นจะเป็นแมตช์ระดับนานาชาติหรือแมตช์ในประเทศ อย่างเช่นกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย หรือในระดับภูมิภาคอย่างซีเกมส์ ซึ่งเธอต้องเจอคู่ต่อที่มีฝีมือต่างกันมาก แต่ “เทนนิส” ก็ไม่เคยประมาทเลยสักครั้ง ใช้ทักษะชั้นเชิงที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี คุมเกมแบบไม่เปิดโอกาสคู่แข่งได้โจมตีทำแต้ม คว้าชัยชนะด้วยคะแนนห่างกัน 20-30 คะแนน

 

การสู้แบบเต็มร้อยในทุกการแข่งขันนั้นสะท้อนให้เห็นว่า “เทนนิส” ไม่เคยประมาทไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครก็ตาม ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้เธอเป็นอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันมาตลอดหลายปีจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

สู้เต็มร้อยเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด “วิว" รวินดา ประจงใจ

 

การก้าวข้ามขีดจำกัดเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สุดของชีวิตนักกีฬา เพราะไม่ใช่แค่การคว้าชัยชนะในสนาม แต่สำหรับ รวินดา ประจงใจ แล้ว มันคือเอาชนะขีดความสามารถของตัวเองด้วยเช่นกัน

 

ในเส้นทางอาชีพนักแบดมินตันของ รวินดา นอกจากความสำเร็จและเงินรางวัลแล้ว เธอฝันอยากยืนอยู่ในตำแหน่งท็อป 5 ของโลกให้ได้ ซึ่งในยุคปัจจุบันถือเป็นกำแพงที่ยากอย่างยิ่งสำหรับนักแบดไทย เพราะมีมือดีจาก จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ขวางทางอยู่หลายคู่ 

 

แต่ความมุ่งมั่นที่พร้อมสู้เต็มร้อย ส่งผลให้รวินดาได้เก็บเกี่ยวความสำเร็จ เริ่มต้นจากท็อป 300 ของโลกในปี 2014 ใช้เวลาเพียงหนึ่งปีก็ก้าวไปสู่ท็อป 10 ของโลก จนกระทั่งสามปีให้หลังเธอยกระดับตัวเองไปสู่ท็อป 8 ของโลก ในช่วงเวลานั้นเองที่ผลงานของเธอเริ่มหยุดนิ่ง ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่เคยขยับไปได้ไกลกว่านั้นเลย ราวกับชนกำแพงขีดจำกัดของตัวจนเริ่มท้อแท้ในบางเวลา 

 

แต่เป็นเพราะเธอที่ไม่เคยยอมแพ้ ในที่สุดก็สามารถทลายกำแพงของตัวขยับขึ้นรั้งมือ 5 ของโลกได้สำเร็จในเดือนธันวาคมปี 2022 ซึ่งเพราะความพยายามเต็มร้อย ไม่ท้อถอย ทำให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริงได้ 

 

 

สู้เต็มร้อยเพื่อลบฝันร้าย “เหลิม” ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด

 

ความผิดหวังนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ว่าใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเส้นทางของนักกีฬาทุกคนย่อมหนีไม่พ้นจากเรื่องนี้เช่นกัน เพียงแต่ว่าความแตกต่างที่ทำให้นักกีฬาระดับชั้นนำนั้นพิเศษกว่าใคร คือการไม่ถอดใจยอมแพ้ 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด นักกีฬามวยสากลทีมชาติไทย คือตัวอย่างที่เด่นชัด เส้นทางของเขาทำท่าว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่สมัยเยาวชน คว้าแชมป์เยาวชนโลก, แชมป์เอเชียและแชมป์ซีเกมส์ 3 รายการรวดในปี 2018 หลังจากเพียงแค่ 2 ปี เขาก็คว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2020 และเป็นหนึ่งในความหวังเหรียญรางวัลของนักกีฬาไทยด้วยวัยเพียง 22 ปีเท่านั้น

 

แต่การเติบโตอย่างสวยหรูมีอันต้องสะดุดลง เมื่ออาการบาดเจ็บที่หัวเข่ามาพรากความฝันไปจากเขา ธิติสรรณ์ พลาดโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนั้นไปอย่างเจ็บปวด และใช้เวลาพักรักษาตัวรวมทั้งอยู่กับความผิดหวังอยู่นานนับปี 

 

อย่างไรก็ตามด้วยหัวใจอันแข็งแกร่งบวกกับความปรารถนาอันแรงกล้า อยากจะพิสูจน์ตัวเอง ธิติสรรณ์ ตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เริ่มต้นฝึกฝนใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน ทำงานอย่างหนักในทุกวัน จนวันนี้เขาพิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้งจากผลงานการคว้าเหรียญเงินในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 พร้อมกับตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2024 

 

 

สู้เต็มร้อยเพื่อไปให้สุด “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง

 

เมื่อเดินลงสู่สนามแล้ว ชัยชนะนั้นเป็นความปรารถนาที่อยู่ตรงหน้าของนักกีฬาทุกคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะทุกคนฝึกซ้อมมาอย่างหนักก็เพื่อสิ่งนี้เหมือนกัน ไม่เช่นนั้นแล้วคงเป็นเรื่องยากที่จะมุ่งไปให้ถึงจุดที่วาดฝันเอาไว้ เช่นเดียวกับ บัลลังก์ ทับทิมแดง นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ผู้แสดงออกถึงความมุ่งมั่นได้อย่างชัดเจนที่สุดคนหนึ่ง เขาใช้มันเป็นพลังขับเคลื่อนจนประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น ก็สามารถคว้าตำแหน่งแชมป์เอเชียนเกมส์ และรองแชมป์โลกได้ในปี 2023 

 

ความสำเร็จดังกล่าวสำหรับบัลลังก์แล้วเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเขายังมีความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่านั่นคือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ให้ได้

 

“วันนี้ประสบความสำเร็จแล้วก็ดีใจครับ แต่ดีใจได้แปปเดียว ยังต้องกลับไปฝึกซ้อมต่อ เพราะว่าความฝันของผมมันยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ ยังปล่อยตัวเองไม่ได้”

 

“เป้าหมายต่อจากนี้ของผมคือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งเป็นหมายสูงสุดแล้ว ซึ่งผมก็คิดว่าตัวเองน่าจะมีโอกาส หลังจากนี้ก็ต้องฝึกซ้อมให้หนักขึ้น เพราะยังมีคู่ต่อสู้ที่ยังไม่เคยเจอ จะประมาทไม่ได้ ต้องตั้งใจทุกรอบ ทุกนัดเหมือนที่เคยทำ”

 

 

ร่วมใจเป็นหนึ่ง ส่งเสียงเชียร์ให้เต็ม Max เพื่อสร้างพลังบวกให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคน

ไดกิ้นขอชวนคนไทยทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ร่วมส่งเสียงเชียร์ให้เต็ม MAX มอบพลังบวก เติมกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนต่อสู้และคว้าชัยในทุกแมตช์ ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม ถึง วันที่ 11 สิงหาคมนี้ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะร่วมกันเป็นหนึ่งส่งกำลังใจให้นักกีฬาไทยทำผลงานออกมาได้อย่างสุดความสามารถ ให้สมกับความตั้งใจ มุ่งมั่นและทุ่มเทมาโดยตลอด


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator / เชียร์หงส์แดง รักการเดินป่า เสพติดหมูกระทะ

Hatari
stadium olympic