25 มิถุนายน 2567
สก็อตตี้ เชฟเฟลอร์ นักกอล์ฟชายหมายเลข 1 ของโลก เค้าคือความหวังใหม่ของทีมชาติสหรัฐอเมริกา แม้จะยังไม่เคยเข้าร่วมมหกรรมโอลิมปิกเลย แต่ “ปารีส 2024” ในฐานะครั้งแรกของเขา ถูกยกให้เป็นตัวเต็งผู้คว้าเหรียญทอง
และก่อนการแข่งขันโอลิมปิกจะเริ่มต้นขึ้น StadiumTH ขอพามาทำความรู้จักกับ โปรกอล์ฟวัย 27 ปีจากนิวเจอร์ซีย์กัน
จุดเริ่มต้น
สก็อตตี้ เชฟเฟลอร์ เกิดที่ริดจ์วูด รัฐนิวเจอร์ซีย์ รู้จักกีฬากอล์ฟเมื่ออายุ 3 ขวบ โดยพ่อแม่ให้ชุดไม้กอล์ฟ และ ลูกกอล์ฟพลาสติก เป็นของขวัญ
ภายหลังจากเหตุวินาศกรรมช็อกโลก 9/11 ในปี 2001 ครอบครัว เชฟเฟลอร์ ย้ายไปอยู่ที่ดัลลัส รัฐเท็กซัส ตอนอายุ 6 ขวบ ก่อนฉายแววระดับเยาวชน คว้าแชมป์ถึง 75 ครั้ง ระหว่างปี 2004 ถึง ปี 2010
ขณะที่ศึกษาอยู่โรงเรียนมัธยมไฮแลนด์พาร์ค เขายังคงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าแชมป์ระดับรัฐ ประเภทบุคคล 3 รายการติดต่อกันในปี 2012-2014 ทำสถิติเทียบเท่า จอร์แดน สปีธ รุ่นพี่ร่วมชาติ ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้
ปี 2013 หนุ่มน้อยจากนิวเจอร์ซีย์ คว้าแชมป์กอล์ฟ “ยูเอส จูเนียร์ อเมเจอร์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ” ก่อนปีต่อมา จะได้รับเลือกเป็นนักกอล์ฟรุ่นเยาว์ที่มีอันดับสูงสุดของประเทศ
จากนั้น เชฟเฟลอร์ เล่นกอล์ฟระดับวิทยาลัย ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส พร้อมช่วยทีม Longhorns คว้าแชมป์กอล์ฟรายการ “Big 12 championships” ทั้งหมด 3 ครั้ง และได้รับเลือกเป็นนักศึกษาปีหนึ่งยอดเยี่ยมแห่งปี 2015
เขาลงเล่นรายการระดับเมเจอร์ “ยูเอส โอเพ่น” ทั้งหมด 2 ครั้ง แม้จะพลาดการตัดตัวครั้งแรกปี 2016 เพียงสโตรกเดียวเท่านั้น แต่ปีต่อมา เชฟเฟลอร์ จะจบอันดับที่ 27 ด้วยสกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ คว้ารางวัลนักกอล์ฟสมัครเล่นยอดเยี่ยมไปครอง
เทิร์นโปรสู่นักกอล์ฟอาชีพ
เชฟเฟลอร์ เทิร์นโปรเมื่อปลายปี 2018 โดยปีแรกใน คอร์น เฟอร์รี่ ทัวร์ (ซึ่งเป็นทัวร์รองของ พีจีเอ) เขาคว้า 3 รางวัล ประกอบด้วย นักกอล์ฟที่คะแนนรวมมากสุด, ผู้เล่นแห่งปี และ นักกอล์ฟดาวรุ่งยอดเยี่ยมพร้อมคว้าทัวร์การ์ด ลุยพีจีเอ ทัวร์ ฤดูกาล 2020
เดือนสิงหาคมปี 2020 มันคือช่วงเวลาสำคัญของชายที่ชื่อ สก็อตตี้ เชฟเฟลอร์ หลังจบอันดับ 4 กอล์ฟเมเจอร์ “พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ” และยิ่งไปกว่านั้น การทำสกอร์ 59 ในวันที่สองของกอล์ฟรายการ “เดอะ นอร์ธเทิร์น ทรัสต์” ส่งผลให้มีคะแนนต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ พีจีเอ ทัวร์ ก่อนได้รับรางวัลนักกอล์ฟสมัครเล่นยอดเยี่ยมของ พีจีเอ
และจากผลงานอันยอดเยี่ยม ทำให้มีชื่อติดทีมสหรัฐ ชุดคว้าแชมป์ “ไรเดอร์ คัพ 2021” ที่เอาชนะ ทีมยุโรป ด้วยสกอร์รวม 19-9 แต้ม
ปี 2022 “ปีแห่งความสำเร็จ”
ช่วงปลายปี 2021 เชฟเฟลอร์ ได้จับมือกับ เท็ดดี้ สก๊อต แคดดี้ผู้เคยร่วมงานกับ บับบา วัตสัน โปรชาวอเมริกันวัย 45 ปี อดีตแชมป์เมเจอร์ “เดอะ มาสเตอร์ส” 2 สมัย มานานกว่า 15 ปี
ข้ามมาเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ความสำเร็จที่รอคอยก็มาถึง หลังคว้าแชมป์ พีจีเอ เป็นครั้งแรก ในกอล์ฟ “ฟีนิกซ์ โอเพ่น” และยังคงรักษาฟอร์มเก่งอย่างต่อเนื่อง ได้แชมป์รายการ อาร์โนลด์ พาล์เมอร์ อินวิเตชั่นแนล, ดับเบิลยูจีซี แมตช์เพลย์ และแชมป์ที่ยิ่งใหญ่อย่าง เดอะ มาสเตอร์ส ที่ชนะอันดับ 2 รอรี่ แม็คอิลรอย จากไอร์แลนด์เหนือ 3 สโตรก ได้สวมเสื้อกรีนแจ็คเก็ตเป็นครั้งแรกในชีวิต
ด้วยผลงานสุดปัง ทำให้เขาขึ้นอันดับ 1 ของโลก แม้ช่วงเวลาที่เหลือของปี 2022 จะไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆได้ก็ตาม และเสียอันดับ 1 ไปในช่วงสิ้นปี แต่ยังดีพอที่ทำให้ เชฟเฟลอร์ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี จากผลงานแชมป์ 4 รายการ
ฤดูกาล 2023-2024 ผลงานท็อปฟอร์มไม่มีแผ่ว
ปี 2023 เชฟเฟลอร์ ยังคงโชว์ฟอร์มเยี่ยมต่อเนื่อง คว้าแชมป์ “ฟีนิกซ์ โอเพ่น” เป็นสมัยที่ 2 ต่อด้วยแชมป์ เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ ที่ซอว์กราส
โดยเฉพาะปี 2024 มันคือปีทองของ “สกอตตีย์ เชฟเฟลอร์” อย่างแท้จริง
รอรี่ แม็คอิลรอย แนะนำให้เขา ลองเปลี่ยนมาใช้พัตเตอร์แบบมัลเล็ท ซึ่งมีข้อดี คือ กำหนดทิศทางการตีลูกได้ง่าย แม้จะตีไม่โดนแกนกลางของลูก ก็มีโอกาสเกิดความผิดพลาดใหญ่ๆได้น้อย
และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล โปรชาวอเมริกันป้องกันแชมป์ อาร์โนลด์ พาล์เมอร์ อินวิเตชั่นแนล ได้สำเร็จ ต่อด้วยแชมป์ เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟคนแรกที่คว้าแชมป์ติดต่อกัน 2 สมัย ทั้งที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณคอ
หลังจากนั้น เชฟเฟลอร์ วัย 27 ปี สร้างปรากฏการณ์ที่สนามออกัสต้าอีกครั้ง หลังคว้าแชมป์เมเจอร์ "เดอะ มาสเตอร์ส" เป็นสมัยที่ 2 ชนะอันดับ 2 อย่าง ลุดวิก อาเบิร์ก จากสวีเดน 4 สโตรก ได้สวมเสื้อกรีนแจ็คเก็ตอีกครั้ง
การไล่ล่าความสำเร็จยังคงดำเนินต่อไป เขาคว้าแชมป์กอล์ฟ อาร์บีซี เฮอริเทจ และ เดอะ เมโมเรียล ทัวร์นาเมนต์ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีที่น่าจดจำสุดๆ
เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง
โปรหมายเลข 1 ของโลก เป็นนักกอล์ฟคนแรกที่คว้าแชมป์ 5 รายการในฤดูกาล 2024 นับตั้งแต่ จัสติน โธมัส โปรชาวอเมริกัน ที่เคยทำไว้ในฤดูกาล 2016-2017 รวมถึงติดท็อป 10 ติดต่อกัน 11 รายการ เป็นสถิติที่ยาวที่สุด นับตั้งแต่ "พญาเสือ" ไทเกอร์ วู้ดส์ เคยทำไว้ 11 ครั้ง ในปี 2007-2008
เชฟเฟลอร์ เป็นนักกอล์ฟคนที่สอง ต่อจาก ไทเกอร์ วู้ดส์ ที่คว้าแชมป์ เดอะ เมโมเรียล ทัวร์นาเมนต์, เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ และ เดอะ มาสเตอร์ส ในปีเดียวกัน
นอกจากนี้ยังเป็นโปรคนแรกที่คว้าแชมป์ เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ 2 สมัยติดต่อกันในปี 2023 และ 2024
“เพียงแค่เพราะว่า ผมได้เป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่ได้หมายความว่า ผมจะหยุดทำงานนะ” เชฟเฟลอร์ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Golfweek
“ผมไม่อยากกลับไปออกกำลังกายในยิมเสมอไปนะ ผมอยากนั่งบนโซฟา และอุ้ม เบนเน็ตต์ (ลูกชาย) พาออกไปเที่ยวกับ เมเรดิธ (ภรรยา) แต่ผมรู้สึกว่าถูกเรียกให้ทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจึงกลับไปที่นั่น และทุ่มเททำงานครับ”
พร้อมเต็มสูบล่าเหรียญโอลิมปิก ที่ปารีส
ย้อนกลับไปโอลิมปิก “โตเกียว 2020” ที่ประเทศญี่ปุ่น ทีมชาติสหรัฐอเมริกา คว้าเหรียญทองทั้งประเภทบุคคลชาย จาก ซานเดอร์ ชาฟเฟเล่ และ ประเภทบุคคลหญิง จาก เนลลี่ คอร์ด้า
และโอลิมปิกครั้งนี้ ทีมชาติสหรัฐอเมริกา บุคคลชาย มีทั้งหมด 4 คน ได้แก่
- สก็อตตี้ เชฟเฟลอร์ (อันดับ 1 ของโลก และ อันดับ 1 นักกอล์ฟลุยโอลิมปิก)
- ซานเดอร์ ชาฟเฟเล่ (อันดับ 3 ของโลก และ อันดับ 3 นักกอล์ฟลุยโอลิมปิก)
- วินด์แฮม คลาร์ก (อันดับ 5 ของโลก และ อันดับ 5 นักกอล์ฟลุยโอลิมปิก)
- คอลลิน โมริกาวะ (อันดับ 7 ของโลก และ อันดับ 7 นักกอล์ฟลุยโอลิมปิก)
เชฟเฟลอร์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า “มันคงจะดีที่สามารถได้คุยโต้เถียงกับเพื่อนๆของผม เมื่อพวกเขาบอกว่านักกอล์ฟไม่ใช่นักกีฬา และผมสามารถพูดได้ว่า ผมเป็นนักกีฬาโอลิมปิก”
สุดท้ายแล้ว โปรอันดับ 1 ของโลก จะประกาศศักดาพาทีมชาติสหรัฐอเมริกา คว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาครองได้หรือไม่? แฟนกีฬากอล์ฟห้ามพลาด!
TAG ที่เกี่ยวข้อง