stadium

เซอร์เก บุบกา ตำนานกระโดดค้ำโอลิมปิก

25 มิถุนายน 2567

สำหรับกีฬา กระโดดค้ำ ไม่มีนักกีฬาคนไหนในโลกจะถูกจดจำมากไปกว่า เซอร์เก บุบกา อีกแล้ว ชายคนนี้ทลายทุกกำแพงความเชื่อของกีฬานี้ เสมือนว่าเขาเป็นนักกีฬาที่มาจากอนาคตก็ไม่ปาน ในทศวรรษ 1980 ก่อนการมาถึงของเขา การที่มนุษย์คนหนึ่งจะกระโดดค้ำถ่อให้สูงกว่า 6 เมตร เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จนกระทั่งเจ้าหนุ่มจากยูเครนคนนี้ ทำให้ทุกคนเห็นว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

 

 

แชมป์โลก 6 สมัย

 

เซอร์เก บุบกา เกิดที่เมือง Luhansk ประเทศยูเครน ซึ่งตอนนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของ สหภาพโซเวียต เขาเริ่มเล่นกีฬากระโดดค้ำในวัยเพียง 9 ปี จากนั้นในวัย 18 ปี เจ้าตัวได้อันดับที่ 7 ในการแข่งขันรายการ European Junior Championship ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติรายการแรกในชีวิตของเขา ก่อนที่อีก 2 ปีต่อมาเจ้าตัวกลายเป็นแชมป์โลกกระโดดค้ำสมัยแรกในวัย 20 ปี ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่กรุง เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ในปี 1983 โดยตลอดชีวิตการเล่นกีฬากระโดดค้ำ เซอร์เก บุบกา คว้าแชมป์โลกไปทั้งหมด 6 สมัย โดยเป็นการคว้าแชมป์ร่วมกับทีมสหภาพโซเวียต 3 สมัย และอีก 3 สมัยร่วมกับทีมชาติยูเครน แชมป์โลกสมัยสุดท้ายของเจ้าตัวเกิดขึ้นในปี 1997 ในวัย 34 ปี ซึ่งมันห่างจากที่เขาคว้าแชมป์โลกครั้งแรกถึง 14 ปี

 

จอมทำลายสถิติโลก และผู้กำหนดมาตรฐานใหม่ในกีฬากระโดดค้ำถ่อ

 

ในปี 1963 ที่ เซอร์เก บุบกา เกิด สถิติโลกของกระโดดค้ำอยู่ที่ 5.20 เมตร  ในปี 1972 ปีที่เขาเริ่มหัดเล่นกีฬากระโดดค้ำสถิติโลกอยู่ที่ 5.51 เมตร ในวันที่เขาเป็นนักกีฬาทีมชาติครั้งแรกในปี 1981 สถิติโลกยังอยู่ที่ 5.81 เมตร หลังจากคว้าแชมป์โลกในปี 1983 ปีถัดมา เซอร์เก บุบกา ทำลายสถิติโลกครั้งแรกได้ที่ 5.85 เมตร และในปีเดียวกันนั้นเองเขาทำลายสถิติโลกเพิ่มอีก 3 ครั้ง ขยับสถิติโลกไปอยู่ที่ 5.94 เมตร

 

ถึงตอนนี้ในวงการกระโดดค้ำถ่อโลก เริ่มฮือฮาเพราะกำแพงสูง 6 เมตร กำลังจะโดนทำลายลงทั้งที่ก่อนหน้านี้มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์คนหนึ่งกับไม้ค้ำหนึ่งอันจะโดดได้ถึง 6 เมตร แล้วมันก็ไม่ต้องใช้เวลารอนาน แค่ 1 ปีถัดมา กำแพง 6 เมตรก็ถูกทำลายลงโดย เซอร์เก บุบกา ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้เวลาอีก 6 ปี ไปทำลายอีกหนึ่งกำแพงในระยะ 6.10 เมตร  รวมตลอดชีวิตการเล่นกระโดดค้ำถ่อของ บุบกา เจ้าตัวทำลายสถิติโลกไปทั้งหมด 35 ครั้ง โดยสถิติโลกที่ดีที่สุดของเขาในการกระโดดกลางแจ้งอยู่ที่ 6.14 เมตร ส่วนในร่มอยู่ที่ 6.15 เมตร ในยุคของเขา เป็นยุคที่สถิติโลกมีระยะสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ นักกีฬากระโดดค้ำทั่วโลก

 

 

ต้องคำสาปในโอลิมปิก

 

ถ้าในชีวิตการเล่นกีฬาของ เซอร์เก บุบกา จะมีอะไรด่างพร้อยก็คงจะเป็นโอลิมปิก เกมส์ นี่แหละที่ตัวเขาเหมือนต้องคำสาป บุบกา เล่นกระโดดค้ำในช่วงปี 1981-2001 ซึ่งตัวเขาน่าจะได้แข่งโอลิมปิก ทั้งหมด 5 ครั้ง แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับได้แข่งโอลิมปิกแบบจริงจังแค่ 3 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1984 หนึ่งปีหลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งคว้าแชมป์โลก แต่อยู่ ๆ สหภาพโซเวียต ก็ประท้วงไม่ร่วมการแข่งขัน ทั้งที่ในปีนั้นถ้า บุบกา ได้เข้าแข่งโอกาสจะได้เหรียญทองมีสูงมากเพราะ 2 เดือนก่อนหน้าการแข่งขันปีนั้นตัวเขาทำสถิติกระโดดได้สูงกว่าเจ้าของเหรียญทองถึง 12 ซม. ต่อมาในโอลิมปิกปี 1988 ที่กรุงโซล เจ้าตัวได้เข้าแข่งขันโอลิมปิก เป็นครั้งแรก และก็ไม่พลาดเก็บเหรียญทองไปครองด้วยสถิติ 5.90 เมตร ซึ่งเป็นแค่เหรียญเดียวในชีวิตของเขา เพราะโอลิมปิกครั้งถัดมาที่ บาร์เซโลน่า ในปี 1992 เจ้าตัวพลาดในการกระโดดทั้ง 3 ครั้งแรกแบบสุดงง ต้องจบการแข่งขันแบบไม่มีลุ้น ถัดมาอีก 4 ปี ในแอตแลนตา เกมส์ 1996 เจ้าตัวก็เกิดเจ็บส้นเท้าขึ้นมาแบบกะทันหัน ต้องถอนตัวแบบยังไม่ได้ลงแข่งด้วยซ้ำ มาถึงซิดนีย์ โอลิมปิก ในปี 2000 โอลิมปิกครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวถึงจะอยู่ในช่วงขาลง แต่การกระโดดพลาดทั้ง 3 ครั้ง ในความสูงแค่ 5.70 เมตร ก็เหมือนเป็นเครื่องตอกย้ำว่า สำหรับเขานั้น โอลิมปิก เกมส์ คือรายการที่ต้องคำสาปจริง ๆ  

 

 

บทบาทใหม่ผู้บริหาร และผู้พัฒนาวงการกีฬาโลก

 

เซอร์เก บุบกา เบนเข็มมาทางสายผู้บริหารในวงการกีฬาอย่างเต็มตังหลังจากเลิกเล่น เพราะเจ้าตัวมีดีกรีจบถึงระดับปริญญาเอก และยังคลุกคลีกับวงการกีฬามาตลอดชีวิต ปัจจุบันเจ้าตัวดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศ ยูเครน และยังเคยสมัครชิงตำแหน่งประธานโอลิมปิกสากลมาแล้วในปี 2013 แต่แพ้ โธมัส บาค ประธานไอโอซีคนปัจจุบันที่มีดีกรีเป็นเจ้าของเหรียญทองฟันดาบโอลิมปิก  เกมส์  นอกจากนั้นเจ้าตัวยังดำรงตำแหน่ง รองประธานสหพันธ์กรีฑานานาชาติอาวุโส ในบทบาทที่จะช่วยพัฒนากรีฑาให้กับนานาชาติ กับวงการกรีฑาไทย ก็เคยได้รับการแนะนำช่วยเหลือจากเจ้าตัวในหลาย ๆ ด้าน ล่าสุดก็คือ แนะนำศิษย์เอก ของเจ้าตัวอย่าง “สลาว่า” เวียกเชสลาฟ คาลินิชเชนโก้ มาเป็นผู้ฝึกสอนกระโดดค้ำถ่อให้ประเทศไทย ซึ่งก็ทำผลงานได้ดี ทำให้ทีมชาติไทยคว้าเหรียญเงินในกีฬาเอเชียนเกมส์ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ จาก ชญานิศา ชมชื่นดี


stadium

author

ฉลามหนุ่มไทยแลนด์

StadiumTH Content Creator

stadium olympic