19 มิถุนายน 2567
ถึงแม้ฟอร์มในปีนี้จะไม่ได้เลิศหรูนัก แต่เชื่อได้เลยว่าหากสภาพร่างกายของเธอฟิตสมบูรณ์ ชื่อของ อากาเนะ ยามากูชิ ต้องเป็นหนึ่งในแคนดิเดตชิงเหรียญโอลิมปิกแน่นอน
เพราะนี่คืออดีตแชมป์โลก 2 สมัยซ้อน และเคยครองมือ 1 ของโลกในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถึงแม้ปัจจุบันบัลลังก์นั้นจะเป็นของ อัน เซ-ยอง แต่ ยามากูชิ ก็ไม่ใช่ชื่อที่ใครจะประมาทได้เช่นกัน โดยเฉพาะ โอลิมปิก รายการยิ่งใหญ่ที่สุดที่เธอยังไม่เคยคว้าเหรียญมาครอบครอง
เส้นทางก่อนที่เธอจะมาถึงจุดนี้ได้เป็นอย่างไร และรายการไหนที่เธอยังไม่ประสบความสำเร็จ ติดตามได้ที่นี่
หลายคน คงเคยอ่านประวัติยอดนักกีฬากันจนชินชาแล้วว่า เขาและเธอเหล่านั้นมักจะเริ่มเล่นกันตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบ เรื่องของ อากาเนะ ยามากูชิ ก็ไม่ต่างกัน เพราะนักแบดมินตันจากเมืองคาซึยามะในจังหวัดฟุคุอิ เริ่มจับแร็กเกตครั้งแรกตอนอายุ 3 ขวบตามพี่ชายทั้งสองคนที่เป็นนักกีฬาแบดมินตัน และเริ่มหวดลูกขนไก่อย่างจริงจังในอีก 2 ปีถัดมา ซึ่งด้วยพรสวรรค์, การฝึกซ้อมแบบครูพักลักจำ และการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการท้าทายคู่แข่งที่โตกว่าและเก่งกว่า ทำให้พัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดด จนได้รับการยกย่องเป็น "ดาวรุ่งอัจฉริยะ" ก่อนที่จะติดทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 15 ปี พร้อมดีกรีรองแชมป์เยาวชนโลกปี 2012
ปีถัดมา ด้วยร่างกายที่เติบโตและประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้ อากาเนะ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น กวาดแชมป์รายการสำคัญ ๆ ได้สำเร็จ เริ่มจากสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักแบดมินตันอายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์ซูเปอร์ซีรี่ส์ ในรายการ เจแปน โอเพ่น และคว้าแชมป์เยาวชนโลกด้วยการชนะ อายะ โอโฮริ
ส่วนปี 2014 กราฟชีวิตของ อากาเนะ มีแต่พุ่งขึ้นไม่มีตก ทั้งการคว้าแชมป์เอเชียรุ่นเยาวชน, ป้องกันแชมป์เยาวชนโลก และคว้าเหรียญเงินยูธโอลิมปิก ซึ่งส่งผลให้ได้รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปีจากสหพันธ์แบดมินตันโลก 2 สมัยซ้อน
ด้วยความสำเร็จที่ได้รับตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้ชื่อของ อากาเนะ ได้รับการจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักแบดแนวหน้าของโลกได้หรือไม่ แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ในปี 2015 เธอเข้าถึงรอบชิงเพียง 2 รายการ โดยได้รองแชมป์ เจแปน โอเพ่น ก่อนจะคว้าแชมป์ บิตเบอร์เกอร์ โอเพ่น รายการระดับกรังด์ปรีซ์ จากการเอาชนะ บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ และได้รองแชมป์สุธีรมานคัพร่วมกับทีมชาติญี่ปุ่น
ปีต่อมา อากาเนะ ได้ลงแข่งโอลิมปิกครั้งแรกในชีวิต แต่ตกรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยฝีมือของ โนโซมิ โอกูฮาระ เพื่อนร่วมชาติ อย่างไรก็ตาม เธอคว้าแชมป์ระดับซูเปอร์ซีรี่ส์ 2 รายการในเวลาต่อมา คือ โคเรีย โอเพ่น และเดนมาร์ก โอเพ่น ก่อนที่จะต่อยอดฟอร์มการเล่นไปยังปี 2017 ที่ช่วยญี่ปุ่นคว้าแชมป์ทีมผสมชิงแชมป์เอเชีย และเข้าชิงได้ถึง 7 รายการ คว้าแชมป์ 3 รายการคือ เยอรมัน โอเพ่น, ไชน่า โอเพ่น รวมทั้ง ซูเปอร์ซีรี่ส์ ไฟนอลส์ สมัยแรก และรองแชมป์ 4 รายการคือ ชิงแชมป์เอเชีย, ออสเตรเลียน โอเพ่น, เดนมาร์ก โอเพ่น(แพ้ รัชนก อินทนนท์) และ เฟรนช์ โอเพ่น
ปี 2018 ฟอร์มของ อากาเนะ ยังคงแรงดีไม่มีตก เธอคว้าแชมป์ 2 รายการคือ เยอรมัน โอเพ่น และเฟรนช์ โอเพ่น ได้รองแชมป์ออลอิงแลนด์ที่เข้าชิงเป็นหนแรก รวมทั้งคว้าเหรียญทองแดงในรายการชิงแชมป์โลกและเอเชียนเกมส์ ซึ่งด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องทำให้เธอขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกได้สำเร็จ โดยอีกหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของเธอในปีนี้คือการช่วยญี่ปุ่นคว้าแชมป์ อูเบอร์ คัพ ครั้งแรกในรอบ 37 ปี (เอาชนะ รัชนก อินทนนท์ ในแมตช์ตัดสินทำให้ญี่ปุ่นเอาชนะไทยในรอบชิงชนะเลิศ)
สายน้ำแห่งความสำเร็จของอากาเนะ หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ในปี 2019 เริ่มจากการป้องกันแชมป์เยอรมัน โอเพ่น ตามด้วยคว้าแชมป์ อินโดนีเซีย โอเพ่น และเจแปน โอเพ่น ก่อนที่จะคว้าแชมป์ เวิลด์ ทัวร์ รายการที่ 6 ในอาชีพ จากศึก ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2020 ด้วยการเอาชนะ อัน เซ ยอง จาก เกาหลีใต้ 2 เกมรวด
ปีถัดมา อากาเนะ ย้ำแค้น อัน เซ ยอง อีกครั้ง คราวนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศ เดนมาร์ก โอเพ่น ที่คู่แข่งต้องถอนตัวกลางคันเพราะอาการบาดเจ็บ ก่อนที่ อากาเนะ จะมาคว้าแชมป์ เฟรนช์ โอเพ่น ในสัปดาห์ต่อมา ด้วยการชนะ ซายากะ ทาคาฮาชิ เพื่อนร่วมชาติ ขณะที่ปี 2022 อากาเนะทำสถิติไร้พ่ายในรอบชิงชนะเลิศของเวิลด์ ทัวร์ โดยเข้าชิง 3 รายการ และได้แชมป์ทั้งหมด เริ่มจาก ออลอิงแลนด์ ที่ได้เป็นครั้งแรก ตามด้วย เจแปน โอเพ่น และ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์
นอกจากจะกวาดแชมป์ใน เวิลด์ ทัวร์ เป็นว่าเล่น อากาเนะ ยังได้ชื่อว่าเป็นแชมป์โลก 2 สมัยซ้อน เริ่มจากปี 2021 ที่เธอเป็นหนึ่งในตัวเต็ง และผ่านเข้าไปดวลกับ ไท่ ซื่อ หยิง จาก ไชนีส ไทเป ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทั้งคู่ดวลกันนาน 39 นาที ก่อนที่ท้ายสุดแล้วชัยชนะจะเป็นของนักตบลูกขนไก่ชาวญี่ปุ่นที่ครองแชมป์โลกเป็นสมัยแรก
ส่วนปี 2022 อากาเนะ โชว์ฟอร์มสมฐานะแชมป์เก่า ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศไปเจอกับ เฉิน ยู่ เฟย มือดีจากจีน เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ที่ไม่ได้แข่งชิงแชมป์โลกในปีก่อนหน้านั้น
แมตช์นี้เป็นไปอย่างดุเดือด ต้องดวลกันถึงฎีกา ก่อนที่ อากาเนะ จะเอาชนะในเกมตัดสิน ป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือช่วยลบความผิดหวังของเธอจากการตกรอบก่อนรองชนะเลิศในโอลิมปิกที่บ้านเกิด เพราะนี่คือการคว้าแชมป์ที่ญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน
"ฉันคว้าแชมป์มาแล้วมากมาย แต่คงไม่มีครั้งไหนที่กินใจเท่ารายการนี้" อากาเนะเปิดใจหลังได้รับแรงเชียร์และกำลังใจจากเพื่อนร่วมชาติจนป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ
ปี 2023 อากาเนะ ทะลุเข้าชิงเวิลด์ทัวร์ 8 รายการ พลาดแค่ 3 รายการต่อคู่ปรับคนเดียวกันคือ อัน เซ ยอง ในรายการ อินเดีย โอเพ่น, สิงคโปร์ โอเพ่น และไชน่า โอเพ่น อย่างไรก็ตาม ด้วยร่างกายที่กรำศึกหนักมาอย่างยาวนาน ทำให้เธอเจอกับปัญหาบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะในเอเชียนเกมส์ที่หางโจวซึ่งทำให้เธอต้องถอนตัวจากประเภทบุคคล พลาดลุ้นเหรียญทองไปอย่างน่าเสียดาย
ขณะที่ปี 2024 อากาเนะ พยายามเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาอีกครั้ง และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ 2 รายการ เริ่มจาก เฟรนช์ โอเพ่น ที่ใช้สนามเดียวกับ โอลิมปิก เกมส์ ซึ่งเธอเอาชนะ เฉิน ยู่ เฟย แชมป์โอลิมปิกในรอบรองชนะเลิศ ก่อนเสียท่าต่อ อัน เซ ยอง ในรอบชิง แต่ก็เอาคืนได้ในรายการต่อมาคือ ออลอิงแลนด์ ที่อากาเนะล้ม อัน เซ ยอง ในรอบตัดเชือกเข้าไปลุ้นแชมป์สมัยที่ 2 โดยเจอกับ กาโรลิน่า มาริน อดีตแชมป์โลกและเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งสุดท้าย อากาเนะ ถอนตัวระหว่างเกมที่ 2 ด้วยอาการบาดเจ็บ
หลังจากนั้น อากาเนะ ลงแข่งอีก 2 รายการ และไม่เคยไปไกลกว่ารอบก่อนรองชนะเลิศ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเธอจะถูกตัดออกจากรายชื่อตัวเต็งโอลิมปิกปีนี้ ซึ่งเป็นรายการเดียวที่เธอยังไม่เคยคว้าเกียรติยศใด ๆ มาครอบครอง เพราะนอกจากปัญหาสภาพร่างกายแล้ว คู่แข่งสำคัญทั้ง อัน เซ ยอง และ เฉิน ยู่ เฟย ต่างฟอร์มดีวันดีคืน
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของเธอสามารถกลายเป็นจุดแข็งได้เช่นกัน เพราะด้วยสไตล์การเล่นที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วสนามได้อย่างรวดเร็ว เรี่ยวแรงที่ไม่มีหมดถังง่าย ๆ และจิตใจที่ไม่เคยยอมแพ้ หากฟื้นฟูร่างกายจนฟิตสมบูรณ์ ก็คงไม่มีใครมองข้ามนักแบดมินตันพลังไดนาโมที่ชื่อ อากาเนะ ยามากูชิ อย่างแน่นอน
TAG ที่เกี่ยวข้อง