19 มิถุนายน 2567
บัง ซู-ฮยอน คือ นักแบดมินตันประเภทหญิงเดี่ยวทีมชาติเกาหลีใต้คนสุดท้าย ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ในปี 1996 ที่เมืองแอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา เป็นระยะเวลา 28 ปีเต็ม ขนไก่หญิงเดี่ยว “โสมขาว” ไม่เคยคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิกใดๆได้เลย จนกระทั่งการมาของ อัน เซ-ยอง นักแบดมินตันมืออันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าจะช่วยจุดไฟแห่งความหวังนั้นกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะมหกรรมโอลิมปิก “ปารีส 2024” ปฏิเสธไม่ได้ว่า เธอกลายเป็นตัวเต็งการคว้าเหรียญทองครั้งนี้
ติดตามเรื่องราวของ อัน เซ-ยอง ไปพร้อมกับ Stadium TH
สัมผัสความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
เส้นทางการติดทีมชาติเกาหลีใต้ของ อัน เซ-ยอง เริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย โดยในปี 2017 เมื่ออายุ 15 ปี เธอเป็นส่วนหนึ่งของทัพโสมขาว คว้าแชมป์ “เอเชียน จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ” ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย แม้จะยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมตอนต้น แต่เธอก็ได้เข้าร่วมทีมชาติชุดใหญ่ และมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากในอีกไม่ช้า
อีก 2 ปีต่อมา เธอคว้าแชมป์เป็นครั้งแรก รายการ “นิวซีแลนด์ โอเพ่น 2019” ทัวร์นาเมนต์ระดับ เวิลด์ทัวร์ 300 โดยเอาชนะ หลี่ เสวี่ย รุ่ย จากจีน เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกหญิงเดี่ยว ปี 2012 ในรอบชิงชนะเลิศ
หลังจากนั้น อัน เซ-ยอง ฉายแววคว้าแชมป์ตลอดทั้งปี 2019 ไล่ตั้งแต่ แคนาดา โอเพ่น, ไฮเดอราบัด โอเพ่น, อากิตะ มาสเตอร์ส, เฟรนช์ โอเพ่น และ โคเรีย มาสเตอร์ส ด้วยฟอร์มสุดยอดนี้เอง ทำให้เธอคว้ารางวัลผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดแห่งปี พร้อมกับเปลี่ยนความรู้สึกของเด็กสาววัย 17 ปีจากกวางจู ไปสู่เวทีระดับโลก
จากแชมป์โลก สู่อันดับ 1 ของโลก
เสียงชื่นชมอย่างแพร่หลายจากนานาชาติ สำหรับความสำเร็จของเธอเพิ่มสูงขึ้นอีก เมื่อนิตยสาร Forbes ยกให้ติดในรายชื่อ 30 บุคคลทรงอิทธิพลที่อายุไม่เกิน 30 ปีของเอเชีย หมวดความบันเทิง และ กีฬา ในปี 2020
แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้การแข่งขันแบดมินตัน เวิลด์ ทัวร์ ส่วนใหญ่ในปี 2020 และช่วงแรกของปี 2021 ต้องถูกยกเลิก แน่นอนมันส่งผลต่อการพัฒนาของผู้เล่นหลายๆคน รวมถึงตัว อัน เซ-ยอง ด้วย
อย่างไรก็ตาม เธอคือหนึ่งในผู้เล่นน่าจับตามอง “โอลิมปิก 2020” ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แม้จะเป็นโอลิมปิกครั้งแรก แต่ก็ทำผลงาน ทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนแพ้ เฉิน ยู่เฟย จากจีน ผู้คว้าเหรียญทองในครั้งนี้
“สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากโอลิมปิก คือ แม้จะเตรียมตัวมาดี แต่ก็ต้องพยายามให้มากขึ้น เมื่อมันล้มเหลวในโอลิมปิกครั้งนี้ ฉันค้นพบว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องฝึกฝน และ เรียนรู้”
เดือนสิงหาคมปี 2023 ช่วงเวลาแห่งความสุดยอดก็มาถึง อัน เซ-ยอง กลายเป็นนักกีฬาคนแรกจากเกาหลีใต้ ที่คว้าแชมป์แบดมินตันชิงแชมป์โลก หลังโค่นทั้ง เฉิน ยู่ เฟย จากจีน เหรียญทองโอลิมปิก “โตเกียว 2020” ในรอบรองชนะเลิศ และ กาโรลิน่า มาริน จากสเปน เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2016 ในรอบชิงชนะเลิศ ภายหลังจากชัยชนะครั้งนี้ ทำให้ก้าวขึ้นเป็นมืออันดับ 1 ของโลกคนใหม่ ประเภทหญิงเดี่ยว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอตอกย้ำผู้เล่นดีที่สุดในโลก ด้วยการโค่น เฉิน ยู่ เฟย คู่ปรับจากจีนอีกครั้ง คว้าเหรียญทอง เอเชียน เกมส์ เดือนตุลาคม ปี 2023
ปัจจุบัน นักตบลูกขนไก่วัย 22 ปี คว้าแชมป์แบดมินตันระดับ เวิลด์ ทัวร์ ไปทั้งหมด 22 ครั้ง คว้ารองแชมป์ 8 ครั้ง รวมถึงคว้าแชมป์แบดมินตันทีมหญิงชิงแชมป์โลก อูเบอร์ คัพ 2022
“เมย์” รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาต้นแบบ
ภายหลังการคว้าแชมป์ของ อัน เซ-ยอง รายการ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 "อินโดนีเซีย โอเพ่น 2021" ด้วยการชนะ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ 2-0 เกม รอบชิงชนะเลิศ พร้อมเป็นการคว้าแชมป์ซูเปอร์ระดับ 1,000 ครั้งแรก
เธอได้ให้สัมภาษณ์พูดถึงอดีตแชมป์โลกปี 2013 ว่า “เมย์” รัชนก ถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเธอ
“สมัยที่เป็นเด็ก ฉันดู รัชนก อินทนนท์ แข่งค่อนข้างมาก และก็ติดตามดู เมย์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
“ฉันภูมิใจมากที่ตอนนี้ได้เป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นแล้ว เราต้องทำงานให้ดี และ พยายามให้มากขึ้น เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานยากที่รออยู่”
เฉิน ยู่เฟย “คู่ปรับสำคัญ”
หนึ่งในคู่ปรับคนสำคัญของ อัน เซ-ยอง คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก เฉิน ยู่เฟย มืออันดับ 2 ของโลกจากจีน โดยทั้งคู่เจอกันมาทั้งหมด 20 ครั้งรวมทุกรายการ
ปรากฏว่า สถิติของ เฉิน ยู่เฟย ยังข่มมิด ชนะไปถึง 12 ครั้ง แพ้ 8 ครั้ง โดยเฉพาะมหกรรมโอลิมปิก “โตเกียว 2020” นักตบลูกขนไก่แดนมังกร ชนะไปได้ 2 เกมรวด
ส่วนในการแข่งขันเอเชียน เกมส์ พบกัน 2 ครั้ง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาคนละครั้ง และรายการสุดท้าย “อินโดนีเซีย โอเพ่น 2024” เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ทั้งคู่โคจรมาพบกัน รอบชิงชนะเลิศ แต่ เฉิน ยู่เฟย ยังโชว์ฟอร์มเก๋า เอาชนะไปได้ 2-1 เกม คว้าแชมป์ไปครอง
มุมมองโอลิมปิก “ปารีส 2024”
อัน เซ-ยอง เตรียมตัวลุยศึกโอลิมปิก “ปารีส 2024” ถือเป็นครั้งที่ 2 ในการเข้าร่วมมหกรรมนี้ เป้าหมายสูงสุดของเธอ คือ การคว้าเหรียญทองเดินตามรอย บัง ซู-ฮยอน รุ่นพี่ชาติเดียวกัน เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ปี 1996
“ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นความกดดัน มันก็จะกลายเป็นความกดดัน” มืออันดับ 1 ของโลก เปิดเผยกับ Olympics.com
“ฉันอยากสนุกไปกับผู้คนที่จับจ้องเรา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงพยายามทำผลงานให้ดี และเฉลิมฉลองให้มากที่สุด เพื่อให้คนเกาหลีสนุกกับสิ่งที่ฉันทำเช่นกัน ถ้าเราทุ่มเทเกินร้อยทุกๆเกมที่ลงแข่ง ฉันคิดว่ามันสามารถบรรลุเป้าหมายได้นะ”
TAG ที่เกี่ยวข้อง