stadium

จุฑามาศ รักสัตย์ : ระฆังยกสุดท้ายในโอลิมปิกเกมส์

10 พฤษภาคม 2567

ช่วงเวลาของชีวิตคนเรา อาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบเสมอไป เช่นเดียวกับเธอคนนี้ “หวาน” จุฑามาศ รักสัตย์ กำปั้นสาวทีมชาติไทย ตลอดเส้นทางนักสู้กว่าจะประสบความสำเร็จดั่งใจหวั่ง ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ และแบกความหวังของครอบครัว ติดตามเรื่องราวของเธอไปพร้อมกันได้ที่นี่

 

 

ยกที่ 1 จากนักตะกร้อสู่มวยสากล

 

เด็กสาวแดนอีสาน ถิ่นภูเขาไฟ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เกิดมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นอดีตนักชกมวยไทยมาก่อน แต่ทว่าหวานกลับไม่ได้เริ่มต้นจากกีฬามวยตั้งแต่แรกเริ่ม เธอกลับชื่นชอบกีฬาเซปักตะกร้อในช่วงวัยเด็ก

 

“จุดเริ่มต้นสายกีฬาของหนูมาจากการที่สุขภาพตอนเด็กไม่ค่อยแข็งแรง เป็นโรคหอบ คุณหมอเลยแนะนำให้เล่นกีฬา ไม่งั้นจะป่วยมีโรคประจำตัวติดมาด้วย ก็เลยเลือกมาเล่นกีฬาตะกร้อเพราะว่าชอบ แล้วก็มีฟุตบอล” 

 

“จนมาถึงช่วงเข้ามัธยม ตอนม.1จริงๆหนูสอบติดโรงเรียนกีฬาที่อ่างทองเป็นที่แรก ก่อนจะย้ายมาเรียนต่อที่โคราชแทนในโควตากีฬาตะกร้อ แต่อยู่ได้ไม่นาน ชมรมตะกร้อก็ถูกยุบ หนูเคว้งมากในตอนนั้น จนสุดท้ายพี่ชายที่เป็นอาจารย์เขาก็เลยให้ไปอยู่มวยสากลก่อน หนูก็ต้องไปเพราะมันไม่มีทางเลือกอื่น”

 

คงจะไม่ใช่ทางเลือกที่ง่ายของนักกีฬาคนหนึ่ง ที่ต้องเปลี่ยนมาเล่นอีกชนิดกีฬาที่เราไม่ได้ถนัด หรือคุ้นชินมาก่อน เช่นเดียวกันกับหวานในตอนนั้น

 

“ในตอนนั้นหนูพอรู้พื้นฐานมวยบ้างนิดหน่อย เพราะพ่อก็เคยสอนให้ออกกำลังกายตอนเด็ก แต่ว่าพอได้ลองชกจริงๆ แค่กำหมัด หนูยังกำผิดเลยค่ะ หลังจากนั้นไม่นานหนูได้โอกาสประเดิมขึ้นชกครั้งแรก ตอนอายุ 14 ปี ตอนนั้นไปแข่งที่โรงเรียนกีฬาที่จังหวัดลำปาง ยกแรกคะแนนหนูนำคู่ต่อสู้เลย แต่พอมายกสองเท่านั้นแหละ หนูกลับโดนซัด เข้ามาที่ใบหน้าอย่างจัง จนดั้งหนูหัก แต่เชื่อมั้ย มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ตอนนั้นไม่รู้สึกเจ็บ แต่หนูกลับเริ่มสนุก แล้วก็พักประมาณ 2 อาทิตย์ หนูก็กลับไปซ้อมได้แล้ว”

 

ยกที่ 2 ติดธงทีมชาติไทย

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความฝันขั้นแรกของนักกีฬาทุกคน ก็คงอยากจะมีธงชาติไทยติดที่หน้าอกตัวเองสักครั้งในชีวิต และโอกาสก็เข้ามาหาหวานอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

“ตอนนั้นมีแมวมอง เป็นสตาฟฟ์ของทีมชาติจะเข้าไปหานักกีฬาตามทัวร์นาเมนต์แข่งต่าง ๆ ในประเทศ ตั้งแต่กีฬาเยาวชน กีฬาแห่งชาติ และชิงแชมป์ประเทศไทย หนูก็ลงแข่งในโคราชมาตลอด ก่อนที่จะได้เข้ามาเก็บตัวตอนอายุ 17 ปี”

 

“ยังจำวันแรกที่ไปได้อยู่เลยค่ะ เกร็งมาก เพราะเรายังเด็กในแคมป์ กลัวซ้อมไม่ดีแล้วเขาจะส่งกลับบ้าน แต่มันมีคำหนึ่งที่ทุกคนบอกหนูมาว่า ใครเข้ามาที่แคมป์ทีหลัง ต้องฟิตกว่ารุ่นพี่ทุกคนที่อยู่มาก่อน เพราะเราอายุยังน้อย ต้องวิ่งนำหน้ารุ่นพี่ เป็นเหมือนการรับน้อง ในตอนนั้นหนูก็ไม่ยอมให้ใครได้แซงเลยค่ะ แต่ในตอนนี้หนูโตเป็นพี่แล้ว ปัจจุบันหนูเลยอยู่หลังได้ละค่ะ ฮ่าๆ”

 

จากนั้นมาหวานก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เธอประเดิมเวทีในนามทีมชาติไทยในรุ่นเล็ก 48 กก. ของการแข่งขันรายการอินเตอร์เนชันแนล ที่ไทเป พร้อมคว้าเหรียญทองมาได้สำเร็จ และรางวัลนักชกยอดเยี่ยมในครั้งนั้นอีกด้วย

 

 

ยกที่ 3 กัดฟันสู้รอบสุดท้าย จนได้ตั๋วโอลิมปิกเกมส์

 

ครั้งหนึ่งหนูเกือบจะแขวนนวม.. ประโยคสั้นๆที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้ฟัง หวานเปิดใจด้วยสายตาที่มุ่งมั่น เธอเล่าให้ฟังถึงความฝันหนึ่งเดียวของเธอที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่อายุ 19 ปี เธอฝันถึงการได้ไปลุยมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโอลิมปิกเกมส์มาโดยตลอด

 

“หนูขอเล่าย้อนไปถึงตอนแข่งซีเกมส์ที่เวียดนามค่ะ หนูเคยเกือบจะเลิกชกมวยมาแล้ว หากครั้งนั้นหนูไม่ได้เหรียญทองกลับมา ด้วยความที่เราอยู่ในเส้นทางนี้มานาน 10 กว่าปี มันนานมากจนบางครั้งหนูคิดว่าเราไม่ดีพอหรือเปล่า แต่เพราะพ่อทำให้หนูไม่ยอมแพ้ เพราะครอบครัวทำให้รู้ว่าหนูสามารถไปถึงจุดหมายได้ ครอบครัวเป็นพลังแห่งการขับเคลื่อนความฝันครั้งนี้ของหนูจริง ๆ ค่ะ”

 

“ส่วนเรื่องไปโอลิมปิก หนูฝันถึงมันตั้งแต่อายุ 19-20 ว่าหนูอยากไปให้ได้สักครั้ง แต่กว่าจะเดินมาถึงวันนี้ มวยสากลการแข่งขันมันสูงค่ะ อย่างแรกเราต้องชนะรุ่นพี่เราก่อน ชนะคนในทีม แล้วก็ต้องไปชนะคนอื่นนอกประเทศอีก กว่าจะได้ตั๋วมันเหนื่อยมากจริงๆ”

 

“ก่อนที่จะไปแข่งเอเชียนเกมส์ หนูตัดทุกสิ่งทุกอย่างเลยค่ะ ที่เข้ามารบกวนจิตใจ เพราะเราใส่หมดทุกอย่างที่มีลงไปในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไปเก็บตัวที่คาซัคสถาน และเกาหลีร่วม 2 เดือน เลยทำให้หนูมั่นใจว่าจะคว้าโควตาโอลิมปิกมาได้ จนสุดท้ายหนูก็ได้มาในที่สุด”

 

อย่างที่เราทราบกันดีในตอนนี้ หวานได้ตั๋วลุยโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีสเป็นที่เรียบร้อย จากการที่เจ้าตัวไปคว้าเหรียญเงินในเอเชียนเกมส์ หางโจว 2022 เพราะความทุ่มเท ทำให้เธอสามารถเดินทางถึงเป้าหมายที่วางไว้อย่างสวยงาม

 

 

ยกที่ 4 สายมูตัวแม่ กับเพลงยุค 90

 

นักกีฬาอาชีพส่วนใหญ่ตลอดทั้งปี มีเวลาพักไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะต้องเก็บตัวซ้อม เพื่อแข่งขันตลอดทั้ง 12 เดือน แต่นอกจากฝีมือแล้ว บางครั้งดวงก็มีส่วนเข้ามาช่วยในเรื่องความสบายใจ และหวานก็เชื่อเรื่องนี้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว

 

“จริงๆหนูเป็นคนไหว้พระทำบุญอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้มีเวลาไปบ่อยมาก จนมีคนพามาเข้าสายมูแบบเต็มตัวเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ต้องบอกก่อนว่าปกติหนูซ้อมหนักเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ที่เลือกมาเชื่อทางนี้ เพราะอยากมีสิ่งที่ให้เรารู้สึกสบายใจไปด้วย” 

 

“ไม่ใช่แค่เรื่องกีฬาเท่านั้น เมื่อไม่นานมานี้หนูมาขอเกี่ยวกับเรื่องงานด้วยค่ะ ที่ทำเรื่องบรรจุมาประมาณ 10 ปี แต่จู่ๆเพิ่งมาได้บรรจุเอาในตอนนี้ และก่อนที่จะมาแข่งเอเชียนเกมส์ หนูก็มาไหว้ที่วัดไผ่เงินนี่แหละ ขอท่านว่าอยากได้เหรียญรางวัลกลับมาบ้าน เพราะถ้าชนะครั้งนี้ หนูจะได้ตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ด้วย จนสุดท้ายหนูทำสำเร็จ ก็เลยมาไหว้ถวายพวงมาลัยแก่ท่าน เพื่อเป็นการขอบคุณเป็นที่เรียบร้อยค่ะ”

 

เท่านั้นยังไม่พอ ทีมงานมีโอกาสได้ถามถึงงานอดิเรก ร่วมถึงเวลาว่างที่หวานได้พักหากไม่มีซ้อมในช่วงนั้น 

 

“ถ้าไม่มีซ้อม จะชอบดูซีรี่ย์สนุกๆ แต่ถ้าหนังจะไปทางแนวการ์ตูนมากกว่า เรื่องโปรดจะเป็นพวก กังฟูแพนด้า แล้วก็มู่หลานภาคแรก”

 

“จริงๆมีการ์ตูนอีกอย่างที่ชื่นชอบจะเป็นอนิเมะของญี่ปุ่น ด้วยกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น เวลาสร้างชิ้นงานออกมามันดูยอดเยี่ยม เขาใส่ใจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความคลาสสิคในทุกๆเรื่องราว ผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ยังมีคนรอที่จะชื่นชมผลงานอยู่เสมอ หรือกระทั่งเรื่องที่สร้างขึ้นมาใหม่ ก็ตอบโจทย์แฟนๆได้อย่างสวยงาม ไม่แปลกใจที่ทำไมถึงครองใจผู้ชมตลอดที่ผ่านมา ซึ่งความใส่ใจของญี่ปุ่นนี้ไม่ใช่แค่ออกมาในรูปแบบของการ์ตูนอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงนวัตกรรมของพวกเขาที่ส่งออกไปสู่สายตาของคนทั่วโลก เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือรถยนต์ที่มีครบทั้งเทคโนโลยี, ความทนทาน, ดูแลรักษาง่าย และลงลึกทุกรายละเอียดเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานให้มากที่สุดอีกด้วย”

 

ส่วนเพลงจะเป็นแนวอกหัก แต่ว่าไม่ได้อกหักนะคะ คือจะอินเลิฟหรืออารมณ์ดีก็ชอบฟังแนวนี้ รวมถึงเพลงยุค 90 ก็ชอบมาก อย่างเช่นเพลง ก้อนหินละเมอ มันสบายหู รู้สึกฟังแล้วผ่อนคลายดี”

 

และนี่คือเรื่องราวของนักชกสาวแดนอีสาน ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีสครั้งนี้ ไม่มีใครรู้คำตอบว่าเธอจะไปจบที่จุดหมายตรงไหน แต่อย่างน้อยความตั้งใจที่หวานได้ลงมือทำมาตลอดทั้งชีวิต ได้ขับเคลื่อนพาจุฑามาศ รักสัตย์ ประสบความสำเร็จและกำลังจะไปได้ไกลกว่าฝัน


stadium

author

อดิศักดิ์ คูวัฒนากุล

StadiumTH Content Creator

stadium olympic