26 เมษายน 2567
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับมหกรรมสุดยิ่งใหญ่ที่ทุกคนต่างรอคอย สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส เช่นเดียวกันกับหนุ่มคนนี้ “เอ้” โกเมธ สุขประเสริฐ นักปั่นจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิ่ง มือหนึ่งทีมชาติไทย
หลังจากสามารถคว้าตั๋วลุยโอลิมปิกได้เป็นคนที่สอง ของทัพนักกีฬาไทย จากผลงานอันยอดเยี่ยมคว้าแชมป์เอเชียสมัยที่ 2 ให้กับตัวเอง วันนี้ Stadium TH จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเอ้ ให้มากยิ่งขึ้น
เด็กหนุ่มสุพรรณ ที่หัวใจรักความเร็ว
เป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไปสำหรับเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ จุดเริ่มต้นกีฬามักจะเริ่มจากกีฬาฟุตบอล ซึ่งเด็กชายเอ้ จากจังหวัดสุพรรณบุรีก็คือหนึ่งคนในนั้นเช่นกัน
“ตอนเด็กๆผมชอบเตะบอลมาก เรียกได้ว่าจริงจังเลยก็ว่าได้ครับ มันเริ่มต้นจากที่เราเล่นในโรงเรียนกับเพื่อนๆก่อน จนวันหนึ่งผมมีโอกาสได้เข้าไปอะคาเดมี่ฝึกฝนและลงแข่ง และทางบ้านผม อย่างคุณพ่อเขาอยากให้เล่นเป็นอาชีพเลย แต่ผมดันมาเจอในสิ่งที่ผมชอบมากกว่า ก็เลยไม่ได้เลือกเส้นทางนั้นครับ”
สิ่งที่จุดประกายความฝันของเอ้ในวันนั้น เริ่มต้นมาจากคนในครอบครัวอย่างพี่ชาย ที่หลงใหลในกีฬาความเร็วอย่างมอเตอร์ครอส จึงทำให้ได้เห็นความสนุกและอย่างลองดูบ้างเช่นกัน
“ผมไปดูพี่ชายขี่มอเตอร์ครอสทุกวัน และมีโอกาสได้ลองขี่อยู่บ้าง จริงๆก็ชอบนะครับแต่มันติดตรงที่เรื่องของงบประมาณ เพราะว่ามอเตอร์ครอสราคามันค่อนข้างแพง แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้ตัวเองเลยก็คือเป็นคนชอบความเร็ว จึงค่อยๆคิดว่างั้นลองไปทางปั่นจักรยานดีไหม มันน่าจะสนุกไม่แพ้กัน หลังจากนั้นก็ปั่นยาวมาถึงทุกวันนี้ครับ”
จักรยานซื้อแกง สู่รั้วกำแพงทีมชาติไทย
เวทีแห่งการประเดิมสนามที่อาจไม่ได้สวยหรู แต่ทุกก้าวเดินย่อมมีความทรงจำที่แสนพิเศษซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ ไม่ต่างจากเอ้ที่เริ่มต้นเส้นทางด้วยจักรยานซื้อแกงคันเก่า
“วันที่ลงแข่งครั้งแรกตอนนั้น ผมอายุ 10 ขวบครับ ยังไม่มีจักรยานเป็นของตัวเองเลย จนต้องไปยืมรถจักรยานของอาจารย์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นครูคนแรกที่สอนผมปั่นจักรยานแบบจริงจัง แต่ว่าจักรยานที่ผมใช้แข่งวันนั้นมันก็คือ จักรยานซื้อแกงบ้านๆแบบทั่วๆไปเลย ที่พอจะใช้แข่งได้ เพราะสนามที่แข่งมันไม่ได้โหดแบบที่เราลงเล่นในทุกวันนี้ ซึ่งพอมองย้อนกลับไปในตอนนี้ผมก็ขำดีนะครับ มันสนุกมากๆเลย”
และหลังจากนั้นไม่นาน คำสัญญาพร้อมดูเชิงของผู้เป็นพ่อ ได้ชวนให้เด็กหนุ่มไฟแรงคนนี้ได้ก้าวเดินต่อไปอย่างมีความหวัง
“พ่อผมได้สัญญาไว้กับผมครับ ว่าถ้าวันที่ผมลงแข่งรายการชิงแชมป์ประเทศไทย แล้วผมสามารถเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ แกจะซื้อจักรยานคันแรกให้ผมเป็นของขวัญ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ไหมนะครับ แต่ก็ตั้งใจสุดๆ หลังจากนั้นผมก็ทำมันได้สำเร็จ พอแข่งเสร็จ พ่อก็พาไปซื้อจักรยานคันแรกมาเลย ราคาน่าจะคันละ 2-3 หมื่น วินาทีนั้นผมก็บอกกับตัวเองว่า หลังจากวันนี้เราจะเดินกลับหลังไม่ได้ละนะ ต้องสู้อย่างเดียว”
ต่อมาในวัย 16 ปี เอ้ทำสำเร็จในก้าวแรกด้วยการปลดล็อคตัวเองจากการคว้าแชมป์ประเทศไทย จนฟอร์มไปสะดุดตาทางสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทยได้เห็นแวว จึงชวนเข้ามาติดทีมชาติ และส่งไปเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ประสบการณ์ต่างประเทศ เรียนรู้จากแชมป์โลก
วัยรุ่นมัธยมปลายเก็บข้าวของออกจากเซฟโซนครั้งแรก เดินทางข้ามซีกโลกเพื่อไปฝึกซ้อมอยู่ต่างประเทศ ไปอยู่ในสถานที่ ที่ไม่มีใครรู้จัก และต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตตัวเองใหม่เพื่อไล่ตามความฝัน ซึ่งไม่ใช่แค่ฝันของตัวเอง แต่ยังแบกความฝันของครอบครัวมาด้วย
“เรื่องภาษาตอนนั้นแทบจะไม่ได้เลยครับ พอได้แบบนิดๆหน่อยๆ ต้องเรียนฝึกเรียนรู้จากยูทูป ดูหนังบ้าง ส่วนเรื่องอาหารก็ยากอยู่ครับ แต่โชคดีที่ผมกินง่ายอยู่ง่าย ในตอนนั้นผมบอกกับตัวเองแค่ว่า ถ้าอยากจะเก่งก็ต้องอยู่ให้ได้ อดทนให้ได้แค่นั้นเองครับ”
“เพราะว่าข้อดีของการซ้อมต่างประเทศ เรื่องระเบียบวินัยจะต้องเป๊ะ มาซ้อมต้องตรงเวลาตามที่นัด พอหลังจากซ้อมเสร็จคุณจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า รวมถึงอีกสิ่งหนึ่งที่แตกออกไปก็จะเป็นพวกเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย เช่น พวกเครื่องจับเวลา พร้อมทั้งรอบๆตัวคุณก็จะมีนักแข่งที่เก่งๆ มันเลยทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นไปในตัวด้วยครับ”
“แม้กระทั่งโค้ชที่สอนผม กลุ่มคนพวกนี้ส่วนใหญ่ก็คือนักกีฬาที่เคยคว้าแชมป์โลกมาแล้ว อย่างโค้ชคนแรกของผมเป็นชาวแอฟริกา เขาเคยเข้าไปถึงรอบชิงโอลิมปิกมา ส่วนโค้ชคนปัจจุบันจะเป็นคนเนเธอร์แลนด์ครับ คนนี้เขาจะเก่งเรื่องการแนะนำเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ที่หลายคนอาจจะไม่รู้แต่มันเป็นเรื่องสำคัญ ในการแก้ไขรายละเอียดมากกว่า เพราะว่าในสนามเราขี่ได้อยู่แล้วครับ”
โอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของ “โกเมธ สุขประเสริฐ”
อย่างที่รู้กันว่าความฝันสูงสุดของนักกีฬาทุกคน หากจะเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์แบบก็ต้องคงจะหนีไม่พ้น การได้เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์สักครั้งในชีวิต เช่นเดียวกันกับหนุ่มสุพรรณคนนี้
“จริงๆความฝันของผม มันเริ่มตั้งแต่ที่โตเกียว 2020 แล้วครับ แต่ผมดันเกิดอุบัติเหตุแขนหักซะก่อน จากการลงซ้อมที่สวิสก่อนที่จะลงแข่งรายการชิงแชมป์เอเชีย ทำให้ตอนนั้นผมไม่ได้ไปลงแข่งเพื่อเก็บคะแนนอีกเลย เพราะต้องพักร่างกายพอสมควรกว่าจะกลับมาได้อีกครั้ง”
“แต่พอมาโอลิมปิก 2024 ครั้งนี้ ผมทำได้แล้วก็รู้สึกปลดล็อคกับตัวเองมากๆครับ ตอนที่ไปแข่งที่ฟิลิปปินส์ ผมรู้อยู่แล้วว่า ถ้าหากผมเข้าเส้นชัยได้ที่หนึ่ง ผมจะได้ตั๋วไปโอลิมปิกทันที พอผมสามารถทำมันได้จริงๆ ความรู้สึกเหมือนกำลังนอนฝันอยู่ มันไม่น่าเชื่อเลยครับ มันโล่งแบบบอกไม่ถูก และหายเหนื่อย คงเป็นผลตอบแทนจากที่ผมยอมเจ็บตัว คือฝั่งซีกซ้ายของร่างกายผม ในตอนนี้คือกระดูกได้หักมาหมดแล้ว แต่สำหรับการได้ไปโอลิมปิกเกมส์มันคุ้มค่าที่ ได้แลกมาครับ”
มารอติดตามเชียร์เอ้ “โกเมธ สุขประเสริฐ” ในโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกเจ้าตัวไปด้วยกัน ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นความฝันของหนุ่มสุพรรณคนนี้สำเร็จเป็นจริงก็เป็นได้
TAG ที่เกี่ยวข้อง