21 มีนาคม 2567
เมื่อพูดถึงการออกแบบในโอลิมปิก เหรียญรางวัล, คบเพลิง และมาสคอตคือสิ่งที่ต้องพูดถึง เพราะทุกครั้งจะมีหน้าตารวมทั้งเรื่องราวน่าสนใจออกมาเสมอ เนื่องจากเป็นเหมือนของที่ระลึกถึงเจ้าภาพในปีนั้น ๆ ฝ่ายจัดการแข่งขันจึงใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยเฉพาะโอลิมปิกเกมส์และพาราลิมปิกเกมส์ปี 2024 ที่ฝรั่งเศสเจ้าภาพขึ้นชื่อเรื่องศิลปะและแฟชัน ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามได้ที่นี่
เหรียญรางวัล : ไอเฟล, หกเหลี่ยม และอักษรเบรลล์
เหรียญรางวัลของทั้งสองมหกรรมในปีนี้ออกแบบโดย Chaumet แบรนด์เครื่องประดับและผู้ผลิตนาฬิกาเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 200 ปีซึ่งปัจจุบันอยู่ในเครือ LVMH เอกลักษณ์ของเหรียญที่มีร่วมกันคือมีด้านหนึ่งที่ใช้รูปแบบร่วมกันคือด้านที่มีชิ้นส่วนโลหะของหอไอเฟลซึ่งถูกตัดออกมาเป็นรูปหกเหลี่ยม เหมือนกับรูปทรงประเทศบนแผนที่และกลายเป็นชื่อเล่นของฝรั่งเศส โดยมีสัญลักษณ์ "ปารีส 2024" อยู่ตรงกลาง เข้ากับสีทอง เงิน และทองแดงของเหรียญอย่างลงตัว ขณะที่ด้านนอกเป็นเส้นรังสีที่ใช้วิธีกระเทาะแทนการแกะสลัก แสดงถึงความเจิดจ้าของฝรั่งเศสต่อสายตาชาวโลก เช่นเดียวกับการแข่งขันอันร้อนแรงของนักกีฬา
ส่วนอีกด้านที่ต่างกันนั้น ของโอลิมปิกจะเป็นไปตามธรรมเนียมที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2004 คือการเล่าถึงต้นกำเนิดของการแข่งขัน ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ มีองค์ประกอบคือ เทพีไนกี้สัญลักษณ์แห่งชัยชนะของชาวกรีกโบราณแรงบันดาลใจของแบรนด์ Nike, วิหารอะโครโพลิสแห่งเอเธนส์, พานาเธเนค สนามกีฬาหลักของการแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่ที่จัดขึ้นครั้งแรกที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อปี ค.ศ.1896 รวมทั้งหอไอเฟลสัญลักษณ์ของเจ้าภาพฝรั่งเศส
สำหรับเหรียญพาราลิมปิกอีกด้านจะเป็นภาพมุมสูงที่มองลงมาบนหอไอเฟล และมีตัวอักษรเบรลล์สำหรับผู้มีความพิการทางสายตาเป็นคำว่า "ปารีส" และ "2024" อยู่ด้านข้าง ซึ่งอักษรดังกล่าวคิดค้นโดย หลุยส์ เบรลล์ ครูตาบอดชาวฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1824 หรือ 200 ปีก่อน และแพร่หลายไปทั่วโลกถึงปัจจุบัน
คบเพลิงโอลิมปิก : ความเสมอภาค, น้ำ และความสงบสุข
หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของการแข่งขันที่จะนำไฟโอลิมปิกจากโอลิมเปียประเทศกรีซ มาจุดยังกระถางคบเพลิงในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ซึ่งสำหรับคบเพลิง "ปารีส 2024" ได้รับการออกแบบโดย มาธิเยอ เลออันเนอร์ ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และมีผลงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ทั้งในด้านศิลปะและนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี รวมถึงได้รับการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่หลายแห่งทั่วโลก พร้อมกับได้ อาร์เซลอร์มิตตัล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกรับหน้าที่ผลิตคบเพลิงจำนวน 2,000 ชิ้น
เลออันเนอร์ ออกแบบคบเพลิงภายใต้ 3 แนวคิดหลักของการแข่งขัน อย่างแรกคือ "ความเสมอภาค" ที่เจ้าภาพเน้นย้ำมาตั้งช่วงยื่นเสนอตัวจัดการแข่งขัน ทำให้ทั้งโอลิมปิกและพาราลิมปิกปีนี้ใช้คบเพลิงแบบเดียวกัน เช่นเดียวกับสัญลักษณ์และมาสคอต นอกจากนั้นตัวคบเพลิงยังมีความสมมาตรโดยสมบูรณ์ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน เพื่อเป็นภาพสะท้อนของความเท่าเทียมที่ชัดเจน
แนวคิดต่อมาคือ "น้ำ" ที่ได้แรงบันดาลใจจากแม่น้ำแซน หัวใจของกรุงปารีสที่จะมีบทบาทสำคัญในโอลิมปิก ทั้งเรื่องพิธีการและสถานที่แข่งขัน นอกจากนั้นในช่วงของการวิ่งคบเพลิงยังจะมีการนำไฟโอลิมปิกข้ามผ่านมหาสมุทรแอตแลนติก, มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อไปยังดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสคือ กัวดาลูป, เฟรนช์ กายอานา, มาร์ตีนีก, เฟรนช์ โพลีนีเซีย และเรอูนียงอีกด้วย ซึ่งแนวคิดเรื่องน้ำทำให้กลายมาเป็นลวดลายบนตัวคบเพลิงที่จำลองระลอกคลื่น การกระเพื่อม และผิวน้ำที่สะท้อนแสงแดด
แนวคิดที่สามคือความสงบสุข เนื่องจากโอลิมปิกและพาราลิมปิกถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพมานับตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ขณะที่เพลิงโอลิมปิกทำหน้าที่ส่งสารของความสามัคคีไปยังผู้คนและชาติต่าง ๆ มานับพันปี รวมทั้งกลายเป็นสัญลักษณ์ของนโยบายการสงบศึกในช่วงแข่งโอลิมปิก ดังนั้นเพื่อสะท้อนความตั้งใจนี้ คบเพลิงปารีส 2024 จึงมีลักษณะและเส้นโค้งมนที่สื่อถึงความสงบสุข ความอ่อนโยน ความบริสุทธิ์ และรูปแบบโดยรวมที่สื่อถึงความมีน้ำใจ และความสามัคคี
มาสคอต : สามเหลี่ยม, ฟรีเจียน, เสรีภาพ
มาสคอตของการแข่งขันในปีนี้ มีชื่อว่า Phryges (ฟรีจีส) มีต้นแบบมาจากหมวกฟรีเจียนที่เป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ และมีส่วนในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญ ๆ ของฝรั่งเศสมานับศตวรรษ ซึ่งหอจดหมายเหตุแห่งชาติบันทึกว่า หมวกฟรีเจียมีการสวมใส่ทั้งในช่วงการสร้างอาสนวิหารน็อทร์ดามในปี 1163, การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789, การสร้างหอไอเฟล และการแข่งขันโอลิมปิกในปี 1924
สำหรับหมวกฟรีเจียนนั้นมีต้นกำเนิดจากชาวฟรีเจียแห่งอาณาจักรกรีกโบราณหรือบริเวณประเทศตุรกีในปัจจุบันรวมทั้งชาวยุโรปตะวันออก ก่อนจะถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพครั้งแรกในช่วงการปฏิวัติอเมริกาปี 1776 ตามด้วยการปฏิวัติฝรั่งเศส รวมทั้งปรากฏบนภาพเขียน "เสรีภาพนำทางประชาชน - La liberté guidant le people" อันโด่งดัง โดยสวมอยู่บนศีรษะของหญิงสาวที่เหมือนตัวแทนเชิงสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส ที่มีชื่อเรียกขานว่า Marianne และกลายเป็นสัญลักษณ์ที่เห็นกันทั่วไปในปัจจุบัน
สำหรับรูปลักษณ์มาสคอตประจำโอลิมปิกครั้งนี้ถอดแบบมาจากหมวกฟรีเจียนที่มีทรงสามเหลี่ยม โดยใช้สีหลักคือ แดง, ขาวและน้ำเงิน มาพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร ตาสีฟ้า ริบบิ้นสามสี และรองเท้าผ้าใบสีฟ้าขนาดใหญ่ ขณะที่มาสคอตของพาราลิมปิกต่างกันแค่ตรงที่มีขาเทียมยาวถึงหัวเข่า
TAG ที่เกี่ยวข้อง