28 กุมภาพันธ์ 2563
ปัญจกีฬาสมัยใหม่ จัดเป็นชนิดกีฬาที่ผูกพันกับประวัติศาสตร์ของการแข่งขันโอลิมปิก เนื่องจากคิดค้นโดย บารอน ปิแอร์ เดอ กูแบร์แตง บิดาของการแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่
นี่คือกีฬาที่ผู้เข้าแข่งขันต้องเก่งรอบด้านทั้ง ว่ายน้ำ, ฟันดาบ, ขี่ม้า และ เลเซอร์ รัน (วิ่ง-ยิงปืน) และที่พิเศษไปกว่านั้นคือทุกคนต้องทำทั้งหมดนี้ภายในวันเดียวเท่านั้น
ที่มาที่ไปของกีฬาชนิดนี้ในโอลิมปิกเป็นอย่างไร รูปแบบการแข่งเป็นแบบไหน และใครคือนักกีฬาที่น่าสนใจใน "โตเกียว 2020" ติดตามได้ที่นี่
ปัญจกีฬาสมัยใหม่กับโอลิมปิก
ปัญจกีฬาสมัยใหม่เป็นการแข่งขันที่ เดอ กูแบร์แตง คิดค้นเพื่อโอลิมปิกโดยเฉพาะ โดยมีการแข่งครั้งแรกในปี 1912 ที่กรุงสต็อกโฮลม์ ประเทศสวีเดน เป็นเจ้าภาพ และเป็นส่วนหนึ่งใน โอลิมปิก เกมส์ มาตลอด นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทั้งนี้ในโอลิมปิกยุคโบราณ การแข่งปัญจกีฬาเอามาจากทักษะของทหารในอุดมคติ คือ ขี่ม้า, ต่อสู้ด้วยดาบ, ยิงปืน, ว่ายน้ำ และวิ่ง ซึ่ง เดอ กูแบร์แตง ชื่นชมในกีฬาชนิดนี้เอามาก ๆ จึงได้จัดการแข่งขันที่คล้ายคลึงกัน เพื่อสานต่อจิตวิญญาณของยุคโบราณ โดยเขาเชื่อว่ากีฬาชนิดนี้จะเป็นบททดสอบคุณภาพของมนุษย์ทั้งในแง่ทักษะและกายภาพได้มากที่สุด เพื่อผลิตนักกีฬาในอุดมคติ
แรกเริ่มเดิมทีนั้น การแข่งขันปัญจกีฬาต้องใช้เวลาหลายวัน ก่อนจะปรับมาแข่งวันเดียวจบตั้งแต่ปี 1996 เพื่อให้มีความน่าสนใจมากขึ้น และง่ายต่อผู้เข้าชม
อันดราส บัลค์โซ่ คือนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในกีฬาชนิดนี้ หลังจากตำนานชาวฮังการีคว้าไป 3 เหรียญทอง และ 2 เหรียญเงิน จากการลงแข่งปี 1960, 1968 และ 1972
รูปแบบการแข่งขันใน โตเกียว 2020
ในโตเกียว 2020 จะมีนักกีฬาทั้งหมด 72 คน แบ่งเป็นชาย 36 คน และหญิง 36 คน ลงแข่งขันปัญกีฬาสมัยใหม่ ณ 2 สนามแข่งขันคือ มุซาชิโนะ ฟอเรสต์ สปอร์ตส์ พลาซ่า (เฉพาะฟันดาบ) และ โตเกียว สเตเดี้ยม
ปัญจกีฬาสมัยใหม่จะมีการแข่ง 5 ชนิดคือ ยิงปืนสั้น, ฟันดาบเอเป้, ว่ายน้ำฟรีสไตล์ 200 เมตร, ขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง และวิ่งครอสคันทรี 3,200 เมตร
ฟันดาบ, ว่ายน้ำ และขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง คือ 3 ชนิดแรกที่ทำการแข่งขันเพื่อสะสมคะแนนซึ่งจะแปรผันเป็นแต้มต่อด้านเวลาสำหรับ 2 ชนิดสุดท้ายคือยิงปืนสั้นและวิ่งครอสคันทรีที่รวมกันเป็น เลเซอร์ รัน
ผู้นำในตารางคะแนนจะได้ออกสตาร์ตก่อน ส่วนช่องว่างของเวลาก่อนที่ผู้เข้าแข่งลำดับต่อไปจะออกตัว ขึ้นอยู่กับคะแนนที่ตามหลังจาก 3 ชนิดแรก โดยผู้ชนะวัดจากอันดับที่เข้าเส้นชัย
เหมือนกับในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งก่อนหน้านี้ ปัญจกีฬาสมัยใหม่ มีการแข่งฟันดาบ 2 รอบ คือรอบปกติที่แข่งแบบพบกันหมดตามด้วยรอบโบนัส โดยในรอบพบกันหมดนักกีฬาจะเจอกับคู่แข่งครบทุกคนใช้รูปแบบใครได้แต้มก่อนชนะ จัดอันดับนักกีฬาจากจำนวนชัยชนะที่ทำได้ ส่วนรอบโบนัสใช้ระบบน็อกเอาต์ เริ่มจากนักกีฬาอันดับต่ำสุดสองคนจากรอบแรกดวลกัน ใครชนะได้เจอกับคนที่อยู่อันดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงอันดับ 1 ซึ่งนับชัยชนะในแต่ละรอบเพิ่มเข้าไปในการจัดอันดับ
ส่วนว่ายน้ำจะคิดคะแนนจากเวลาที่ทำได้ หลังจากนั้นนักกีฬาจะต้องขี่ม้าซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันเตรียมเอาไว้เพื่อกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง 12 ด่าน คิดคะแนนจากแต้มที่เสียจากการทำคานหล่น, ม้าไม่ยอมกระโดด, ม้าล้ม และใช้เวลาเกินกำหนด จัดอันดับเรียงตามนักกีฬาที่มีแต้มเสียน้อยที่สุด
ปิดท้ายด้วยการแข่งขัน เลเซอร์ รัน ที่ยังคงรูปแบบเดิมตั้งแต่ปี 2012 นักกีฬาต้องยิงปืนทั้งหมด 4 รอบสลับกับการวิ่ง 800 เมตร โดยในการยิงปืน นักกีฬาต้องยิงให้โดนเป้า 5 ครั้ง และต้องโหลดปืนหลังการยิงทุกครั้ง ก่อนจะรอสัญญาณเพื่อออกวิ่งต่อไป ไม่มีการลงโทษสำหรับการยิงพลาด แต่จะทำให้ผู้แข่งขันใช้เวลามากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่าน 70 วินาที หากนักกีฬาไม่สามารถยิงได้ครบ 5 เป้าหมาย พวกเขาจะได้วิ่งต่อไปทันที
กระบวนการคัดเลือก
แต่ละชาติสามารถส่งนักกีฬาเข้าร่วมสูงสุดได้ประเภทละ 2 คนจากทั้งหมด ประเภทละ 36 คน โดยญี่ปุ่นเจ้าภาพได้สิทธิ์อัตโนมัติประเภทละ 1 ที่นั่ง และมีสิทธิ์ไวลด์การ์ดประเภทละ 2 ที่นั่งซึ่งคณะกรรมาธิการไตรภาคีเป็นผู้พิจารณาส่งคำเชิญหลังเสร็จสิ้นกระบวนการคัดเลือกแล้ว
โควตาดั้งเดิมเริ่มพิจารณาจากผลการแข่งขันในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-กันยายน 2019 โดยมี 1 ที่นั่งของแต่ละประเภทมอบให้กับแชมป์รายการ UIPM World Cup final 2019 อีก 20 ที่นั่งได้จากรายการชิงแชมป์ระดับทวีป แบ่งออกเป็น แอฟริกาและโอเชียเนียทวีปละ 1 ที่นั่งในแต่ละประเภท, เอเชีย 5 โควตา, ยุโรป 8 โควตา และอีก 5 โควตาจากทวีปอเมริกา โดยให้มากที่สุดชาติละ 1 ที่นั่งในแต่ละประเภท (2 แชมป์จากรายการชิงแชมป์อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ กับนักกีฬาที่ได้อันดับสูงสุดใน แพน อเมริกัน เกมส์ ปี 2019)
จากกระบวนการดังกล่าวจะเหลือ 12 โควตาจากแต่ละประเภท โดยแบ่งเป็น 3 โควตาให้นักกีฬาที่มีอันดับสูงสุดในรายการชิงแชมป์โลกปี 2019 และ 3 โควตาให้กับศึกชิงแชมป์โลกปี 2021 ที่เหลืออีก 6 โควตาคิดจากคะแนนสะสมคัดโอลิมปิกตามผลงานในรายการที่สหภาพปัญจกีฬาสมัยใหม่นานาชาติให้การรับรองถึงรายการ Pentathlon and Laser Run World Championships 2021 ที่ประเทศเบลารุส ระหว่างวันที่ 8-14 มิถุนายนนี้ ซึ่งหากผู้ที่อยู่ใน 6 อันดับแรกได้โควตาจากขั้นตอนอื่นไปแล้ว ก็จะมอบให้นักกีฬาที่อยู่ลำดับถัดไป โดยรายชื่อนักกีฬาที่ได้โควตาทั้งหมดจะประกาศในวันที่ 14 มิถุนายน
นักกีฬาที่น่าจับตามองใน โตเกียว 2020
อเล็กซานเดอร์ เลซัน จาก รัสเซีย และ โคลอี้ เอสโปซิโต้ จาก ออสเตรเลีย คือ 2 แชมป์เก่าจาก ริโอ เกมส์ แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่ดูท่าจะไม่ได้ไปป้องกันแชมป์ที่โตเกียว โดยเฉพาะรายหลังที่เพิ่งคลอดลูกเมื่อปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามนักกีฬาที่เหลือจัดว่าฝีมือสูสีไม่แพ้กัน
วาล็องแต็ง เบโลด์ แชมป์โลกปี 2019 จากฝรั่งเศส ที่ได้อันดับ 20 ในริโอ เกมส์ หวังกลับมาแก้มือด้วยการคว้าเหรียญทอง เช่นเดียวกับ เอโลดี้ คลาวเวล แฟนสาว เจ้าของเหรียญเงินเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะที่ โจ ชูง รองแชมป์โลก 2019 จากสหราชอาณาจักร และมือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน ก็หวังคว้าเหรียญทองกลับบ้านเกิด หลังได้เพียงอันดับ 10 ที่บราซิล
TAG ที่เกี่ยวข้อง