4 กันยายน 2564
ขึ้นชื่อว่าเกมส์กีฬา ในทุกการแข่งขันย่อมมีการคาดหวังเกิดขึ้นเป็นของคู่กันเสมอ เช่นเดียวกับทัพนักกีฬาไทยที่กำลังสู้ศึกพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ หนนี้เรามีนักกีฬาผ่านคุณสมบัติมากที่สุดในประวัติศาสตร์จำนวน 74 คน
เมื่อจำนวนนักกีฬาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงระยะเวลาที่นานกว่าปกติ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนนักกีฬาทีมชาติไทยในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 นั้นมีความคาดหวังต่อผลงานของทัพนักกีฬาไทยไว้อย่างไรบ้าง
ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “เรา (กองทุนฯ) ไม่ได้คิดถึงเรื่องจำนวนเหรียญรางวัลแต่อย่างใด เพียงแต่เรามีความกังวลใจว่าในสภาวะวิกฤติโควิด-19 ระบาด น้องๆ นักกีฬาจะมีกำลังใจต่อสู้มากน้อยแค่ไหนมากกว่า อย่าลืมว่าการแข่งขันไม่ได้มีองค์ประกอบแค่การฝึกซ้อม แต่เรื่องจิตใจก็สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทัพนักกีฬาพาราทีมชาติไทย”
“ที่ผ่านมาตนมีโอกาสได้พูดคุยกับนักกีฬา ซึ่งทุกคนต่างก็บอกว่าอยากให้เราไปเชียร์ที่ขอบสนาม ผู้จัดการฯ ก็สัญญาว่าจะไปเชียร์ ต่อให้ขั้นตอนการเดินทางจะยุ่งยากขนาดไหนก็จะพยายามไปให้ได้ ไปเป็นกำลังใจให้เขา เพราะว่านักกีฬาต้องต่อสู้ฝ่าฟันลำบากมามากกว่าเรา”
“เราคาดหวังแค่ว่าขอให้ทุกคนต่อสู้ให้เต็มที่ ทำให้เหมือนตอนซ้อม ทุกคนเป็นนักกีฬา เป็นถึงตัวแทนประเทศไทยที่ไปลุยศึก พาราลิมปิกก็เหมือนสงคราม แต่เป็นสงครามกีฬา เพราะฉะนั้นนักกีฬาทุกคนไม่ว่าประเทศไหน เขาก็ทำเต็มที่เหมือนกัน”
“อย่างในโอลิมปิกเกมส์ของคนปกติที่เพิ่งจบ เดิมทีก็คิดว่าในสภาวะโควิด-19 แบบนี้จะทำให้นักกีฬาหมดกำลังใจฝึกซ้อม แต่ความจริงแล้ว ทุกคนต่างเปลี่ยนความผิดหวังเศร้าโศกเสียใจให้เป็นพลัง สร้างความสุขให้กับคนในประเทศผ่านความสำเร็จทางการกีฬา”
“ในส่วนของนักกีฬาไทยก็เหมือนกัน ทุกคนบอกว่าขอให้พวกเขาได้ไปแข่ง เพราะซ้อมกันมานานและให้สัญญาว่าจะทำให้เต็มที่ ส่วนใครจะทำผลงานออกได้แค่ไหน ตรงนั้นไม่มีใครควบคุมได้ การจะตั้งความหวังเหรียญอะไรก็ตาม เราต้องรู้ก่อนว่ามันจะมีบางปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น วันแข่งเด็กเกิดไม่สบายขึ้นมาสภาพร่างกายไม่พร้อม ก็เป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้”
“เอาเป็นว่าหากเราได้ไปแข่ง ก็ทำให้เต็มที่ ทำให้เหมือนที่ซ้อมจนไปแข่ง ผ่านการคัดเลือกมาได้ เท่านี้เราก็ภาคภูมิใจกับเขาแล้ว เราไม่อยากให้เขารู้สึกว่าทำแล้วไม่สำเร็จ กองทุนฯ จึงไม่คาดหวังอะไรมากกับเรื่องจำนวนเหรียญรางวัล แต่ก็จะมีบ้างบางชนิดกีฬา เช่น วีลแชร์เรซซิ่ง เพราะเราอยู่ระดับท็อปของโลก ก็อาจจะฝากความหวังเอาไว้บ้าง ขอให้พวกเขาโกยเหรียญให้ได้มากที่สุด”
นั่นคือความคาดหวังของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ต่อผลงานนักกีฬาไทยในพาราลิมปิก ขณะเดียวกัน ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนฯ ยังได้ทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า
“เราอยากให้กองทุนเป็นเหมือนนางฟ้าของกีฬาคนพิการ เราอยากจะบอกน้องๆ และผู้ฝึกสอน สมาคมฯ พาราลิมปิกไทย และทีมงานทั้งหมด ที่เสียสละมาตลอด เรามีความภูมิใจและอยากขอบคุณทุกๆ คน และขอฝากถึงทุกคนว่า ณ วันนี้เราไปถึงตรงนั้นแล้วอย่ายอมแพ้ ไม่ต้องหันหลังกลับมา ขอให้ลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว จะแพ้ก็แพ้อย่างมีศักดิ์ศรี ชนะก็ชนะให้สมกับเป็นคนไทย เราต้องพิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับโลก นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะทำให้คนรู้จักประเทศไทยในมุมที่ดีว่าประเทศไทยส่งเสริมผู้ด้อยโอกาส และอยากจะขอชวนคนไทยมาให้กำลังใจคนที่เขาขาดโอกาส แต่พยายามลุกขึ้นสู้ชีวิต สู้แทนคนไทย อยากให้คนไทยได้นั่งดู การที่น้องๆ นักกีฬาได้ไปสร้างชื่อเสียง สร้างความสุขกันมากขึ้น”
การสนับสนุนของกองทุนฯ ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเปิดโอกาสให้นักกีฬาคนพิการได้สู้ชีวิต แต่ยังทำให้พวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างงานสร้างอาชีพให้พวกเขามีรายได้ มีพื้นที่ในสังคม และยังเป็นเหมือนแสงสว่างส่องนำทางให้ผู้พิการคนอื่นๆ ได้มีกำลังใจสู้ชีวิตกันต่อไป ขณะเดียวกันก็ยังมีส่วนช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนปกติที่ขาดโอกาสหรือกำลังจมอยู่กับปัญหาต่างๆ เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นของนักกีฬาในพาราลิมปิกครั้งนี้แล้ว เชื่อว่าคนเหล่านั้นจะมีกำลังใจต่อสู้เพื่อก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคไปจนได้
TAG ที่เกี่ยวข้อง