11 พฤษภาคม 2567
หาได้ยากยิ่งสำหรับกีฬาที่จะมีทั้งความพลิ้วไหว และแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งเหล่านี้ได้รวมเอาไว้ในกีฬาที่เรียกว่า "ยิมนาสติก" และในโอลิมปิก ปี ค.ศ. 2024 นี้ การแข่งขันที่ชวนให้หลงใหลจนยากจะละสายตา และเร้าใจในจังหวะลีลาทุกย่างก้าว กำลังจะกลับมาอีกครั้ง
ยิมนาสติก เป็นกีฬาที่มีการแข่งขันมาอย่างยาวนาน และสามารถย้อนกลับไปได้ตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ ก่อนจะถูกงดไปในปี 339 ก่อนคริสตกาล จนกระทั่งในการแข่งโอลิมปิกสมัยใหม่ ได้มีการนำกีฬานี้กลับมาบรรจุอีกครั้งในปี ค.ศ. 1896
Artistic Gymnastics หรือยิมนาสติกสากล, ยิมนาสติกศิลป์ ซึ่งมีการเล่นกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ม้ากระโดด ม้าหู บาร์ต่างระดับ บาร์คู่ บาร์เดี่ยว ห่วง คานทรงตัว รวมทั้งฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ โดยจะตัดสินให้คะแนนจากความสมบูรณ์แบบของท่วงท่า
Rhythmic Gymnastics หรือ ยิมนาสติกลีลา ที่จัดแข่งเฉพาะในประเภทหญิงเท่านั้น และเพิ่งมีการจัดการแข่งในโอลิมปิกเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1984 ในการแข่งขันยิมนาสติกประเภทนี้ จะเน้นการเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี เพื่อโชว์ทักษะความอ่อนตัว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การทรงตัว รวมไปถึงการแสดงท่วงท่าลีลาอันพลิ้วไหว และมีการใช้อุปกรณ์ 5 ประเภท ได้แก่ ริบบิน,คทา, ห่วง, เชือก และลูกบอล
แทรมโพลีน (Trampoline) เรียกว่าเป็นหนึ่งในกีฬายิมนาสติกที่น่าตื่นเต้นที่สุดรายการหนึ่งเลยก็ว่าได้ และเพิ่งจะมีการจัดแข่งขันขึ้นบนเวทีโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2000 ที่นครซิดนีย์ โดยผู้เข้าแข่งขันจะทำการกระโดดบนเตียงผ้าใบสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 4.28 ม. x 2.14 ม. ที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ และถูกยึดไว้กับโครงเหล็กสปริงเพื่อให้เกิดแรงตึงที่จะดีดให้ผู้เล่นลอยสูงขึ้นไปในอากาศ โดยการให้คะแนนจะวัดจากความยากของท่วงท่า และความสมบูรณ์แบบในการกระโดด
การแข่งขัน ยิมนาสติกสากล ในอดีต ญี่ปุ่นคือตัวเต็งที่กวาดเหรียญทองจากการแข่งขันในโอลิมปิกแทบทุกครั้ง จนกระทั่งในช่วงปี ค.ศ. 1972 การแข่งขันโอลิมปิกที่จัดขึ้น ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ชาวแดนอาทิตย์อุทัยได้เผชิญหน้ากับคู่แข่งสำคัญคือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีน ที่พัฒนานักกีฬายิมนาสติกทั้งชายหญิงขึ้นมาจนมีฝีมือทัดเทียมกัน
มาถึงการแข่งโอลิมปิกในปี ค.ศ. 2000 จากการแข่งยิมนาสติกสากลประเภทชาย 6 รายการ นักกีฬาชาวจีนสามารถกวาดเหรียญทองไปได้กว่า 3 รายการ ในขณะที่ญี่ปุ่นได้ไปเพียงรายการเดียวเท่านั้น และในการแข่งของฝั่งยิมนาสติกสากลประเภทหญิง ที่จัดขึ้นในปี ค.ศ. 2016 นักยิมนาสติกชาวสหรัฐฯ Simone Biles ได้กวาดเหรียญทองไปถึง 4 เหรียญ ส่วน โตเกียว 2020 จีนครองเจ้าเหรียญทองจากการคว้าไป 4 เหรียญ ขณะที่ญี่ปุ่นเจ้าภาพได่ไปเพียง 2 เหรียญทองเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่า ยิมนาสติกไม่ใช่กีฬาที่ผูกขาดชัยชนะโดยญี่ปุ่นอีกต่อไป และมีหลายประเทศกำลังพัฒนาตัวเองขึ้นมาเพื่อร่วมชิงชัยในศึกโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึงนี้ด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น คือใจความสำคัญของการแข่งขัน ยิมนาสติกลีลา เพราะภายใต้ความสวยงาม และลีลาที่พลิ้วไหว แต่ทรงพลัง และด้วยกติกามากมายทำให้รูปแบบการแข่งไม่ง่ายอย่างที่หลายคนคิด และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้แข่ง ต่างก็มีเงื่อนไขของตัวเองที่แตกต่างกันไป ทำให้นักกีฬาที่ลงแข่งไม่เพียงแต่จะต้องมีสมาธิกับอุปกรณ์ในมือ และฝึกฝนทักษะกับลีลาร่วมกับอุปกรณ์ชิ้นนั้นได้อย่างลงตัวเท่านั้น แต่จะต้องรู้ว่ากติกาในการแข่งประเภทนั้นเป็นอย่างไร
ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ ทำให้มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการแข่งยิมนาสติกลีลา บนเวทีโอลิมปิก ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นตัวแทนจากโซนยุโรปที่สามารถคว้าเหรียญทองในรายการนี้อยู่บ่อยครั้ง
ถือเป็นของใหม่ในเวทีโอลิมปิก และหลายคนอาจมองว่า แทรมโพลีน ดูไม่เหมือนการแข่งกีฬาสักเท่าไหร่ แต่ภาพการกระโดดขึ้นไปกลางอากาศเพื่อโชว์ทักษะลีลาต่างๆ และกลับลงมาในท่าเตรียมพร้อมกระโดดครั้งใหม่อีกครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นประสบการณ์ ชั่วโมงบินในการฝึก และความไม่กลัวต่อข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับความเป็นนักกีฬาในการเล่นยิมนาสติกประเภทนี้
ด้วยความใหม่ และความยากนี้เอง ทำให้มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่สามารถคว้าชัยในการแข่งขันประเภทนี้ได้ และในการแข่งขันครั้งที่ผ่านๆ มา มีเพียงจีนกับแคนาดาเท่านั้น ที่สลับกันได้เหรียญทองและเหรียญเงินในหลายรายการ และยังยากที่จะหาชาติใดมาเทียบได้
ปัจจุบันชื่อของ ซิโมน ไบลส์ คือนักกีฬาที่โด่งดังที่สุดของกีฬาชนิดนี้ จากผลงาน 4 เหรียญทองโอลิมปิก และ 23 เหรียญทองจากศึกชิงแชมป์โลก ซึ่งความจริงแล้วเธอเป็นตัวเต็งมาตั้งแต่โตเกียว 2020 แต่เจอปัญหาด้านสภาพจิตใจจนทำให้ได้มาเพียง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง อย่างไรก็ตาม ในปารีส 2024 เธอกลับมาสู่แถวหน้าของวงการอีกครั้ง จากดีกรีแชมป์โลกหนล่าสุด ซึ่งคงต้องมาติดตามดูกันว่า ไบลส์ จะทวงบัลลังก์ของตัวเองคืนกลับมาได้หรือไม่
TAG ที่เกี่ยวข้อง