stadium

รัน ทากาฮาชิ หัวเสาหน้าหยกแห่งทีมชาติญี่ปุ่น

4 มิถุนายน 2567

ใน วอลเลย์บอล เนชั่นส์ ลีก เมื่อปี 2021 ณ ประเทศอิตาลี ชื่อของ รัน ทากาฮาชิ (Ran Takahashi) หัวเสาทีมชาติญี่ปุ่น ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในกลุ่มแฟนวอลเลย์บอลชาวไทย ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดเเฟนลูกยางสาวๆ เเละฝีไม้ลายมือที่เเฟนลูกยางหนุ่ม ๆ ยังต้องยอมรับ ซึ่งไม่ใช่แค่กับแฟนกีฬา แต่รวมทั้งนักกีฬาทีมชาติไทยหลาย ๆ คนที่ถึงกับเสียอาการเมื่อเจอเสน่ห์ของพ่อหนุ่มคนนี้แบบตัวเป็น ๆ จนอดใจไม่ไหวต้องขอถ่ายภาพคู่เป็นที่ระลึก

 

นับจากวันที่เป็นเพียงดาวรุ่ง ผ่านมา 3 ปี รัน ทากาฮาชิ เติบโตขึ้นทั้งฝีมือและประสบการณ์ภายใต้การดูแลของ ยูกิ อิชิกาวะ รุ่นพี่กัปตันทีมและนักกีฬาต้นแบบของเจ้าตัว ก่อนผลิดอกออกผล คว้ารางวัลหัวเสายอดเยี่ยมของศึกชิงแชมป์เอเชียปีล่าสุดได้สำเร็จ

 

ในฐานะที่ ญี่ปุ่น คือหนึ่งในทีมที่หน้าจับตามองของ โอลิมปิก เกมส์ ครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทีมงานสเตเดียม ขอพาทุกคนไปทำความรู้จัก "น้องรัน" ให้มากขึ้น แล้วจะรู้ว่าเรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นเพียงข้อดีส่วนน้อยที่สุดของเขาเท่านั้น

 

 

เจ้าชายเลือดผสม

 

โครงหน้าและรูปร่างของ รัน ทากาฮาชิ แตกต่างจากชาวญี่ปุ่นหรือชาวเอเชียทั่ว ๆ ไป นั่นเพราะว่าเจ้าตัวได้เชื้อสายอเมริกันจากคุณปู่ ส่วนคุณแม่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-เยอรมัน และเจ้าตัวยังมีสายเลือดอังกฤษผสมอีกด้วย แต่กลายเป็นว่าองค์ประกอบเหล่านั้นรวมกันได้อย่างพอดีไม่ขาดไม่เกิน

 

ขณะเดียวกันถึงแม้จะเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลเช่นเดียวกับ รุย พี่ชาย และริริ น้องสาว แต่ที่มาของชื่อ "รัน" เจ้าตัวเฉลยว่ามาจากการที่คุณพ่อเป็นแฟนกีฬาเบสบอล จึงได้นำคำว่า "รัน" จาก โฮมรัน มาตั้งให้ ซึ่งจนแล้วจนรอดภารกิจที่คุณพ่ออยากกล่อมให้ลูกชายมาเป็นแฟนเบสบอลเหมือนตัวเองก็ทำไม่สำเร็จ เพราะทุกครั้งที่พาลูก ๆ ไปดูแมตช์แข่งที่สนาม ทั้ง รัน และ รุย กลับหนีออกไปเล่นวอลเลย์บอลกันเสียอย่างนั้น ซึ่งคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้รันเล่นกีฬาชนิดนี้ก็คือพี่ชายของเขานั่นเอง

 

"วันหนึ่งพี่ชายผมเริ่มบอกพ่อกับแม่ว่าอยากเล่นวอลเลย์บอล แล้วเขาก็พูดอยู่อย่างนั้นเป็นปีจนพ่อกับแม่ใจอ่อนและได้เล่นวอลเลย์สมใจอยาก แล้วตัวผมเองตามไปดูพี่ตอนซ้อมและแข่งอยู่บ่อย ๆ ครั้งหนึ่งตอนที่ผมอยู่ประถมปีที่ 2 ผมไปดูพี่ซ้อมแข่งแล้วสมาชิกคนหนึ่งลาหยุดอีกคนก็ไม่มาที่สนาม ผมจึงได้ลงเล่น และเริ่มเล่นมาตั้งแต่ตอนนั้น"

 

 

จากตัวแถมสู่หัวเสาที่เก่งรอบด้าน

 

จุดเด่นสำคัญอย่างหนึ่งของ รัน ทากาฮาชิ ไม่ใช่แค่การขึ้นทำแต้ม แต่ยังรวมถึงเกมรับที่ทำได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ สืบเนื่องมาจากช่วงเริ่มต้นที่ตามพี่ชายไปเล่นวอลเลย์แต่รูปร่างยังเล็กกว่าคนอื่น ๆ ในทีม จึงต้องเน้นซ้อมทักษะการรับลูก รวมถึงได้รับบทบาทลิเบอโร่ไปโดยปริยาย ขณะที่พี่ชายเป็นเอซหรือตัวทำแต้มหลักของทีม  

 

"สมัยประถม ผมได้รับลูกตบอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงเป็นจุดเริ่มต้น แล้วผมก็ชอบมันด้วย เพราะการหยุดไม่ให้คู่แข่งได้แต้มให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับทักษะการรับเสิร์ฟ ซึ่งความสามารถรับลูกเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าผมเป็นนักวอลเลย์บอลแบบไหน"  

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อขึ้นชั้นมัธยมต้นความสูงของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ได้เปลี่ยนสู่ตำแหน่งมือตีหัวเสา และยึดตัวจริงทีมโรงเรียนมัธปลายฮิงาชิยามะได้สำเร็จตั้งแต่ย้ายเข้าไปปีแรก ก่อนจะเป็นเอซและกัปตันทีมในปีสุดท้าย ซึ่งเจ้าตัวพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศศึกอินเตอร์ไฮได้สำเร็จ และคว้าแชมป์ประเทศจากรายการชิงแชมป์แห่งชาติ รวมทั้งศึกชิงแชมป์ฤดูหนาวที่เขาคว้าตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าอีกด้วย ซึ่งด้วยความโดดเด่นนี้เองทำให้ถูกเรียกตัวเข้าแคมป์ทีมชาติญี่ปุ่นทั้งที่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย

 

 

ศึกสายเลือด, VNL 2021 และ โตเกียว 2020

 

หลังจากจบระดับมัธยม รัน ทากาฮาชิ เลือกเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในภูมิภาคคันโต โดยมีสาเหตุคืออยากเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย และอยากดวลกับ รุย พี่ชายของตัวเองที่สังกัดมหาวิทยาลัยนิฮง ซึ่งในรายการมหาวิทยาลัยชิงเเชมป์ญี่ปุ่น รันได้ดวลกับพี่ชายสมใจในรอบรองชนะเลิศ และเอาชนะไปได้สำเร็จ แต่สุดท้ายทำได้เพียงเเค่ "รองเเชมป์" เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังได้รับเลือกเป็น "นักตบทรงคุณค่า" ประจำทัวร์นาเมนต์ จนได้รับโอกาสจาก ทีมงานผู้ฝึกสอนของทีมวอลเลย์บอลชายญี่ปุ่น เรียกตัวเข้าเเคมป์ฝึกซ้อมทีมชาติ

 

รายการแรกในนามทีมชาติญี่ปุ่นของ รัน คือ วอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก 2021 ที่สร้างความฮือฮาและสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆทั้งในและนอกประเทศ ด้วยความสามารถของผู้เล่นดาวรุ่งที่เพิ่งจะผ่านระดับชั้นมัธยม และก้าวขึ้นมาต่อกรกับนักกีฬาซูเปอร์สตาร์ระดับโลกได้อย่างยอดเยี่ยม ในที่สุด เจ้าตัว ก็กลายเป็น 1 ใน 12 ขุนพลญี่ปุ่น ชุดลุย โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศบ้านเกิด ก่อนสุดท้ายจะพ่ายต่อ บราซิล เเละสิ้นสุดเส้นทางเพียงเเค่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น ส่วนศึกชิงแชมป์เอเชียในบ้านเกิด รัน เป็นหนึ่งในกำลังหลักของทีมที่กรุยทางถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะแพ้อิหร่านไปอย่างน่าเสียดาย

 

 

สู่โลกกว้าง

 

ถึงแม้จะยังเรียนไม่จบระดับมหาวิทยาลัย แต่เมื่อได้รับข้อเสนอจากสโมสร ปัลลาโวโล ปาโดวา ทีมในลีกดิวิชัน 1 ของ อิตาลี ในช่วงปลายปี 2021 รัน ตัดสินใจท้าทายตัวเองทันที ด้วยเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตัวเองก่อนถึงโอลิมปิกปี 2024

 

"ตอนผมเล่นให้ทีมชาติญี่ปุ่นแล้วเจอทีมระดับโลกทำให้เข้าใจดีว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองยังขาดไป หลังจากจบโอลิมปิกที่โตเกียวแล้ว ผมเหลือเวลาอีกสามปีกว่าจะถึงโอลิมปิกที่ปารีส จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับผมที่จะพัฒนาตัวเองและลงแข่งระดับที่สูงขึ้นภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด เพราะถ้าผมเพิ่มขีดความสามารถได้ ญี่ปุ่นก็จะแข็งแกร่งขึ้น ผมจึงตัดสินใจท้าทายตัวเอง"

 

รัน ทากาฮาชิ ลงเล่นให้กับ ปาโดวา 2 ฤดูกาล โดยเลือกใส่หมายเลข 14 เหมือนกับสมัยที่ ยูกิ อิชิกาวะ ขวัญใจของตัวเองเคยลงเล่นให้สโมสรแห่งนี้ ซึ่งแม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จในแง่ของเกียรติยศ แต่สิ่งที่ลำค่ายิ่งกว่าคือประสบการณ์

 

"ผมเคยเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในทีมชาติเลยพึ่งพาพวกพี่ ๆ แต่พอได้มาเล่นกับปาโดวาและเจอกับเหล่านักกีฬาชั้นนำทำให้ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น ผมกล้าพูดได้เลยว่าตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมาผมลงเล่นในฐานะตัวหลักของทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นในฐานะนักกีฬาทีมชาติญี่ปุ่น ดังนั้นทั้งประสบการณ์และการเติบโตจากการลงเล่นที่นี่ช่วยให้ผมเป็นผู้เล่นที่ดียิ่งขึ้น"

 

ในฤดูกาล 2023-24 รัน ทากาฮาชิ ตัดสินใจเซ็นสัญญาย้ายไป เวโร วอลเลย์ มอนซา ทีมร่วมลีก และยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จสูงสุด แต่ช่วยให้ทีมได้รองแชมป์ 3 รายการคือ โคปปา อิตาเลีย, ซีอีวี ชาลเลนจ์ คัพ และ อิตาเลียน ซูเปอร์เลกา  

 

 

2023 ปีทองของวอลเลย์บอลชายทีมชาติญี่ปุ่น

 

ด้วยประสบการณ์ในต่างแดนของสามประสานคือ ยูกิ อิชิกาวะ, ยูจิ นิชิดะ และรัน ทากาฮาชิ ทำให้ปี 2023 ญี่ปุ่นพัฒนาความแข็งแกร่งไปอีกขั้น การเคลื่อนที่เหนือจินตนาการและพลังงานอันล้นเหลือในสนามทำให้การเล่นร่วมกันของพวกเขาเหมือนหลุดมาจากการ์ตูนอนิเมะวอลเลย์บอลชื่อดังอย่าง ไฮคิว เลยทีเดียว และยังกลายเป็นผลพวงให้ชาติอื่น ๆ ในเอเชียเอาเป็นแบบอย่าง

 

ส่วนผลลัพธ์ในรูปแบบของผลงานก็ไม่ธรรมดา เมื่อผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศรายการเนชั่นส์ลีกได้สำเร็จ ซึ่งแม้จะแพ้แชมป์อย่างโปแลนด์ แต่ทัพตบลูกยางแดนอาทิตย์อุทัยก็สามารถปราบทีมแกร่งอย่างอิตาลีคว้าเหรียญทองแดงไปครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีม ก่อนที่จะสานต่อฟอร์มอันร้อนแรงในศึกชิงแชมป์เอเชียด้วยการล้างแค้นอิหร่านคว้าแชมป์สมัยที่ 10 ไปครองได้สำเร็จ โดยเสียเพียงเซตเดียวเท่านั้น และตัวของ รัน ทากาฮาชิ ยังคว้ารางวัลหัวเสายอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์อีกด้วย

 

ขณะที่ศึกเอเชียนเกมส์ ที่หางโจว รันไม่ได้มีส่วนร่วมเนื่องจากญี่ปุ่นต้องแบ่งทีมเป็นสองชุดเพื่อรองรับการแข่งขันที่แน่นขนัด ซึ่งชุดหลักต้องโฟกัสที่ศึกโอลิมปิกรอบคัดเลือก ก่อนที่พวกเขาจะทำได้ตามเป้าหมายเมื่อคว้าอันดับ 2 ของกลุ่มบี ได้โควตาลุย "ปารีส 2024"

 

 

2024 ย้ายกลับบ้านเกิด และเป้าหมายใหญ่ "ปารีสเกมส์"

 

ปี 2024 รัน ทากาฮาชิ เริ่มต้นปีได้ไม่ดีนัก เมื่อเจอกับปัญหาเจ็บข้อเท้าระหว่างการลงเล่นให้ต้นสังกัดในเดือนมกราคม ก่อนที่กลับมาลงเล่นได้ในเดือนถัดมา อย่างไรก็ตามหลังจบฤดูกาล รันตัดสินใจกลับมาเล่นในญี่ปุ่นกับทีม ซันโตรี่ ซันเบิร์ดส์ หลังจากที่บ้านเกิดตั้งลีกอาชีพขึ้นมาใหม่และมีเป้าหมายเป็นหนึ่งในลีกชั้นนำของโลก ซึ่งเจ้าตัวให้เหตุผลว่า ซันเบิร์ดส์เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ขณะเดียวกันตัวเขาเองไม่ค่อยได้โอกาสลงเล่นต่อหน้าแฟนกีฬาชาวญี่ปุ่นมากนัก จึงหวังใช้โอกาสนี้เรียกคนเข้ามาดูในสนามให้มากขึ้น นอกจากนั้น รุย พี่ชายของเขา ยังอยู่ในทีมนี้อีกด้วย

 

แน่นอนว่าเป้าหมายใหญ่ที่สุดในปีนี้ของญี่ปุ่น รวมถึงทุกชาติคือมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งครั้งก่อนทัพตราไก่คว้าเหรียญทองไปครอง แต่ในหนนี้ญี่ปุ่นเองสามารถหวังได้ถึงเหรียญใดเหรียญหนึ่งเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากฟอร์มการเล่น และการพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่องภายใต้การคุมทัพของ ฟิลิปป์ เบลน

 

นับจากนี้ เหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ การแข่งขันวอลเลย์บอลชายใน มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิก เกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 ก็จะเริ่มต้นขึ้น แล้วมาติดตามกันว่า รัน ทากาฮาชิ จะพาทีมชาติญี่ปุ่นคว้าเหรียญมาครองได้หรือไม่


stadium

author

ณัฐกร ทองนพเก้า

StadiumTH Content Creator

stadium olympic