จับตา 6 ตัวเต็ง ใครจะเป็นเจ้าลมกรดชายโตเกียว 2020

โอลิมปิก เกมส์ ปีนี้ หนึ่งในไฮไลต์ที่น่าสนใจคือการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย เนื่องจากไม่มี ยูเซน โบลต์ ตำนานชาวจาเมกา แชมป์ 3 สมัยซ้อนลงแข่งอีกต่อไป ดังนั้นคำถามคือ แล้วใครจะขึ้นมาครองบัลลังก์แทนที่  

เมื่อดูจากสถานการณ์ล่าสุดแล้ว แน่นอนว่า ลมกรดอเมริกันดูดีมีภาษีกว่าชาติอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ตัว เทรเวอร์ โบรเมล์ เจ้าของสถิติเร็วที่สุดในปีนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมี รอนนี่ เบเกอร์ และ เฟรด เคอร์ลี่ย์ ที่สถิติหย่อนไปกว่ากันแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที

อย่างไรก็ตาม ยังมีตัวเลือกจากชาติอื่น ๆ ที่พวกเขาประมาทไม่ได้ รวมทั้ง โยฮันน์ เบลค เจ้าของสถิติชายที่เร็วที่สุดอันดับ 2 ตลอดกาล ซึ่งแม้ผลงานจะดร็อปลงไป แต่อาจสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน

แล้วในศึกวิ่ง 100 เมตรของ โอลิมปิก เกมส์ ปีนี้ ใครมีโอกาสรับช่วงต่อจาก ยูเซน โบลต์ ติดตามได้ที่นี่

อ็องเดร เดอ กราสส์ (แคนาดา)

ลมกรดแคนาเดี้ยน วัย 26 ปี เจ้าของเหรียญทองแดง 100 เมตร จากโอลิมปิกหนก่อน ต่อเนื่องมาจนถึงรายการชิงแชมป์โลกที่โดฮาเมื่อปี 2019 แม้ว่าจะเป็นม้านอกสายตา และผู้คนจดจำเขาได้แต่ภาพที่วิ่งแข่งแล้ว ยูเซน โบลต์ หันหน้ามามอง แต่ เดอ กราสส์ ที่มักจะทำผลงานได้ดีในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ก็มีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาสร้างเซอร์ไพรส์มีลุ้นเหรียญรางวัลติดไม้ติดมืออยู่เช่นเดียวกัน โดยสถิติที่ดีที่สุดของเจ้าตัวอยู่ที่ 9.90 จากการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2 ปีที่แล้ว ส่วนในปีนี้สถิติไม่น่าประทับใจนักเพราะทำได้เพียง 9.99 วินาที

โยฮัน เบลค (จาเมกา)

หากไม่นับสถิติโลก 9.58 วินาที และ สถิติ 9.63 วินาทีในโอลิมปิกของ ยูเซน โบลต์ ก็ไม่มีใครวิ่งได้เร็วกว่า เบลค ซึ่งเคยทำได้ถึง 9.69 วินาที (เท่ากับ ไทสัน เกย์ ของสหรัฐอเมริกา) จากการแข่งขันไดมอนด์ ลีก ที่โลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2012 ซึ่งในตอนนั้น เบลค อายุแค่ 23 จนหลายคนมองว่าเขามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาแทนโบลต์ ในอนาคต แต่หลังจากคว้าเหรียญเงินที่ลอนดอน เบลคเจอปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่นานนับปีจนทำให้เขาทำได้แค่อันดับ 4 ที่ริโอ พลาดเหรียญไปอย่างน่าเสียดาย และในโอลิมปิกหนนี้เชื่อว่า ลมกรดจาเมกาในวัยก้าวเข้าเลข 3 ก็หวังที่จะคว้าเหรียญทองซึ่งอาจจะเป็นโอลิมปิกหนสุดท้ายของเขาแล้วก็เป็นได้ แต่ปัญหาเดียวที่น่าเป็นห่วงคือ เบลค ยังทำผลงานได้ไม่ใกล้เคียงช่วงพีคของตัวเอง และทำสถิติดีที่สุดในปีนี้คือ 9.95 วินาที

เฟรด เคอร์ลี่ย์ (สหรัฐฯ)

จากเดิมที่ลงแข่งระยะ 400 เมตรมาตลอด (เหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก 2019) ทำสถิติเป็นชายที่เร็วที่สุดอันดับ 8 ตลอดกาลในประเภทดังกล่าว ก่อนที่จะมามุ่งมั่นกับระยะสั้นในปีนี้ แล้วกลับกลายเป็นดี พัฒนาสถิติส่วนตัวจาก 10.49 วินาที มาเหลือ 9.86 วินาที เช่นเดียวกับระยะ 200 เมตร ที่ขยับจาก 20.24 วินาที มาเป็น 19.90 วินาที ก่อนจะคว้าสิทธิ์ตัวแทนทีมชาติสหรัฐฯ ลงแข่ง 100 เมตร ใน โตเกียว 2020 ได้สำเร็จ ซึ่งจากการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งทำให้เคอร์ลี่ย์มีโอกาสสอดแทรกแย่งเหรียญจากตัวเต็งคนอื่น ๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว

รอนนี่ เบเกอร์ (สหรัฐฯ)

อีกหนึ่งความหวังกวาดเหรียญ 100 เมตรของ สหรัฐฯ ซึ่งเคยสร้างความฮือฮาในไดมอนด์ ลีก ปี 2018 จากการคว้าแชมป์ได้ถึง 4 สนาม และไม่เคยได้ต่ำกว่าอันดับ 2 ซึ่งจากการที่ คริสเตียน โคลแมน โดนแบน ทำให้ เบเกอร์ เป็นความหวังอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ในการลุ้นเหรียญทอง 100 เมตร จากสถิติดีที่สุดของตัวเองคือ 9.85 วินาที

อาคานี ซิมบิเน่ (แอฟริกาใต้)

ซิมบิเน่ แจ้งเกิดเต็มตัวจากการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ (Commonwealth Games) 2018 ที่โกลด์ โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย หลังคว้าเหรียญทองวิ่ง 100 เมตรมาครอง แม้ว่าผลงานในโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา (อันดับ 5) รวมทั้งชิงแชมป์โลกอาจจะทำได้ไม่ดีนัก (อันดับ 4) แต่มาในปีนี้ สายตากลับมาจับจ้องที่เขาอีกครั้ง เมื่อทุบสถิติวิ่ง 100 เมตรของทวีปแอฟริกาที่คงอยู่มานานกว่า 15 ปี หลังเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 9.84 วินาที ในรายการ Gyulai Memorial ที่ประเทศฮังการี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กลายเป็นนักวิ่ง 100 เมตร ที่เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ในปีนี้ เป็นรองแค่ เทรย์วอน โบรเมลล์ เท่านั้น

เทรย์วอน โบรเมลล์ (สหรัฐฯ)

โบรเมลล์ คือตัวเต็งวิ่ง 100 เมตรชายในปีนี้ หลังจากต้องผิดหวังเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่ทำได้เพียงอันดับ 8 ทั้งที่ตั้งเป้าจะเอาชนะโบลต์ให้ได้ ซึ่งความผิดหวังนั้นทำให้เขาเคี่ยวเข็ญตัวเองอย่างหนักเพื่อเป้าหมายเหรียญทองที่กรุงโตเกียว และเจ้าของตำแหน่งชายที่เร็วที่สุดในปีนี้ จากสถิติ 9.77 วินาที รวมทั้งคว้าแชมป์ในศึกคัดตัวทีมชาติสหรัฐฯ ย่อมไม่มีทางยอมให้ใครเข้าเส้นชัยก่อนหน้าเขาอย่างแน่นอน เพราะนี่จะเป็นแชมป์รายการใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาอีกด้วย