stadium

ทำความรู้จัก 5 คู่แข่งแย่งแชมป์โอลิมปิก "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

21 กรกฎาคม 2564

โอลิมปิกคือความสำเร็จเดียวที่ “พาณิภัค” ยังไปไม่ถึงเหรียญทอง มีเพียงเหรียญทองแดงที่เคยคว้ามาได้ในปี 2016 ที่บราซิล แต่ในโอลิมปิกครั้งนี้ แม้อายุจะเพิ่มขึ้น แต่นั่นก็หมายถึงประสบการณ์ที่เพิ่มพูนขึ้นไปด้วย และครั้งนี้ “พาณิภัค” เข้าร่วมการแข่งขันในตำแหน่งเบอร์ 1 ของโลก ในรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ภาพรวมคือพร้อมและเป็นใจให้ “พาณิภัค” คว้าเหรียญทองมาได้ 

 

แต่ขึ้นชื่อว่าการแข่งขันกีฬา อะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งกับเทควันโดแล้ว แข่งวันเดียวรู้เรื่อง กว่าจะผ่านรอบชิง นอกจากจะต้องภาวนากันตั้งแต่รอบจับสลากแบ่งสาย ไปจนถึงลงแข่งยังไงไม่ให้เจ็บ เซฟตัวเองให้รอดปลอดภัยไปจนถึงรอบชิง นับว่าต้องอาศัยทั้งความเก่งและความเฮงเข้าไปด้วย และการที่ได้รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องเจอกับใคร เจอคู่แข่งแบบไหนนั้นก็สำคัญ เราจึงเลือกหยิบยกเอาทีเด็ดของแต่ละประเทศที่จะมาชิงเหรียญทองกับจอมเตะไทยมาเช็คลิสให้ดูว่า ใครจะสามารถก้าวเข้ามาขัดขวางการขึ้นไปยืนบนโพเดี๊ยมรับเหรียญโอลิมปิกมาคล้องของของ “พาณิภัค”ได้

 

 

ซิม แจยอง (เกาหลีใต้)

 

เริ่มกันที่คู่แข่งร่วมสายบน ซิม แจยอง (เกาหลีใต้) แชมป์โลก 2 สมัยในรุ่น 46 กิโลกรัมหญิง ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนของเกาหลีใต้ในการชิงเหรียญทองโอลิมปิกในครั้งนี้แทนที่ คิม โซฮุย แชมป์โอลิมปิกคนเก่า ผู้ที่ฝากรอยแผลไว้ให้เทนนิสเมื่อ 5 ก่อน 

อันที่จริงแล้วหลังจบโอลิมปิก 2016 ในรุ่นนี้ เกาหลีใต้ ได้พยายามสับเปลี่ยนนักกีฬาเป็นตัวแทนแข่งขันในรายการต่าง ๆ ไม่ว่าจะ คิม โซฮุย , คัง โบรา , พัค ฮเยจิน , ฮา มินอา โดยหวังจะเลือกคนที่ดีที่สุดไว้สำหรับโอลิมปิก 2020 แต่ทั้งหมดนั้นตลอด 4-5 ปีมานี้ต่างพ่ายแพ้ให้กับ พาณิภัค ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ 

ทำให้สุดท้ายแล้วเกาหลีใต้จึงเลือก ซิม แจยอง ในวัย 25 ปี เจ้าของแชมป์โลกในรุ่น 46 กิโลกรัม ซึ่งอันที่จริงแล้ว ซิม แจยอง ก็เคยแพ้ให้กับพาณิภัคมาทั้ง 2 ครั้งที่เจอกันในปี 2017 และ 2018 แต่ก็อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้แหละว่าทุกการแข่งขันคือการเริ่มต้นใหม่เสมอ การที่เกาหลีใต้ต้นตำรับกีฬาชนิดนี้เลือกคนนี้ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างซ่อนไว้

 

สถิติ พาณิภัค ชนะ 2 แพ้ 0

 

 

 

ทิจาน่า บ็อกดาโนวิช (เซอร์เบียร์) 

 

ปัจจุบันรั้งอยู่อันดับ 2 ของ Olympic Ranking ที่สำคัญยังเป็นเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ ปี 2016 ในรุ่น 49 กก. (ที่ เทนนิส ได้เหรียญทองแดง) อีกด้วย ถึงแม้ครั้งนี้ จะอยู่กันคนละสายกับ “พาณิภัค” แต่เราต้องมองการณ์ไกลเอาไว้ก่อน เพราะหากว่าผ่านเข้ารอบลึกแล้ว จอมเตะไทยอาจจะไม่รอดที่จะต้องโคจรมาเจอกับจอมเตะเซอร์เบียร์รายนี้ 

 

และต้องยกให้คนนี้น่ากลัวที่สุดก็ว่าได้ เพราะทั้งตำแหน่งเบอร์ 2 ของโลก ยังมีความสูงที่พอๆกับ “พาณิภัค” อาจจะทำให้ความได้เปรียบลดน้อยลง เพราะในรุ่น 49 กิโลกรัมนี้มีนักกีฬาที่สูงเกิน 170 ไม่มาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องงัดสถิติมาข่มกัน ก็คือ เคยเจอกันทั้งหมด 3 ครั้ง  ทิจาน่า ยังไม่เคยเอาชนะ “พาณิภัค” ได้เลยสักครั้ง 

สถิติ : พาณิภัค ชนะ  3 แพ้ 0 

 

 

 

คริสติน่า โตมิช (โครเอเชีย)  

 

อยู่อันดับ 6 ของโอลิมปิกแรงกิ้ง เธอเคยคว้าอันดับ 3 จากการแข่งขันชิงแชมป์โลกในรุ่น 49 กก. มาแล้ว 2 สมัย อีกทั้งยังคว้าแชมป์ยุโรปในรุ่นเดียวกันนี้เมื่อปี 2018 และแม้ว่ากับพาณิภัค ทั้งคู่เคยเจอกันเพียงครั้งเดียว และเป็นจอมเตะไทยที่คว้าชัยชนะมาได้ แต่ไม่ควรมองข้าม ยิ่งได้เจอกันน้อยครั้ง ยิ่งรู้ทางกันน้อยลง ณ จุดนี้ เรามองยาวๆไปที่การเข้ารอบลึกๆเอาไว้แล้ว อาจจะมีโอกาสได้เจอกัน และไม่ควรประมาทจอมเตะโครเอเชียรายนี้ 

 

พาณิภัค ชนะ 1 แพ้ 0

 

 

 

หวู จิงหยู (จีน) 

 

สำหรับคนนี้ต้องเรียกว่าตำนานเทควันโดรุ่นนี้ แม้อายุเข้าสู่วัย 34 ปีแล้ว แต่เราก็ยังได้เห็นจอมเตะจีนรายนี้โลดแล่นอยู่บนสังเวียนระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน อดีตจอมเตะมือ 1 ของรุ่นนี้  ปัจจุบันอยู่อันดับ 7 ของ โอลิมปิกแรงกิ้งโดย หวู จิง หยู นั้นเคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิก เกมส์ มาแล้ว 2 สมัย นั่นคือปี 2008 และ 2012 รวมถึงแชมป์โลก 2 สมัย และ รองแชมป์โลกอีก 2 สมัย นี่คือผลงานของนักเทควันโดวัย 34 ปี เรียกได้ว่าสุดยอด 

และแม้ว่าชั้นเชิง ประสบการณ์จะทำให้ พาณิภัค ต้องออกแนวเกรงใจ แต่ไม่เลย เมื่อทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้ว 5 ครั้ง แต่สถิติกับสูสี ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่เป็น “พาณิภัค” ที่เอาชนะไปได้ 3-2 ครั้ง เพราะฉนั้นคู่แข่งที่น่ากลัวของจอมเตะไทย อาจจะเป็น หวู จิงหยูคนนี้นี่แหละ แต่อย่างน้อยก็อยู่กันคนละสาย ต้องไปลุ้นว่า หวู จิงอยู่ จะฝ่าฝันเข้ามาเจอกันรอบลึกได้หรือไม่ หากได้เจอกัน ก็คงจะกลายเป็นอีกหนึ่งแมตซ์ในตำนานเลยก็ว่าได้ 

 

สถิติ พาณิภัค ชนะ 3 แพ้ 2

 

 

พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (ไทย)

 

คนสุดท้าย ที่เก็บไว้พูดถึง เพราะคนนี้น่าจะเป็นลาสบอสของจริง นั่นก็คือ “พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” ใช่ อ่านไม่ผิดแน่นอน “พาณิภัค” ต้องแข่งกับตัวเอง เพราะตอนนี้เธอคือที่สุดในรุ่น ทั้งร่างกาย ประสบการณ์ เรียกว่าพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม แม้ว่าโอลิมปิกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เธอจะถูกตั้งความหวังถึงเหรียญทอง เหมือนครั้งนี้ แต่กลับพลาดเข้าไปชิงเหรียญทองเพียงเสี้ยววินาทีที่เผลอเท่านั้น แต่จากการที่ได้สัมผัสกับจอมเตะไทยรายนี้ ข้อดีและยกเอามาใช้เป็นจุดแข็งของเธอได้ ก็คือการไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่ ในทุกๆครั้งที่ให้สัมภาษณ์ เธอจะพูดอยู่เสมอว่า จะไม่กดดันตัวเอง ทุกการแข่งขันคือการรีเซตเริ่มต้นใหม่ เธอไม่ได้ไปแข่งในตำแหน่งแชมป์โลก หรือเบอร์ 1 ของโลกแต่อย่างใด แต่ไปแข่งในฐานะนักกีฬาคนหนึ่ง ที่บางเกมอาจะมีแพ้และมีชนะ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทุกครั้งที่ลงสนามเธอทำเต็มที่ที่สุด

 

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทุกคนอาจจะฝากความหวังไว้ที่ “พาณิภัค” เจ้าตัวเองก็รู้และคงตั้งใจที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด และมั่นใจว่า โอลิมปิกครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับจอมเตะสาวไทยตามที่เจ้าตัวบอกไว้ แต่สำหรับโอลิมปิกครั้งนี้ก็ยังยืนยันว่าคู่แข่งของ พาณิภัค ก็คือตัวเอง เพราะเธอสู้ได้หมดทุกคน ณ เวลานี้ เจอใครก็ได้ แค่ไม่ประมาท ไม่ตื่นเต้น เชื่อว่า เหรียญทองเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรก ของพาณิภัค เหรียญทองแรกของสมาคมเทควันโด และเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกของ โค้ช เช ยองซอก อาจไม่ต้องรอคอยไปลุ้นที่กรุงปารีสอีก 3 ปี


stadium

author

จิตราพัตร รักมณี

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose
stadium olympic