29 มิถุนายน 2564
เด็กสาวคนหนึ่งเริ่มต้นเส้นทางกีฬายิมนาสติกด้วยการเล่นซุกซนตามประสา กระทั่งคุณพ่อและคุณแม่เริ่มสังเกตเห็นความสามารถและความสนใจบางอย่างจากการที่เธอมักจะชอบกระโดดหมุนตัว โชว์ลีลาม้วนหน้าบนโซฟาหรือแม้แต่การตีลังกาอยู่บริเวณสวนหลังบ้าน ความโดดเด่นที่เกิดจากการเล่นสนุกส่งผลให้เพื่อนบ้านเริ่มทักว่าลูกสาวของคุณเป็นนักกีฬายิมนาสติกหรอ ? … ฝั่งคุณพ่อ-คุณแม่ ก็ไม่รอช้า ตัดสินใจส่งเด็กน้อยวัย 6 ขวบ คนนั้นเข้าโรงเรียนยิมนาสติก ถึงแม้ว่าการเริ่มต้นเรียนรู้ในวัย 6 ขวบสำหรับโลกของกีฬาบนผืนฟลอร์ถือว่าช้าและอาจแก่เกินไป เพราะเด็กบางคนเริ่มต้นตั้งแต่อายุ 18 เดือน และโดยทั่วไปจะเริ่มต้นกันในช่วงอายุ 3-4 ขวบโดยประมาณ
และอีก 10 ปีให้หลัง รูปของเด็กน้อยคนนั้นซึ่งกำลังยืนอยู่โพเดียมถูกออกข่าว … เธอกลายเป็น 1 ในสมาชิกทีมที่เก่งที่สุดในโลกคว้าเหรียญรางวัลในการแข่งขันระดับนานาชาติมากมาย …. และ ว่ากันว่าอาจกลายเป็นส่วนสำคัญของการสานต่อวงการยิมนาสติกหญิงสหรัฐอเมริกายิ่งใหญ่ไปอีกหลายปี
ความสำเร็จวงการยิมนาสติกทีมหญิงของสหรัฐอเมริกา อาจไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะยุคนี้ทีมประกอบด้วยนักกีฬาที่เก่งกาจระดับโลกทุกคน โดยเฉพาะการมี ซิโมน ไบลส์ ราชินียิมนาสติกหญิงแห่งยุค เพียงแต่เมื่อเปิดอ่านเข้าไปดูรายชื่อก็ต้องสะดุดตากับสาวในทีมคนหนึ่งนั่นคือ สุนิสา ลี (Sunisa Lee) ชื่อที่สะกดแล้วออกเสียงได้ไม่ต่างจากชาวไทย
ความไฮเปอร์ … กุญแจที่นำพาเธอสู่แสงเจิดจรัสบนฟลอร์ยิมนาสติก
สุนิสา ลี เกิดในครอบครัวที่มีพี่น้องรวม 6 คน มีคุณพ่อชื่อ หัว จอห์น ลี และคุณแม่ชื่อ ยีฟ ท่อ ซึ่งเป็นชาวม้งโดยกำเินดทั้งคู่ เธอมีชื่อเรียกในวงการกีฬาสหรัฐและคนสนิทสั้นๆว่า “สุนี” (Suni) โดยเริ่มต้นฝึกยิมนาสติกครั้งแรกตอนอายุ 6 ชวบ ที่ Midwest Gymnastics in Little Canada ในรัฐมินนิโซตา ซึ่งทุกวันนี้มีรูปของเธอแขวนประดับตามฝาผนังอยู่เต็มไปหมด
สุนี ก้าวขึ้นสู่การแข่งขันระดับประเทศ โดยเริ่มจากระดับเยาวชนในปี 2015 ซึ่งเธอสร้างชื่อให้ตัวเองทันทีด้วยการคว้าเหรียญทองประเภทรวมอุปกรณ์ในการแข่งขัน HOPE แชมเปี้ยนชิพ ที่ชิคาโก้ รวมถึงยังได้อีก 2 เหรียญเงินจากบาร์ต่างระดับและคานทรงตัว และตลอดทางเดินระดับเยาวชน เธอคว้าไปทั้งสิ้น 5 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน กับอีก 2 เหรียญทองแดง ในช่วงเวลา 4 ปี ซึ่งคือระหว่างปี 2015 – 2018
เคล็ดลับความสำเร็จคือสิ่งเดียวกับที่นำเธอมารู้จักกีฬายิมนาสติก นั่นคือ “ความไฮเปอร์” เพราะ เธอไม่ปล่อยตัวเองว่าง เธอซ้อมหนักมาก และหลักฐานคือสื่อโซเชียลของเธอมีแต่คลิปการซ้อม อีกทั้งยังเป็นคนชอบทำหลายๆ สิ่งได้พร้อมกัน
“ฉันเลือกที่จะเรียนผ่านระบบออนไลน์เป็นหลัก เพื่อจะได้มีเวลาซ้อมวันละ 8 ชั่วโมง แต่ฉันก็ไม่ลืมที่จะแบ่งเวลาให้กับการใช้ชีวิตในสังคมรวมทั้งอยู่กับครอบครัวด้วย”
แท้จริงแล้ว ไฮเปอร์ คือคำสรุปสั้นๆ แต่มันคือส่วนผสมของความมีวินัย ความทุ่มเท และ การวางแผนชีวิตที่ลงตัว จนนำพา สุนิสา ลี เดินทางมาไกลบนเส้นทางของนักยิมนาสติก และ มันไกลพอที่จะทำให้เธอก้าวขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่
2019 ปีแห่งความมหัศจรรย์ ที่มาได้ไกล แต่แค่เกือบถึงฝัน เท่านั้น!!!
จากการแข่งขันระดับประเทศ … ความสามารถของ สุนี ได้นำพาเธอก้าวขึ้นไปอีกขั้น นั่นคือการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยก่อนที่เธอจะถูกเสนอชื่อให้ติดทีมชุดใหญ่ เธอเคยลงแข่งขันรายการ Gymnix International Junior Cup ที่แคนาดามาก่อนในปี 2017 ซึ่ง ลี ที่ช่วงเวลานั้นมีอายุ 14 ปี คว้าเหรียญทองในประเภททีม และ คว้าเหรียญเงินจากบาร์ต่างระดับ นับว่าเป็นผลงานที่ไม่เลวเลยสำหรับการร่วมแข่งขันรายการระดับนานาชาติครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม 2 ปีให้หลัง เส้นทางความมหัศจรรย์ของเธอได้ขยายใหญ่ยิ่งขึ้น โดยในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 เธอถูกเรียกตัวสู่ทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการแข่งขัน ซิตี้ ออฟ เจโซโล่ ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งเปิดตัวด้วย 4 เหรียญทองกับอีก 1 เหรียญทองแดง และ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับอายุอานามเพียง 16 ปี ของเธอ
จุดพีคที่สุดเกิดขึ้นเมื่อตุลาคม 2019 หลังจากเธอคว้าเหรียญทองประเภททีมในการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่เมืองสตุ๊ดการ์ทได้สำเร็จ และยังคว้า 1 เหรียญเงินจากฟลอร์ (แชมป์เป็นของ ซิโมน ไบลส์ เพื่อนร่วมทีม) และ 1 เหรียญทองแดงจากบาร์ต่างระดับ
อย่างไรก็ตามเธอให้นิยามสิ่งที่เกิดขึ้นของเธอว่า “เกือบสำเร็จ” นั่นเป็นเพราะ “สุนี” มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ซึ่งดูแล้วเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แต่เธอก็ยังกล้าและยืนยันที่จะทำมันให้สำเร็จ
ความฝันของพ่อฉันสำคัญที่สุด เพราะเรานับ 1 มาด้วยกัน
หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจหลังการแข่งขันชิงแชมป์โลก คือ การให้สัมภาษณ์ของ ลี ที่กล่าวถึงคุณพ่อที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการอุบัติเหตุตกบันไดจนต้องรับการผ่าตัดว่า
“คุณพ่อติดต่อผ่านทาง Live มาคุยกับเธอในคืนก่อนแข่ง ทำให้เธอรู้ว่าคุณพ่อกำลังดูเธออยู่ และ เธออยากทำให้ท่านภูมิใจ เพราะคงจะเป็นของขวัญต้อนรับการกลับบ้านที่ยอดเยี่ยมที่สุด และเธอดีใจมากที่ทำได้สำเร็จ”
อีกสิ่งหนึ่งที่ยอดยิมนาสติกหญิงเชื้อสายม้งคนนี้ตั้งเป้าไว้คือการร่วมแข่งขันและคว้าเหรียญโอลิมปิก เกมส์ 2020 ซึ่งแม้ว่าเธอจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับการที่เกิดเหตุการณ์โควิดระบาด จนมหกรรมกีฬาดังกล่าวต้องเลื่อนไปอีก 1 ปี แต่เธอยืนยันว่า “the timeline changes, the goal does not.” ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเหรียญทองโอลิมปิก คือเป้าหมายต่อไปในชีวิต เพราะความฝันนี้เป็นสิ่งที่พ่อและเธอตั้งเป้าหมายร่วมกันมาตลอด 10 ปี หรือนับตั้งแต่วันแรกที่เธอเริ่มเรียนยิมนาสติก
“มันไม่ใช่แค่ฝันของฉัน มันคือฝันที่พ่อกับฉันตั้งเอาไว้ร่วมกัน มันจึงมีความหมายมากๆ ฉันอยากทำมันให้สำเร็จอีก ฉันอยากให้พ่อภูมิใจ เพราะเขาคือคนที่สนับสนุนฉันมา ตั้งแต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะทำได้ดีหรือไม่กับทางเดินนี้”
ความฝันที่สำเร็จอีกขั้น, ชนะ ซิโมน ไบลส์ และเป้าหมายต่อไปคือ โตเกียว 2020
สำหรับลีแล้ว เธอคงไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะมีวันที่เอาชนะ ไบลส์ ที่สุดของนักยิมนาสติกหญิงแห่งยุค โดยเฉพาะหลังจากเพิ่งได้รับบาดเจ็บข้อเท้าช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการแข่งขัน แต่ในศึกคัดตัวทีมชาติสหรัฐฯ เพื่อเฟ้นหานักกีฬาไปแข่ง โอลิมปิก เกมส์ ที่ญี่ปุ่น ลีกลับสร้างเซอร์ไพรส์ทำคะแนนรวมอุปกรณ์ในวันที่สองได้เหนือกว่าเจ้าของ 4 เหรียญทองโอลิมปิก
ถึงแม้คะแนนรวม 2 วัน ไบลส์ จะยังคงเป็นผู้ชนะ แต่ลีก็กลายเป็นคนแรกที่เอาชนะไบลส์ได้ในการแข่งประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์ตั้งแต่ปี 2013 นอกจากนั้นผลงานของเธอที่คว้าอันดับ 2 ก็ทำให้เธอการันตีโควตาไปลุย โตเกียว 2020 อีกด้วย
เป้าหมายของลีไม่ใช่แค่การไปร่วมแข่งขัน และคว้าเหรียญทองในประเภททีม แต่เธอสามารถมองได้ไกลถึงเหรียญทองประเภทบาร์ต่างระดับ ที่เธอเอาชนะได้ทุกคนในประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ ไบลส์ ที่คว้าเหรียญทองประเภทนี้ใน ริโอ เกมส์ นอกจากนั้นเธอยังทำได้ดีในประเภทคานทรงตัวอีกด้วย
ความสำเร็จครั้งนี้ อยู่ในสายตา จอห์น พ่อของเธออย่างใกล้ชิด หลังจากที่เขาฟื้นฟูร่างกายจนสามารถเดินทางไปเชียร์ลูกสาวถึงขอบสนามได้ และเป็นอีกครั้งที่คำพูดของเขาช่วยให้เธอคลายความกดดัน และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
"พ่อแค่พูดง่าย ๆ ว่าให้ฉันออกไปและทำในสิ่งที่เคยทำเป็นปกติ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เพราะสิ่งที่ฉันทำไปนั้นเห็นผลชัดเจนอยู่แล้ว"
TAG ที่เกี่ยวข้อง