stadium

"เชื่อมั่นในตัวเองและไม่สนใจเสียงวิจารณ์" ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร

29 มิถุนายน 2564

การค้นหาสิ่งที่ชอบและใช่สำหรับใครบางคนอาจจะเป็นเรื่องยาก บ้างใช้เวลาเป็นแรมปีกว่าจะรู้ว่าชื่นชอบอะไรและควรทุ่มเทให้กับสิ่งไหน หรือบางคนไม่รู้ใจตัวเองด้วยซ้ำกระทั่งปล่อยเวลาให้เดินผ่านไปหน้าตาเฉย กว่ารู้ตัวอีกทีก็เกือบปั้นปลายชีวิต

 

สำหรับ 'ฟ้า' ชุติกาณจน์ กิจวานิชเสถียร เธอโชคดีที่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ใฝ่หาและเมื่อพบแล้วเธอยอมทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีลงไปกับสิ่งที่ชอบ แม้จะว่าเจอคำประมาทมามากมาย แต่ฟ้าไร้ความใยดีต่อเสียงรอบข้างกลับกันมันเป็นตัวผลักดันให้เธอก้าวมายืนหนึ่งในกีฬา BMX พร้อมกวาดเหรียญรางวัลมากมายที่เป็นเครื่องการันตีว่าเธอสามารถทำในสิ่งชอบได้สำเร็จท้ายที่สุด ทุกหยาดเหงื่อแรงกายส่งผลให้เธอได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่นตามที่เธอฝัน

 

 

จักรยานกับความเข้าใจ

 

นับเป็นความโชคดีของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เติบใหญ่มาในครอบครัวที่คราคร่ำไปด้วยนักกีฬาระดับประเทศทั้งพ่อและสองพี่ชายที่เป็นถึงนักกีฬาจักรยาน BMX ที่เคยผ่านสนามแข่งขันระดับประเทศมาด้วยกันทั้งนั้น ทำให้ฟ้าในช่วงวัยเด็กเห็นภาพของเจ้าสองล้อและท่วงท่าการควบคุมจนชินตา กระทั่งเกิดการซึมซับเข้าสู่หัวใจในที่สุด

 

"เกิดมาหนูก็เห็นเขาขี่จักรยานกันแล้ว พอดีว่าพ่อจบจากกรมพละฯ มาด้วย เลยทำให้หนูได้ลองเล่นกีฬามาหลายอย่าง เช่น มวย ว่ายน้ำ หนูก็ฝึกมาจนโตแต่พอดีที่บ้านเขาเน้นเรื่องปั่นจักรยานเพราะมีพื้นที่ มีเนิน มีสนามเล็กให้เล่นตั้งแต่เด็ก พอลองเล่นแล้วรู้สึกชอบ มันสนุกเวลาที่ได้กระโดดเนินและอีกอย่างมันมีความตื่นเต้นด้วย แถมมันยังเป็นการใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้นด้วย"

 

ฟ้าอธิบายอย่างภูมิใจที่มีเจ้าสองล้อเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กพร้อมกับบอกด้วยว่า ความกลัวไม่เคยอยู่ในหัวเธอเลยแม้แต่น้อย

 

"ตอนนั้นหนูไม่รู้สึกกลัวหรืออะไรเลย อาจจะเพราะว่าหนูไม่ค่อยกลัวอะไรด้วย ล้มเจ็บหนักๆ ยังไม่เคยมีแต่แผลถลอกเล็กน้อยตามไหล่ ข้อศอกบ้างแต่มันนิดหน่อย อีกอย่างคนรอบตัวหนูก็มีแต่ผู้ชายทั้งพี่ชายสองคนและพ่อด้วยมันก็เลยทำให้เราเล่นตามเขาไปเลยไม่ค่อยกลัวอะไร และอยากทำให้เห็นว่าเขาทำได้กันเราก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน แต่ก่อนหนูก็เป็นพวกยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ได้ด้วย"

 

นับแต่นั้นมา ฟ้าจึงทุ่มเวลาที่มีไปกับการได้ขี่จักรยานคันจิ๋วที่เรียกกันว่า BMX ซึ่งมันเกินกว่าเด็กในวัยเดียวกันทั่วๆ ไป มันไม่ใช่การขึ้นไปนั่งบนอานและสองขาปั่นให้จานขับลากเลื่อนโซ่ให้ล้อเคลื่อนไปเท่านั้น แต่มันหมายถึงความเข้าใจกันของคนและเจ้าสองล้อบนเส้นทางเดินที่เธอกำหนดขึ้นเอง

 

 

 

เคล็ดไม่ลับกับการซ้อมที่แหวกแนว

 

หลังจากที่ฟ้าและจักรยานรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เธอใช้เวลาว่างระหว่างวันหมดไปกับการฝึกซ้อมโดยมีแรงสนับสนุนจากครอบครัวเป็นตัวขับเคลื่อนชั้นเยี่ยมพร้อมกับได้คุณพ่อแท้ๆ เป็นผู้ฝึกสอน ด้วยสายสัมพันธ์อันแนบแน่นฉันท์พ่อลูก กลเม็ดเคล็ดลับจึงถูกถ่ายทอดสู่สายเลือดทำให้ฟ้าไปได้สวยกับกีฬาชนิดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

"ทางครอบครัวก็สนับสนุนเต็มที่ โค้ชคนแรกก็พ่อหนูนี่แหละที่เป็นคนสอน เริ่มตั้งแต่ท่าทางการออกตัว ทักษะในการขี่ ความคล่องแคล่ว กว่าจะเก่งได้ก็นานเหมือนกัน ไหนจะมีเรื่องการกระโดดเนิน จริงๆ มันยิบย่อยมากในเรื่องของการฝึกซ้อม พอเราโตขึ้นก็ได้รู้ว่าความยากของมันเริ่มตั้งแต่ก่อนออกสตาร์ทแล้ว"

 

ฟ้าบอกเพิ่มเติมว่า การแข่งขันจักรยาน BMX ประเภท Racing นั้นใจความสำคัญคือต้องมีการออกตัวจากเส้นกำหนดให้ได้ดีที่สุดเพราะนั่นอาจะเป็นตัวชี้วัดผลการแข่งขัน หากพลาดเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงความพ่ายแพ้

 

"ถ้าเราสติหลุดตอนออกตัวเราแพ้ได้เลย สมาธิจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะตอนที่เราลงไปแข่งไหนจะเสียงเชียร์หรือแม้แต่คู่แข่งมันก็อาจจะทำให้เราเสียสมาธิได้" ฟ้าย้ำความสำคัญอีกครั้ง

 

 

 

ความจริงที่ฟ้าไม่อาจเลี่ยงได้ระหว่างการแข่งขัน แน่นอนว่าเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มไปทั่วอัฒศจรรย์ย่อมกังวาลในโสตประสาทการรับรู้ของเธอตลอดเวลา เคล็ดไม่ลับที่ฟ้านำมาใช้เสมอคือการทำสมาธิซึ่งแตกต่างออกไปจากวิธีเดิมบ้างนั่นคือต้องมีสูตรการนั่งสมาธิในผังการซ้อมด้วยเสมอ

 

"ปกติก่อนแข่งประมาณครึ่งชั่วโมงหนูจะใช้วิธีนั่งฟังเพลงอยู่คนเดียว เพราะมันช่วยได้เพลงที่ฟังจะเน้นไปที่เพลงสากลสบายๆ เพื่อให้อารมณ์ในตอนนั้นผ่อนคลายลงจะได้ไม่ต้องไปกังวลกับสิ่งรอบข้าง มีบางครั้งก็ฟังเพลงแนวฮิปฮอปสนุกๆ โยกตามเพลงไปก็มี คือมันเป็นการใช้เวลาอยู่กับตัวเองก่อนแข่งหนูคิดว่ามันมีผลกับตัวหนูเองคือเราจะได้ไม่ต้องไปฟุ้งซ่าน ส่วนการนั่งสมาธินี่ก็ช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้น บางครั้งนั่งกันนานเหมือนเข้าค่ายธรรมะเลยก็มี เพราะอย่างที่บอกว่าเวลาแข่งจริงมันต้องใช้สมาธิมากๆ" 

 

เหมือนเป็นเรื่องเกินจริง แต่สิ่งที่ฟ้าได้บอกมาทั้งหมดนี้คือผังการฝึกซ้อมที่เธอต้องปฏิบัติให้เป็นกิจวัตร เรียกว่าเป็นวินัยในการฝึกซ้อมที่ตัวของฟ้าเองบอกว่า "มันไม่ใช่เคล็ดลับแต่ก็ทำให้ประสบความสำเร็จในสนามแข่ง"

 

 

 

อย่ากลัวเสียงวิจารณ์ แต่จงกลัวไม่ได้ทำสิ่งที่่รัก

 

แน่นอนว่ากับการที่ฟ้าหันไปจับจักรยาน BMX ตั้งแต่ยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ย่อมมีทั้งคนที่สนับสนุนและทักท้วงคอยห้าม หลายครั้งที่เธอถูกท้วงติงว่ารูปร่างเล็ก อาจจะไปไม่รุ่งในเส้นทางที่เธอฝัน นั่นยังไม่รวมถึงอันตรายที่จะได้รับจากการเล่นกีฬาชนิดนี้ แต่สำหรับฟ้าแล้วเธอย่อมรู้ดีกว่าใครว่าสิ่งที่เลือกทำลงไปนั้นเป็นความต้องการจากใจตัวเอง

 

"ส่วนตัวหนูไม่เคยได้ยินกับตัวเอง มีแต่คนอื่นมาบอกว่ามันอันตรายนะไม่อยากให้เล่น แต่หนูก็ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดพวกนั้น ด้วยนิสัยส่วนตัวหนูเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยอะไรกับใครเลยไม่สนใจเสียงจากคนอื่น มีสมาธิอยู่กับตัวเองดีกว่าและหนูเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงเลยอยากเอาชนะให้ได้"

 

"กีฬา BMX กว่าจะเดินไปถึงระดับทีมชาติได้มันขึ้นอยู่ที่ตัวเองด้วยว่าจะนิ่งแค่ไหน บางคนเจอเสียงรอบข้างก็เลิกเล่นไปเลย กว่าจะเติบโตมาบนเส้นทางนี้ได้มันมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างที่บอกถ้าเราไม่นิ่งพอก็ไปต่อไม่ไหว สำหรับหนูที่เหมือนอยู่กับมันมาทั้งชีวิตถ้าจะให้หยุดก็ไม่ได้" ฟ้าอธิบายและเสริมต่อว่า

 

"จริงๆ เรื่องตัวใหญ่ตัวเล็กมันก็มีผลต่อการแข่งขัน ด้วยเรื่องของน้ำหนักตัวที่มากกว่าก็จะมีแรงกดตัวจักรยานเวลาโดดเนินให้ลงพื้นไวไปได้เร็วและคุมรถได้ดีกว่า ไหนจะเวลาที่จะต้องปะทะกันด้วย แต่สำหรับหนูคิดว่ามันอยู่ที่จังหวะและอีกหลายเรื่องที่มากกว่านั้นมันสำคัญทั้งหมด หนูไม่รู้หรอกว่าทำไมหนูถึงทำได้ดีทั้งที่ตัวเล็กกว่ารู้แค่ว่าจะต้องทำให้ได้เท่านั้นพอ"

 

สิ่งที่ทำให้ฟ้ายังคงมุ่งมั่นและสนุกไปกับการได้ควบเจ้าสองล้อ BMX นั่นคือความเชื่อมั่นในตัวเองว่าสามารถที่จะไปได้ไกลบนเส้นทางของจักรยาน BMX RACING ความหวาดกลัวใดๆ ที่หลายต่อหลายคนหวาดหวั่นถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นไม่อาจทำให้ฟ้าหวั่นใจเลยแม้แต่น้อย บาดแผลเพียงยิบย่อยไม่อาจฉุดให้เธอหยุดที่จะฝัน เมื่อสรีระไม่ใช่จุดด้วยและเส้นทางข้างหน้ายังสดใสก็ไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะยอมแพ้ กระทั่งท้ายที่สุดความพยายามของเธอก็สำเร็จเห็นผลจนก้าวขึ้นมาเฉิดฉายในนามนักกีฬา BMX ทีมชาติไทยอย่างงดงาม

 

 

 

จากเยาวชนสู่เบอร์หนึ่งทีมชาติ

 

คำนำหน้าว่า 'เด็กหญิง' แปรเปลี่ยนมาเป็น 'นางสาว' กับการที่ฟ้าได้ก้าวมาสู่อ้อมอกของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยด้วยวัย 17 ปี เธอกวาดเหรียญรางวัลแทบจะทุกรายการที่ลงแข่งขัน โดดเด่นมาตั้งแต่เธอเป็นเยาวชนด้วยการครองแชมป์ประเทศไทยมากถึง 12 สมัย เหรียญทองกีฬาเยาวชนอีก 3 สมัย ในระดับภูมิภาคฟ้าโชว์ฟอร์มสุดหรูด้วยการคว้าเหรียญเงินซีเกมส์ เหรียญเงินเอเชียนเกมส์พ่วงด้วยอีกหนึ่งเหรียญเงินชิงแชมป์เอเชียที่การันตีให้เธอกลายมาเป็นนักกีฬาตัวความหวังอีกหนึ่งคน

 

"เมื่อก่อนหนูมีทีม BMX ของตัวเองเป็นทีมของจังหวัดสระบุรี ก็ตระเวนแข่งชิงแชมป์ประเทศระดับเยาวชนก็แข่งมาเรื่อยๆ จนอายุเข้าโควตาตามกฏของกีฬาจักรยาน BMX ทางสมาคมฯ ก็จะเลือกคนที่ดีที่สุดในการแข่งแต่ละรายการไปติดทีมชาติ ซึ่งแต่ละสนามก็จะมีคนคอยมาตามดูอยู่แล้วว่าใครมีแววรุ่งเขาก็จะมาเลือกตัวไป"

 

 

ฟ้ายืนยันหนักแน่นว่า ผลงานส่วนตัวเป็นที่น่าจับตามองมาตั้งแต่ลงสนามแข่งในช่วงแรกและคิดเสมอว่าสักวันจะต้องก้าวขึ้นไปติดทีมชาติให้ได้ เสมือนความฝันของเด็กหญิงตัวน้อยที่รอวันเติบโตและเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ฝันเป็นจริงเธอก็พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจเพื่อรับใช้ทีมชาติ

 

"หนูคิดว่ามันเป็นความฝันของนักกีฬาทุกคนที่จะได้ติดทีมชาติ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้หรอก หนูทุ่มเทฝึกซ้อมมาตลอดก็หวังจะได้เล่นทีมชาติเหมือนกัน แล้วมันก็ทำได้จริงๆ" 

 

ความพยายามที่เหน็ดเหนื่อยส่งผลฟ้าทำตามความฝันได้สำเร็จ หากจะพูดว่าจังหวะจะโคนลงตัวก็ไม่ผิดนักที่ในช่วงนั้นสมาคมกำลังเฟ้นหานักกีฬาฝีมือดี แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธว่าส่วนหนึ่งมาจากทักษะการควบคุมเจ้าสองล้อชั้นเลิศของฟ้าที่พาเธอมาถึงจุดหมายปลายฝันได้สำเร็จ

 

"มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้สึกโตขึ้น รู้ถึงฝีมือตัวเอง ทำให้รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปแต่ก็ยังไม่ได้มองไกลถึงขนาดโอลิมปิก ด้วยช่วงนั้นอายุยังน้อยด้วยเลยยังไม่กล้าคิดไปถึงระดับนั้นขอแค่ได้รู้ว่าในการแข่งต่างประเทศมันเป็นยังไง นักแข่งเขาเป็นแบบไหนต่างกับเราแค่ไหนทั้งเทคนิค การฝึกซ้อม สนามแข่งมีมาตรฐานสูงกว่ามันต่างกับบ้านเราเยอะ" ฟ้ายอมรับถึงความเปรียบต่างที่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่ายังด้อยกว่าชาติอื่น

 

 

โยนความผิดหวังทิ้งอย่างไม่ใยดี

 

"มีอยู่ครั้งหนึ่ง หนูกำลังจะเข้าเส้นชัยตอนนั้นคิดว่ายังไงก็ชนะแน่ๆ แต่เกิดพลาดหนูขี่ล้มจังหวะเข้าโค้งพอดีทำให้รายการนั้นหนูไม่ได้เหรียญอะไรเลย"

 

ประโยคที่สะท้อนให้เห็นถึงความผิดหวังที่ฟ้ายังจำได้ขึ้นใจ ซึ่งมันเป็นความผิดพลาดเกินความคาดเดาซึ่งตัวเธอเองก็ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นโดยคิดอย่างเดียวว่า ต้องเดินออกห่างจากความเสียใจนี้ให้เร็วที่สุด

 

"ถามว่าเสียใจมั้ย แน่นอนมันก็ต้องเสียใจหนูน้ำตาซึมเลยตอนที่ล้มลงไปซึ่งมันเป็นรายการชิงแชมป์เอเชียด้วยเราก็หวังที่จะได้เหรียญตอนนั้นรู้สึกว่าตีคู่กันมาอยู่แค่ 3 คันแต่หนูดันพลาด แต่ว่าหลังจากนั้นหนูก็ไม่ได้คิดอะไรมากรู้สึกจะแค่แป๊ปเดียวก็กลับมาได้แล้วไม่อยากเสียใจนานๆ"

 

ทุกครั้งที่ฟ้านึกย้อนถึงวันที่ผิดพลาด เธอยืดอกยอมรับว่ายังรู้สึกผิดหวังทุกครั้งแต่ไม่คิดเสียใจเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดประโยชน์ต่อเธอ หยดน้ำตาที่ไหลลงพื้นเพียงหยดเดียวก็มากพอแล้วที่เธอจะผูกใจเจ็บนับเป็นสิ่งที่ดีที่ Move on ได้เร็ว

 

แต่นั่นเป็นแค่การเริ่มต้น เมื่อต่อมากับความเจ็บปวดที่สาหัสที่สุดที่เกือบจะทำให้ฟ้าพลาดการได้ร่วมมหกรรมกีฬาอย่างโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึง

 

 

ความทรงจำที่แสนเจ็บปวดเกิดขึ้นที่การแข่งขันควอลิฟายรอบท้ายที่โบกาต้า โคลอมเบีย ความสำคัญในรายการนี้คือการเก็บคะแนนสนามสุดท้ายที่นักกีฬา BMX ประเภท RACING จะมีโอกาสได้วัดฝีมือ ใครดีใครได้คะแนนดีอันดับขยับและได้ไปโอลิมปิก 2020 เช่นเดียวกันกับฟ้าที่ที่คาดหวังกับสนามนี้ ด้วยคะแนนที่สะสมมาตลอดทั้งปีก็อาจไม่การันตีสิทธิ์สู่รอบสุดท้ายที่ญี่ปุ่น

 

ก่อนหน้าการแข่งขันเพียงสองวันฟ้าประสบอุบัติเหตุระหว่างการฝึกซ้อมทำให้เธอพลาดการลงแข่งขันในสนามสุดท้ายอย่างหน้าผิดหวัง

 

"หลังจากที่กระโดดเนิน 8 เมตรแรกหนูก็พลาดล้ม พอรู้ตัวเองว่าไม่ไหวน้ำตาก็ซึมเลยมันไม่ใช่ความเจ็บปวดแต่เพราะเสียดายมากกว่า เสียดายที่มันเป็นโอกาสสุดท้ายของเราแล้วและก็คิดว่าหนูคงไม่ได้แน่ๆ รู้สึกว่าทำไมต้องมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเรา แต่อย่างที่หนูบอกแหละว่าไม่อยากเสียใจนานเพราะมันยังมีอย่างอื่นให้ทำหนูก็เลยใช้เวลาอยู่กับความเสียดาย 2-3 วันก็กลับมาเหมือนเดิม"

 

โชคยังดีที่คะแนนสะสมของฟ้าอยู่ในอันดับที่ดีพอจะได้ตั๋วใบสุดท้ายสู่กรุงโตเกียว นั่นจึงทำให้ฟ้ามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าจะยังมีอาการบาดเจ็บแต่เธอยังตั้งหน้าตั้งตาซ้อมเพื่อทำตัวเองให้พร้อมก่อนจะบินสู่โตเกียว

 

 

มุ่งสู่การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่

 

บนหลังอานจักรยาน BMX คือสิ่งที่ฟ้าทำได้ดีเสมอ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสิ่งที่เธอเลือกนั้นคือความถูกต้อง ฟ้ามุ่งมั่นในการฝึกซ้อมจนทะยานสู่นักกีฬาทีมชาติมันเป็นเสมือนฝันที่เป็นจริง กับผลงานที่ดีต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่เธอยังเป็นดาวรุ่งเยาวชนมาจนถึงนักกีฬาตัวความหวังในประเภท BMX RACING 

 

"ตอนที่รู้ว่าหนูทำคะแนนได้มากพอที่ได้ไปโอลิมปิก หนูดีใจมากๆ มันก็เหมือนกับนักกีฬาคนอื่นๆ นั่นแหละที่ใครๆ ก็อยากไปโอลิมปิกด้วยกันสักครั้งและครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของหนูด้วยมันเหมือนอีกหนึ่งความฝันที่หนูทำสำเร็จ"

 

น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีที่สัมผัสได้จากความปลาบปลื้มที่ฟ้าสามารถทำอีกหนึ่งความฝันได้สำเร็จ แม้จะต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บเป็นระยะเวลาร่วมเดือน อีกทั้งต้องสละเวลาไปกับการกักตัวทำให้เวลาในการฝึกซ้อมลดน้อยลงไปอีก แต่อย่างไรก็ตามฟ้าก็ยังมีความหวังอยู่เต็มหัวใจและยังคงมุ่งมั่นในเส้นทางที่เธอได้เลือกไว้แล้วตั้งแต่เริ่มต้นควบขี่ BMX 

 

"หนูยังไม่ได้คาดหวังถึงการได้เหรียญรางวัลในระดับนี้ ด้วยความที่รู้ตัวเองว่าฝีมือเราอยู่ในระดับไหน ยิ่งไปเจอนักแข่งจากแถบอเมริกาหรือยุโรปพวกนั้นเขาจะมีฝีมือดีกว่าเรา แต่หนูก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด กระโดดให้ได้ทุกเนิน ทำให้เหมือนกับที่ซ้อมมันก็อาจจะมีหวังบ้างเพราะการแข่งขันมันมีพลิกล็อกได้เหมือนกัน"

 

ฟ้าบอกต่อด้วยว่า ทุกคนมีโอกาสในการแข่งขันด้วยกันทั้งนั้นและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอจะพยายามทำให้เต็มที่เพื่อเข้ารอบให้ลึกที่สุด ในเมื่อโอกาสนั้นมาถึงแล้วเธอจะคว้ามันไว้ให้ได้ ทำแต่ละรอบให้ดีที่สุดและมีสมาธิอยู่กับการแข่งขัน เธออาจจะไม่หวังสูงถึงเหรียญรางวัลแต่เชื่อเหลือเกินว่า 'ฟ้า ชุติกาญจน์' จะทำให้คนไทยได้ลุ้นสุดตัวอย่างแน่นอน


stadium

author

จิรวัฒน์ จามะรี

ฉันจะพาเธอลอยล่องไปในอวกาศ ในวันที่ฝนตกลงที่หน้าต่างในตอนเช้า

La Vie en Rose
stadium olympic