stadium

อัลลิสัน เฟลิกซ์ โอลิมปิกครั้งสุดท้ายของตำนานลมกรด

17 มิถุนายน 2564

อัลลิสัน เฟลิกซ์ เจ้าของ 6 เหรียญทอง 3 เหรียญเงินโอลิมปิก คือหนึ่งในนักกรีฑาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วกีฬาชนิดแรกที่เธอหลงรักคือ บาสเกตบอล

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้สัมผัสกับกรีฑาตอนที่อยู่เกรด 9 พรสวรรค์ที่ได้รับจากพระเจ้าก็ฉายแสง และ 20 ปีหลังจากนั้น เฟลิกซ์ ก็ขึ้นชั้นตำนานของวงการกรีฑา ซึ่งใน โตเกียว 2020 เธอมีโอกาสกลายเป็นลมกรดอเมริกันที่คว้าเหรียญโอลิมปิกมากที่สุดแต่เพียงผู้เดียว แซงหน้า คาร์ล ลูอิส ที่ทำเอาไว้ 10 เหรียญ (9 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน)

 

แล้วนอกจากการเป็น นักกรีฑาที่คว้าเหรียญมากที่สุดในศึกชิงแชมป์โลก (13 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง) และคุณแม่ลูก 1 แล้ว ชีวิตของ เฟลิกซ์ มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง ติดตามได้ที่นี่

 

 

ต้องลำบากถึงจะสำเร็จ

 

"ทุกคนเห็นแต่ช่วงเวลาฉลองชัยชนะ แต่พวกเขาไม่ได้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังฉากบ้าง" นี่คือคำพูดที่ เฟลิกซ์ ว่าเอาไว้ในประวัติส่วนตัวบนเว็บไซต์ Olympic Channel ซึ่งเป็นวิถีการใช้ชีวิตที่เธอทำมาตลอด เฟลิกซ์ทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษถึงทำให้กวาดเหรียญเป็นกอบเป็นกำ

 

หลังจากคว้าเหรียญเงินประเภท 200 เมตร ทั้งใน เอเธนส์ 2004 และ ปักกิ่ง 2008 เฟลิกซ์ก็ก้าวขึ้นไปคว้าเหรียญทองประเภทบุคคลเหรียญแรกและเหรียญเดียวในชีวิตของตัวเองได้ใน ลอนดอน 2012

 

ส่วนอีก 5 เหรียญทองมาจากการลงแข่งประเภทผลัด ซึ่งรวมถึงการคว้าแชมป์ 4x100 เมตร 3 สมัยติด โดย เฟลิกซ์ รับหน้าที่ไม้สุดท้ายใน ริโอ เกมส์ 2016

 

แต่ถ้าพูดถึงรายการชิงแชมป์โลก เฟลิกซ์ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบบคนเดียวโดดๆ ยิ่งกว่าตำนานชาวจาเมกาอย่าง ยูเซน โบลต์ ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคว้าเหรียญทองประเภท 4x400 เมตรหญิง และผลัดผสม 4x400 เมตร ในการแข่งที่กรุงโดฮาปี 2019 ยิ่งมีความพิเศษสุด เพราะเป็นการคว้าแชมป์โลกทั้งที่เพิ่งผ่านการคลอดลูกมาได้ไม่ถึง 1 ปี

 

 

ยอดคุณแม่

 

เฟลิกซ์ คลอด แคมรีน ลูกสาวของเธอในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ด้วยวิธีการผ่าตัด เนื่องจากเฟลิกซ์เจอภาวะแทรกซ้อนก่อนคลอด ทำให้เด็กต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเกือบหนึ่งเดือนเต็ม และในปีต่อมาเธอก็หันมาทำหน้าที่กระบอกเสียงให้กับบรรดาคุณแม่ในวงการกีฬาอาชีพ โดยออกมาเรียกร้องถึงสิ่งที่ไม่เป็นธรรมกับพวกเธอ เหมือนอย่างกรณีของ ไนกี้ บริษัทผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลก

 

ขณะเดียวกันเธอยังตระหนักดีว่าบทบาทการเป็นแม่คนนั้น มีความสำคัญมากขนาดไหน

 

"การเป็นคุณแม่ผิวดำนั้นเป็นสิทธิพิเศษที่สวยงาม แต่มันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องเลี้ยงดูเขาอย่างมีสติที่สุด"

 

"โลกของเรากำลังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของคำว่าบ้าน ซึ่งไม่ใช่แค่การมอบความรักต่อลูกเท่านั้น แต่เป็นการสอนเขาให้รักคนอื่นอย่างจริงใจ และไม่คำนึงถึงสีผิว, เพศสภาพ หรือความแตกต่างอื่นใดที่เราอาจมีต่อคนอื่น"

 

 

ความฝันวัยเด็กที่ไม่ได้อยู่บนลู่วิ่ง

 

ขณะที่ เฟลิกซ์ ได้รับฉายา "ขาไก่" จากการมีขาเรียวเล็กตรงข้ามจากความแข็งแกร่งของร่างกาย สมัยเข้าร่วมทีมกรีฑาของโรงเรียนไฮสคูล แต่กีฬาชนิดแรกที่เธอหลงรักคือบาสเกตบอล ซึ่งด้วยความเป็นเด็กที่เติบโตในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ทำให้เฟลิกซ์มีทีมรักคือ ลอส แองเจลิส เลเกอร์ส และขวัญใจของเธอคือ โคบี้ ไบรอันท์ ตำนานผู้ล่วงลับ

 

การเล่นกีฬาบาสเกตบอลนั้น ก็มีส่วนทำให้เฟลิกซ์กลายเป็นสุดยอดนักกีฬาอย่างทุกวันนี้ เพราะเธอบอกว่ามันทำให้มีความมั่นใจ สอนให้รู้จักวินัยในการทำงาน, การเป็นผู้นำ, การรับมือกับความล้มเหลว, คุณค่าของการทำงานเป็นทีมและบทเรียนมากมายนับไม่ถ้วนที่เธอยังนำมาใช้ถึงทุกวันนี้

 

 

นักวิ่งผู้หลงใหลในการทำอาหาร

 

แน่นอนว่าในฐานะนักกีฬาโอลิมปิก 4 สมัย เธอย่อมให้ความสำคัญกับเรื่องโภชนาการเป็นอย่างมาก แต่ก็เปิดกว้างเกี่ยวกับการทำครัวด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับความรักในการทำอาหารและการอบขนม โดยมี เอนชิลาดาส ปลาดุก ไก่ และสเต็ก เป็นเมนูโปรด รวมถึงซินนามอนโรล

 

"คู่ซ้อมของฉันต้องคิดว่าฉันตามพวกเขาไม่ทันแน่ ๆ เพราะฉันมักจะนำขนมที่พาอ้วนไปฝากอยู่เสมอ"  

 

 

นางแบบปกนิตยสาร

 

จากความสำเร็จของ เฟลิกซ์ นั้น ทำให้ชื่อเสียงของเธอเป็นที่รู้จักไปทั่วบ้านทั่วเมือง และได้ขึ้นปกนิตยสารมากมายหลายระดับ ไล่ตั้งแต่เรื่องสถิติโอลิมปิกไปจนถึงความเป็นแม่และการออกมาเรียกร้องสิทธิ "Black Lives Matter movement"

 

และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอก็ยังขึ้นปกนิตยสารดังอีกมากมายทั้ง SELF, Women’s Running, Parents และ Harper’s Bazaar เป็นต้น

 

ขณะเดียวกัน แม้เธอจะมีประเด็นขัดแย้งใหญ่โตกับ ไนกี้ ถึงกรณีความเท่าเทียมของนักกีฬาที่ต้องเว้นช่วงไปคลอดลูก แต่เธอก็ไม่เคยหยุดออกมาเรียกร้องเพื่อความถูกต้อง ซึ่งในเดือนมิถุนายนปี 2020 เฟลิกซ์ ได้เขียนคอลัมน์ให้กับ Glamour นิตยสารแฟชันถึงจุดยืนของเธอในอนาคต

 

"เมื่อมองไปยังบทต่อไปของชีวิต ฉันหวังว่าจะได้เป็นตัวแทนผู้หญิงถึงการเอาชนะความยากลำบาก ลูกสาวของฉันสอนให้ฉันใช้เสียงของตัวเอง และยังสอนให้ฉันเรียกร้องในสิ่งที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องสำคัญ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็น"


stadium

author

ณัฐกร ทองนพเก้า

StadiumTH Content Creator

stadium olympic