stadium

สุดาพร สีสอนดี : โอลิมปิก ประตูแห่งความฝันผลักดันชีวิตสู่ความสำเร็จ

15 มิถุนายน 2564

ในช่วง 4-5 ปีมานี้แม้ว่าวงการมวยสากลบ้านเราจะซบเซาลงไป แต่ผลงานของ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี นักชกในรุ่น 60 กิโลกรัมหญิง ยังคงฝากความหวังได้เสมอ นับตั้งแต่ติดทีมชาติไทยครั้งแรกในปี 2011 จนถึงวันนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว เธอคือนักชกหญิงไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปัจจุบัน 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน จากซีเกมส์ 3 สมัย รวมถึง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดงจากศึกชิงแชมป์โลก ตบท้ายด้วยรองแชมป์เอเชียนเกมส์อีกหนึ่งสมัย

 

สำหรับ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี โอลิมปิกเกมส์ 2020 นั้นมีความหมายกับเธอมากมายเหลือเกิน เพราะนอกจากจะเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีของทีมกำปั้นไทยแล้ว ยังเป็นประตูแห่งความฝันที่จะเพื่อนำชีวิตไปสู่ความสำเร็จ

 

 

 

ทำไมถึงเลือกชกมวยไทย ? 

สุดาพร สีสอนดี : ครอบครัวเราประกอบอาชีพทำไร่ทำนา แต่คุณพ่อชอบดูมวยไทยมากก็เลยเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านเป็นค่ายมวยเล็กๆขึ้น มีคนมาเรียน 3-4 คนก็ลูกหลานๆในระแวกบ้าน โดยมีคุณพ่อเป็นคนสอนเองเลย ท่านไม่เคยเป็นนักมวยมาก่อนนะ แต่สอนด้วยความชอบความและประสบการณ์จากการดูมวย พอได้เห็นเขาได้ซ้อมกันทุกวัน ก็รู้สึกอยากซ้อมด้วย แค่อยากไปเล่นสนุก ๆ ไม่ได้ถึงขั้นอยากขึ้นชก แต่เหมือนคุณพ่อเขาเห็นแววเราก็เลยจับซ้อมจริงจัง ซึ่งเราก็ไม่ชอบนะ มีงอแงไม่อยากซ้อมจริงจังเพราะมันเหนื่อย

 

แล้วขึ้นไปชกบนเวทีได้อย่างไร ?

สุดาพร สีสอนดี : พ่อเห็นแววเรา ก็เลยจับเราซ้อมแบบจริงจังเลย เราก็ซ้อมทั้งที่ไม่อยากซ้อม ฝึกได้แค่ 2-3 เดือน ก็ถูกไปประกบคู่ขึ้นชกจริงบนเวทีในงานวัดแถวบ้าน ตอนเราอายุ 11 ขวบเอง เป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ แต่คู่แข่งเราอายุ 29 รูปร่างพอๆกัน แต่เขาเจนเวทีกว่า อย่างเดียวที่เราสู้ได้ก็คือสภาพร่างกายฟิตกว่าเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากต่อยกับฝรั่งที่เกาะสมุยมาด้วย

 

ก้าวแรกที่ขึ้นไปบนเวทีเราสั่นไปทั้งตัว กลัวต่อยไม่โดน คนดูก็เยอะ แต่สุดท้ายเราก็เป็นฝ่ายขนะดีใจนะ แต่พอลงจากเวทีเรารู้สึกเจ็บไปทั้งตัว แข้งเขาหนักมากตัวเรามีแต่รอยช้ำ ร้องบอกพ่อเลยว่าหนูเจ็บไม่เอาแล้วไม่อยากต่อยแล้ว พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรนะเหมือนเขารู้แหละ เพราะหลังจากนั้นเราเห็นเขาซ้อมมวยกันเราก็เข้าไปเล่นด้วยตลอด เพราะซ้อมมวยแบบเล่นสนุกไม่อยากซ้อมเพื่อเตรียมตัวไปแข่ง มันเหนื่อยมากพี่ความรู้สึกโคตรต่างกันเลย

 

 

 

เริ่มรู้สึกอยากซ้อมมวยจริงจังเมื่อไหร่ ? 

สุดาพร สีสอนดี : เริ่มรู้สึกหลังจบไฟต์ที่ 6 ระหว่างนั้นเราได้ขึ้นชกก็จริงแต่ก็บอกพ่อเสมอว่าไม่อยากซ้อม แต่ตอนจะขึ้นชกไฟที่ 6 เราต้องเจอกับมวยดังในภาคอีสาน พ่อบอกว่าถ้าเราไม่ซ้อมจะเจ็บนะเพราะเขาเก่งมาก ตอนนั้นเราก็เชื่อพ่อนะ ซ้อมแบบเข้มงวดมากลงนวมกับหลานผู้ชาย ไม่อยากเจ็บตัวอยากชนะ สุดท้ายเราก็ชนะ มันเหมือนเราเริ่มชกมวยเป็นแล้ว  เริ่มอยากซ้อมจริงจังอยากไปต่อกับต่อยมวยไทย

 

ผู้หญิงเป็นนักมวยมันยากไหม ต้องปรับตัวขนาดไหน ?

เมื่อก่อนถือว่ายากนะ เพราะสังคมยังไม่เปิดรับ มีคนบอกว่าเราเป็นผู้หญิงจะไปชกมวยทำไม มันเป็นกีฬาที่ผู้ชายใช้หารายได้ ทำไมไม่ไปหางานอย่างอื่นทำ เราได้ยินแต่ก็ไม่สนใจอะไรนะ เพราะครอบครัวอยากให้เราเอาดีทางด้านนี้ เราก็ไม่สนใจคำพูดใคร

 

เมื่อก่อนเราก็เคยคิดว่าจะต่อยทำไมมีแต่ผู้ชาย แต่ถ้าได้ไปดูมวยจริงๆ มวยหญิงชกกันก็มีเยอะ เดือนนึงแต้วขึ้นต่อย 1-3 ไฟท์ ได้ค่าตัวตั้งแต่ 800 - 12,000 บาท มีรายได้แบ่งเบาภาระครอบครัวไม่เห็นต้องไปแคร์คำใคร ความฝันช่วงนั้นของเราก็คือเดินสายชกมวยไทยหาเงินไปเรื่อย ๆ 

 

อะไรคือจุดเปลี่ยนมาชกมวยสากลสมัครเล่น

สุดาพร สีสอนดี : ช่วงนั้นแต้วกำลังจะขึ้น ม.3 มีรุ่นพี่แถวบ้านเขาสอบเข้าโรงเรียนกีฬาจังหวัดขอนแก่น เขาโควตานักกีฬาตะกร้อ ซึ่งที่โรงเรียนก็มีเปิดคัดมวยไทย เขาก็แนะนำเราให้เราไปสอบมวยดูมั้ย เราก็ลองดูไป แต่พอไปถึงโค้ชแนะนำว่ามวยไทยมีคนมาคัดเยอะนะ ลองไปคัดมวยสากลสมัครเล่นดูไหม คนน้อยกว่าน่าจะเข้าง่ายกว่า เราก็ไปตามคำแนะนำทั้งๆที่ไม่มีพื้นฐานมวยสากลสมัครเล่นเลย มีคนมาคัด 32 คน แต่เอาแค่ 10 คน ปรากฎว่าเราคัดติดก็ได้เข้าฝึกมวยสากลสมัครเล่น แต่ระหว่างนั้นถ้ามีรายการชกมวยไทยแต้วก็ไปชกควบคู่กันไป 

 

 

 

เข้าสู่ทีมชาติได้อย่างไร ?

สุดาพร สีสอนดี : เข้าแคมป์ทีมชาติประมาณ อายุ 15-16 ปี กำลังขึ้น ม.4 หลังจากซ้อมมวยสากลสมัครเล่นได้เกือบปี ก็เป็นตัวแทนโรงเรียนกีฬาจังหวัดขอนแก่นไปต่อยกีฬาเยาวชนแห่งชาติที่ จ.สุราษฎร์ธานี ครั้งนั้นได้เหรียญทอง ต่อด้วยอีก 2 เหรียญเงินในกีฬาแห่งชาติกับชิงแชมป์ประเทศไทย หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปซ้อมกับทีมชาติที่เขาใหญ่ ตอนนั้นดีใจมากไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เลย เพราะก่อนหน้านั้นยังคิดว่าอยากต่อยมวยไทยหาเงินแค่นั้น

 

ช่วงแรกกับทีมชาติคุณเป็นตัวสำรองเบอร์ 3 ไม่ได้โอกาสเลยกว่า 2 ปี เคยคิดอยากกลับไปต่อยมวยไทยบ้างไหม ? 

สุดาพร สีสอนดี : ก็มีบ้างที่ท้อจนถอดใจ เพราะซ้อมมานานซ้อมเต็มที่แต่ไม่เคยได้ไปแข่ง มีเหตุการณ์นึงก่อนแข่งซีเกมส์ที่โคราช มีรุ่นพี่ที่อยู่ทีมเอเขาเจ็บก่อนแข่ง ซ้อมได้ไม่เต็มที่ โค้ชก็บอกว่าอาจจะเป็นเราที่ได้ไปชก ก็ตั้งใจซ้อมเต็มที่กว่าเดิมด้วยความหวังว่าจะได้รับโอกาสแรก แต่สุดท้ายพี่เขาเรียกความฟิตกลับมาได้ทัน ก็ทั้งผิดหวังและเสียดายเพราะตอนนั้นคิดว่าร่างกายเราดีกว่า พอรู้ว่าไม่ใช่เราที่ไปซีเกมส์มันก็ท้อ ลาโค้ชขอกลับไปเรียนที่บ้านเป็นอาทิตย์ เพื่อพักกายพักใจแล้ว แต่พ่อบอกให้เรากลับไปซ้อมเพราะเลือกทางนี้แล้ว มีโอกาสก็ต้องสู้

 

ระหว่างที่ซ้อมเราก็ได้แรงบันดาลใจ 2 อย่าง อย่างแรก คือเราเห็นพี่แก้ว พงษ์ประยูร ใส่ชุดทหารบกกำลังไปรับราชการ พอได้คุยกับพี่แก้วก็เกิดความรู้สึกอยากเป็นเหมือนเขา บรรจุเข้ารับราชการ มีเงินเดือน มีสวัสดิการ มีความมั่นคง กลายเป็นความฝันที่เป็นแรงผลักดันให้เราสู้ต่อทั้งๆที่เราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาต่อยมวยสากล

 

อีกอย่างคือมีรุ่นพี่ที่เข้ามาซ้อมก่อนเราก็ไม่ได้เคยรับโอกาสเช่นกัน เขาก็สอนเราว่าอย่าไปท้อให้ตั้งใจซ้อมเดี๋ยววันนึงโอกาสก็มาถึงเอง ก็เลยอดทนรอคอยโอกาสมาตลอด

 

 

 

โอกาสแรกมาถึงเมื่อไหร่ ?

สุดาพร สีสอนดี : ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่อินโดนีเซีย ปี 2011 ก่อนหน้านั้นก็ซ้อมไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คาดหวังว่าอะไร แต่พอรู้ว่าครั้งนี้เราได้รับโอกาส ก็ดีใจรีบโทรไปบอกพ่อว่าจะได้ไปแข่งซีเกมส์แล้ว พ่อตอบกลับว่าเห็นมั้ยเชื่อพ่อรึยังว่ามีโอกาสเราต้องทำ

 

ซึ่งตอนขึ้นเวทีไปชกไฟต์แรกในซีเกมส์ตื่นเต้นมาก มากว่าตอนไฟท์แรกแบบคนละเรื่องเลย ผู้ชมเยอะมาก แต่เราก็ฝ่าฟันจนได้เหรียญทอง ณ ตอนนั้นคือดีใจและภูมิใจกับตัวเองมาก ๆ ที่อดทนผ่านมาได้ทุกเรื่อง

 

โอลิมปิกรุ่น 60 กิโลกรัมหญิง มีแต่คนเก่งๆ เราเตรียมตัวอย่างไร ? แล้วใครคือคู่แข่งสำคัญ ?

สุดาพร สีสอนดี : โควิด-19 ระบาดทำให้รายการแข่งแทบไม่มีเลย ช่วงนี้ก็ได้แต่ซ้อมทำร่างกาย ลงนวม เวลาว่างก็จะดูคลิปวิดีโอเก่า ๆ ที่เราเคยซ้อมไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ดูคลิปคู่แข่งแต่ละคนแล้วหาวิธีแก้ 

 

ในรุ่นหนูคนเก่งเยอะมาก โอ ยอน-จี จากเกาหลีใต้ คนนี้เราแพ้เขาในรอบชิงเอเชียนเกมส์ 2018 แต่เราชนะได้ในรอบรองชนะเลิศในชิงแชมป์โลก 2019 , ซิมรานจิต กอร์ ของอินเดียกับราชิดะ เอลลิส ของสหรัฐ รวมถึง อังกฤษ อิตาลี ก็เก่ง แต่ที่มาแรงในช่วงหลังปี 2018 ก็คือเบียทริซ เฟร์เรร่า แชมป์โลกคนล่าสุดจากบราซิล ก่อนหน้านั้นเราดูเขายังไม่เก่งเท่านี้เลย

 

 

 

ตั้งความหวังไว้ขนาดไหน ?

สุดาพร สีสอนดี : เรามีความฝันมีความหวังนะ แต่ไม่อยากคาดหวังกับมันมาก อยากจะขอโฟกัสไปทีละรอบมากกว่า 

 

อะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ต่อสู้จนถึงวันนี้ ?

สุดาพร สีสอนดี : เราอยากให้ชีวิตมีความมั่นคง อยากได้บรรจุเข้าราชการทหารมีเงินเดือนมีสวัสดิการ ตอนนี้เราเป็นอาสาสมัครทหารพราน มีเงินเดือนก็จริงแต่ไม่มีสวัสดิการ ซึ่งมันยังไม่มั่นคงพอ

 

 

 

ตลอด 20 ปีที่ฝ่าฟันมาถึงวันนี้คุ้มค่าหรือยัง ? 

สุดาพร สีสอนดี : ยังนะ เพราะสิ่งที่เราฝันไว้ 2 อย่างคือการรับราชการมันยังไม่เกิดขึ้น อีกอย่างคือการขึ้นชกบนเวทีโอลิมปิก ตอนนี้เราแค่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแต่ยังไม่ได้ขึ้นไปชกบนเวที การแข่งขันมันยังไม่ได้เริ่มขึ้น ยังพูดไม่ได้เต็มปากว่าสิ่งที่เราอดทนทำมามันคุ้มแล้วหรือเปล่า แต่รู้แค่ว่าถ้าวันนั้นไม่หันมาชกมวยสากล เราอาจจะไม่ได้มายืนอยู่จุดนี้ คงได้ช่วยครอบครัวทำไร่ทำนาไปแล้ว


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator / เชียร์หงส์แดง รักการเดินป่า เสพติดหมูกระทะ

stadium olympic