4 มิถุนายน 2564
หากเอ่ยถึง “นักปั่นน่องเหล็กหญิง” ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเบอร์ 1 ของเมืองไทยในเวลานี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธชื่อของ “บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ อย่างแน่นอน
เพราะตลอดช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา เธอคือนักปั่นน่องเหล็กสาวทีมชาติไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ด้วยผลงานการกวาดเหรียญรางวัลทั้งในระดับอาเซียน จนถึงเอเชียมาครองได้แทบทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์ , เอเชียนเกมส์ , ชิงแชมป์เอเชีย รวมไปถึงการได้ไปโลดแล่นในการแข่งขันระดับอาชีพที่ประเทศอิตาลีมาแล้ว
เท่านั้นยังไม่พอ “จุฑาธิป มณีพันธุ์” ยังคว้าสิทธิ์ไปเข้าร่วมการแข่งขันในมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่าง “โอลิมปิกเกมส์” มาแล้วถึง 2 สมัย ใน “ลอนดอนเกมส์” ปี 2012 และ “ริโอเกมส์” ปี 2016
ขณะเดียวก็ต้องบอกว่าในหมกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโอลิมปปิกเกมส์กลับเป็นฝันร้ายในชีวิตการเป็นนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย เพราะจากการได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมเกมส์ 2 ครั้งที่ผ่านมา เธอไม่สามารถทำผลงานปั่นเข้าเส้นชัยซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเธอได้แม้แต่ครั้งเดียว กลายเป็นเรื่องที่ค้างคาในหัวใจของ จุฑาธิป มาโดยตลอดและยังเกือบทำให้เธอตัดสินใจเลือกที่จะหันหลังให้กับกีฬาจักรยานด้วยเช่นกัน
“จุฑาธิป มณีพันธุ์” เล่าว่า การได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ทั้งสองถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แต่มันก็เต็มไปด้วยฝันร้ายเช่นกัน เพราะตนเองไม่สามารถปั่นไปถึงเส้นชัยได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“โดยเฉพาะใน “ริโอเกมส์” มันคือความปวดที่สุดในชีวิตเลย เพราะมันเป็นโอลิมเกมส์ที่เราคิดว่าเตรียมพร้อมมากที่สุดในชีวิต ฝึกซ้อมอย่างหนักและเตรียมตัวไปเป็นอย่างดีในทุกด้าน แถมมีประสบการณ์จากลอนดอนเกมส์มาแล้ว ทำให้เราคิดว่าในริโอ ยังไงก็ต้องปั่นไปเส้นชัยได้แน่ แต่สุดท้ายรถจักรยานกลับมาเสียในจังหวะปั่นขึ้นเขา ต้องเสียเวลาซ่อมจนต้องหลุดออกจากกลุ่มและถูกตัดออกจากการแข่งขันอย่างน่าเจ็บใจ”
“การให้ถูกออกจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนั้น เป็นสิ่งที่ค้างคาในจิตใจมาตลอด มีคำถามในหัวมากมายว่าทำไมมันต้องเกิดขึ้นกับเรา โชคชะตามันเล่นตลกอะไรกับเราอีก”
“แต่พอคิดเรื่องโชคชะตา มันทำให้เราชุกคิดได้ว่าโชคชะตามันเล่นตลกกับเรามาตลอดอยู่แล้ว ถ้าเรายอมแพ้ ชีวิตเราคงไม่เหลืออะไร แต่ถ้าเราสู้กับมันเราก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เหมือนที่ผ่านมา นั่นจึงทำให้ตนตัดสินใจกลับมาสู้ต่ออีกครั้ง”
จากนั้นจุฑาธิป มณีพันธุ์กลับมาตั้งเป้าหมายกับตัวเองอีกครั้งว่าจะต้องกลับมาพิชิตเส้นชัยในโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ ก่อนที่ตนเองต้องเลิกปั่นจักรยาน ซึ่งนั่นทำให้เธอมุ่งมั่นทำผลงานจนสามารรถคว้าโควตาไปลุยโอลิมปิกเกมส์ได้เป็นหนที่ 3 ติดต่อกัน
“ในโอลิมเกมส์หนนี้ เป้าหมายของเราคงไม่ใช่การคว้าเหรียญรางวัล เพราะหากจะบอกว่าเรามีลุ้นเหรียญรางวัลมันคงเกินความจริงไปหน่อย เพราะการเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ 2 ครั้งที่ผ่านมา เรายังไม่สามารถก้าวผ่านเข้าว่าเส้นชัยไปได้เลยสักครั้ง”
“แน่นอนเป้าหมายในครั้งนี้ อย่างแรกต้องพิชิตเส้นชัยให้ได้ ถึงแม้การเข้าเส้นชัยอาจไม่ใช่ที่สุดสำหรับเราก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการคิดหาวิธีว่าเราจะเอาชนะตัวเองได้อย่างไรมากกว่า ณ เวลานี้เรารู้ดีตัวเองดีว่าพร้อมแค่ไหนกับโอกาสที่จะพิชิตฝันที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้”
จุฑาธิป กล่าวต่อว่า หากถามถึงเรื่องความพร้อมของตนเองในเวลานี้ ยอมรับเลยว่าโอลิมเกมส์หนนี้อาจจะเป็นโอลิมที่ตนมีความพร้อมน้อยที่สุด เพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องเจอปัญหาอุปสรรคระหว่างฝึกซ้อมมากมาย ไม่สามารถไปปั่นบนถนนจริงได้ ต้องฝึกซ้อมอยู่กับการปั่นผ่านโปรแกรมฝึกเสมือนจริงจากคอมพิวเตอร์ แต่บรรยากาศมันแตกต่างจากของจริงอยู่ดี
“ตลอดช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่มีการแข่งขันเลย มีเพียงแค่รายการในประเทศไทย ซึ่งเราก็ไม่ได้เจอคู่แข่งที่เก่งกว่าหรือเก่งพอที่ทำให้เราต้องไล่บี้ ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องปั่นแบบไหน ทำให้ในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้มันยากกว่าทุกครั้ง”
“นอกจากนี้เราต้องการที่จะศึกษาคู่แข่งและเส้นทางการแข่งขันให้มีความเข้าใจมากที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้ไปสัมผัสกับสนามแข่งขันจริงก็ตาม โตเกียวเกมส์หนนี้เส้นทางการแข่งขันจะมีระยะทาง 130 กิโลเมตร และแตกต่างจากการแข่งขันที่แล้วมาเป็นอย่างมาก”
“เพราะเส้นทางจะเป็นการปั่นทางไกลจริง ๆ ไม่ใช่เป็นการปั่นวนเหมือนที่ “ริโอเกมส์” ซึ่งมันเป็นเส้นทางที่ยากกว่าเป็นเท่าตัว จากการคำนวนน่าจะต้องใช้เวลาปั่นราว 4 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะไปเส้นชัยในโอลิมปิกหนนี้”
จุฑาธิป ยอมรับเลยว่า “โตเกียวเกมส์” หนนี้มันเป็นงานหินที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตนักปั่นสองล้อของตนเองเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีจากคำบอกเล่าเอ่ยมาทั้งหมดทำให้ต้องบอกว่า “โอลิมปิกเกมส์” หนนี้คือบทพิสูจน์ที่แท้จริงของ “จุฑาธิป มณีพันธุ์” ราชินีสองล้อเมืองไทย
แต่เธอจะพิชิตความฝันปั่นเข้าเส้นชัยในโอลิมปิกเกมส์ได้หรือไม่ ? เป็นเรื่องที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งนับจากนี้
TAG ที่เกี่ยวข้อง