31 พฤษภาคม 2564
"ขณะที่คิดว่าชีวิตกำลังลงตัว มองเห็นเส้นทางอนาคตชัดเจน ผมได้ตั้งสมาธิไปกับโอลิมปิกอย่างเต็มที่ ขณะที่ภรรยากำลังศึกษาเล่าเรียนและมีอาชีพรออยู่ข้างหน้า จากนั้นวันหนึ่งทุกอย่างก็พังลงในพริบตา"
สำหรับ มัทธีอัส สไตเนอร์ การคว้าเหรียญทอง ปักกิ่ง เกมส์ ปี 2008 ที่ถือเป็นจุดสูงสุดของชีวิตนักกีฬา อาจทำให้เขามีความสุข แต่ก็ทำให้เขารู้สึกเดียวดายในเวลาเดียวกัน เพราะแม้ ซูซานน์ ภรรยาของเขาจะอยู่บนเวทีตอนรับเหรียญรางวัล แต่เธออยู่ในสถานะรูปถ่ายและความทรงจำเท่านั้น เนื่องจากเธอเสียชีวิตเพียงไม่กี่เดือนก่อนถึงการแข่งขัน
ยกน้ำหนักชายรุ่น 105 กิโลกรัมขึ้นไปนั้น ถือเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดใน โอลิมปิก เกมส์ ดังนั้นคนที่คว้าเหรียญทองจึงได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพทั้งหมดที่สไตเนอร์แสดงออกมานั้นเทียบไม่ได้กับความแข็งแกร่งด้านจิตใจที่เขาเผยให้เห็นในเส้นทางสู่เหรียญทอง และหลังจากทำผลงานอันน่าทึ่ง นักยกเหล็กชาวเยอรมันก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ เพื่ออุทิศให้กับภรรยาของเขาที่อยู่บนสวรรค์
"ทุกครั้งก่อนการแข่งขัน เธอจะอยู่กับผมเสมอ" สไตเนอร์พูดถึงซูซานน์คนที่เขาให้สัญญาอยู่ข้างเตียงของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่ภรรยานอนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนในเดือนกรกฎาคมปี 2007
"ผมไม่ใช่คนที่เชื่อโชคลาง และไม่เชื่อในอำนาจลี้ลับ แต่หวังว่าเธอจะเห็นผมในวันนี้ ผมหวังไว้อย่างนั้น" สไตเนอร์ ที่อายุ 25 ปีในเวลานั้น พูดถึงช่วงเวลาที่เขายกเหล็กครั้งสุดท้าย ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าทึ่งที่สุดครั้งหนึ่งของโอลิมปิก
จาก ออสเตรีย ถึง เยอรมนี
สไตเนอร์ ลงแข่งโอลิมปิกในฐานะตัวแทนทีมชาติออสเตรียเมื่อปี 2004 แต่หลังจากมีปัญหากับสหพันธ์ยกน้ำหนักของประเทศ เขาก็ย้ายไปที่ประเทศเยอรมนีและแต่งงานกับผู้หญิงชื่อซูซานน์และรับสัญชาติเยอรมัน โดยหลังจากช่วงที่ยังลงแข่งไม่ได้เพราะรอการโอนสัญชาตินั้น สไตเนอร์ก็ไปเยี่ยมหลุมศพภรรยาทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองลงแข่งระดับนานาชาติได้อีกครั้ง
ความจริงแล้วชีวิตของสไตเนอร์ต้องเจอกับความยากลำบากมาตั้งแต่ก่อนข่าวร้ายเรื่องภรรยา เพราะตอนอายุได้ 18 ปี เขาก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานขั้นที่ 1 ซึ่งทำให้ชีวิตกลับตาลปัตร การฝึกซ้อมไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ทุกอย่างเกิดความเปลี่ยนแปลงและเขาต้องติดหล่มอยู่กับมัน
และสำหรับชายที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคมาอย่างโชกโชน ศึกชิงเหรียญทองที่ปักกิ่งในวันนั้นก็ดึงเอาความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาออกมาทั้งหมด
"สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือ ผมไม่ต้องรอให้ใครพลาด ผมแค่ต้องขึ้นไปบนเวทีแล้วจบงานด้วยตัวเอง ผมรู้สึกว่าตัวเองยกได้ทุกอย่างในวันนั้น"
สไตเนอร์ คว้าเหรียญทองด้วยน้ำหนักรวม 461 กิโลกรัม จากการยกครั้งสุดท้าย หลังจากมีปัญหาในการเรียกน้ำหนักก่อนหน้านั้น และยังเอาชนะ เยฟเกนี่ ชิกิเชฟ คู่แข่งจากรัสเซีย เพียง 1 กิโลกรัมอีกด้วย
ในช่วงของท่าสแนตช์ สไตเนอร์ยกได้แค่ 203 กิโลกรัม ซึ่งน้อยกว่าคู่แข่ง แต่จุดแข็งของเขาคือท่าคลีนแอนด์เจิร์ก อย่างไรก็ตามแม้โอกาสคว้าเหรียญจะสดใสแต่เหรียญทองดูท่าว่าจะเป็นเรื่องยาก หลังจากชิกิเชฟจบด้วยน้ำหนักรวม 460 กิโลกรัม โดยยกครั้งสุดท้ายได้ถึง 250 กิโลกรัม
เมื่อสถานการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ สไตเนอร์ก็รู้ดีว่าเขาต้องทำอะไร หลังจากพลาดในการยกหนแรก และเพิ่งจะทำน้ำหนักการันตีเหรียญในการยกหนที่สอง การเรียกเหล็กครั้งสุดท้ายคือการวัดว่าเหรียญทองจะอยู่ในมือเขาหรือไม่
สไตเนอร์ เรียกน้ำหนักไปถึง 258 กิโลกรัม มากกว่าสถิติดีที่สุดที่เขาเคยทำได้ถึง 12 กิโลกรัม แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นเพราะปาฏิหาริย์ หรือแค่ความมุ่งมั่นที่จะทำตามสัญญากับภรรยา สไตเนอร์ยกเหล็กขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ หลังจากนั้นเขาก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่
สไตเนอร์ เปลี่ยนความโศกเศร้าจากการสูญเสียภรรยา กลายเป็นแรงบันดาลใจที่จำเป็น เพื่อให้เขาทำตามสัญญากับซูซานน์คือการกลายเป็นเจ้าของเหรียญทองที่กรุงปักกิ่ง
"ผมแค่ต้องคว้าเหรียญทอง ผมมีโอกาสเป็นครั้งสุดท้าย ผมคิดถึงคำพูดของโค้ช แฟรงค์ แมนเต็ก ตอนที่เข้ามาประเทศเยอรมนีใหม่ ๆ เขาบอกว่านักกีฬาที่ดีที่สุดจะมีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่น พวกเขาลงแข่งมาหลายครั้ง แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้โอกาสครั้งเดียวตัดสินทุกอย่าง ในชีวิตนั้นเราจะได้โอกาสแค่ 2 หรือ 3 ครั้ง หรืออาจจะครั้งเดียว ดังนั้นเราต้องคว้ามันเอาไว้ นี่คือข้อแตกต่างระหว่างนักกีฬาที่ดีกับแชมเปี้ยน"
"มันรู้สึกเหมือนได้ปลดโซ่ตรวนออกจากตัว ก่อนจะรู้สึกถึงความกดดันที่ต้องเผชิญ ในท้ายที่สุดผมแค่รู้สึกขอบคุณกับโอกาสที่ได้กลายเป็นแชมป์โอลิมปิก นั่นคือความรู้สึกที่มีในตอนนั้น แต่ผมก็รู้สึกเดียวดาย และมันไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะผมอยากให้ภรรยามาอยู่ที่นั่นด้วย ผมแค่อยากแสดงให้โลกเห็นว่าผมไม่ได้ต้องการยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง"
ทั้งหมดคือความรู้สึกของ สไตเนอร์ ตอนที่เขาคว้าเหรียญทองเมื่อปี 2008 กับเหรียญทองที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของกีฬายกน้ำหนัก ขณะที่ สไตเนอร์ ก็ยกน้ำหนักของคำสัญญาออกจากบ่าของตัวเองเช่นกัน
TAG ที่เกี่ยวข้อง