7 พฤษภาคม 2567
หาก ไมเคิล เฟลป์ส คือนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน โอลิมปิก เกมส์ จากผลงาน 23 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง แล้วใครคือเจ้าของตำแหน่งเดิมก่อนที่ตำนานนักว่ายน้ำชาวอเมริกันจะโค่นบัลลังก์ได้สำเร็จ คำตอบนั้นคือ ลาริซ่า ลาตีนิน่า นักยิมนาสติกทีมสหภาพโซเวียต ช่วงปี 1956-1964 จากการที่เธอคว้าไปทั้งหมด 9 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง ในการลงแข่งโอลิมปิก 3 สมัย
ลาตีนิน่าลงแข่งในยุคที่อุปกรณ์ในกีฬายิมนาสติกส่วนใหญ่ทำจากไม้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นสำหรับแข่งฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ หรือคานทรงตัว ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย และส่งผลเสียต่อสภาพร่างกายในระยะยาว
แล้วอะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้สาวน้อยผู้เสียคุณพ่อไปเพราะภัยสงครามตั้งแต่ 9 ขวบ รวมทั้งต้องเปลี่ยนจากการเต้นบัลเลต์ที่รักมาเป็นยิมนาสติกประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ ติดตามได้ที่นี่
"ฉันรู้สึกขอบคุณคุณแม่อย่างมากที่เลี้ยงดูฉันให้เป็นคนที่ต้องการเป็นผู้ชนะอยู่เสมอ"
ลาตีนิน่า เกิดในเคอร์ซอน เมืองท่าของประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ปี 1934 โดยมีความฝันอยากจะเป็นนักเต้นบัลเลต์ แต่เมื่ออายุได้ 9 ขวบ พ่อของเธอก็ต้องเสียชีวิตในยุทธการสตาลินการ์ดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้แม่ต้องทำงานหลายอย่างเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว และหาเงินจ่ายค่าเรียนบัลเลต์ให้ลูกสาว
"แม่ของฉันต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวเพราะคุณพ่อเสียชีวิตในยุทธการสตาลินการ์ดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เธอก็ยังเลี้ยงดูฉันให้เป็นแบบนั้น"
"และในฐานะทีมรัสเซียแล้ว เรามักจะพูดถึงวิธีที่จะคว้าชัยชนะเพราะทุกคนคือเด็กจากชาติของผู้ชนะสงคราม"
ถึงแม้คุณแม่ของลาตีนิน่าต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาค่าเรียนบัลเลต์ให้ลูกสาว แต่ความฝันของเธอก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเจ้าของสตูดิโอสอนบัลเลต์ย้ายออกจากเมืองเคอร์ซอน ทำให้ต้องปิดกิจการ
ลาตีนิน่าในวัย 11 ปี ต้องการบางอย่างมาแทนที่ เพื่อตอบสนองพลังงานที่ล้นเหลือและความต้องการในการแข่งขัน เธอจึงหันหน้าเข้าสู่วงการยิมนาสติกเนื่องจากมองว่ามีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งเห็นได้จากท่วงท่าแบบบัลเลต์ที่เธอนำมาใช้ทุกครั้งที่ลงแข่งขัน และกลายเป็นเอกลักษณ์ของเธอจนถึงวันที่อำลาวงการ
5 ปีต่อมาหลังจากหันมาเล่นยิมนาสติก ลาตีนิน่าก็คว้าแชมป์ระดับประเทศในรุ่นนักเรียน ก่อนจะย้ายไปอยู่ในกรุงเคียฟเพื่อศึกษาต่อ และฝึกซ้อมอย่างจริงจังมากขึ้นภายใต้การชี้นำของ อเล็กซานเดอร์ มิชาคอฟ ผู้ปลุกปั้นให้ บอริส ชัคลิน คว้า 13 เหรียญโอลิมปิกจากยิมนาสติกชายให้สหภาพโซเวียต
ลาตีนิน่าลงแข่งระดับนานาชาติครั้งแรกเมื่ออายุได้ 19 ปี ในรายการชิงแชมป์โลกที่กรุงโรมปี 1954 โดยคว้าเหรียญทองประเภททีมได้สำเร็จ แต่รายการที่สร้างชื่อให้เธอคือโอลิมปิกที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียอีก 2 ปีต่อมา
ลาตีนิน่ากวาดไปถึง 6 เหรียญโดยได้ 4 เหรียญทองจากประเภททีม, บุคคลรวมอุปกรณ์, ม้ากระโดด และฟลอร์เอ็กซ์เซอร์ไซส์ 1 เหรียญเงินจากบาร์ต่างระดับ และ 1 เหรียญทองแดงจากประเภททีมอุปกรณ์เอ็กซ์เซอร์ไซส์
แต่ที่ฮือฮายิ่งกว่านั้นคือ ในปี 1958 ลาตีนิน่า คว้าแชมป์ได้ถึง 5 จาก 6 รายการในศึกชิงแชมป์โลก ขณะที่ตั้งท้องลูกคนแรก 4 เดือน
"ฉันไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายแตกต่างจากปกติ ฉันแค่ต้องการจะแข่งให้จบเพื่อจะได้บอกทุกคนว่าตัวเองตั้งครรภ์ ซึ่งแม้แต่โค้ชหรือเพื่อนสนิทที่สุดก็ไม่รู้เรื่องนี้"
ในโอลิมปิกปี 1960 ที่กรุงโรม ลาตีนิน่ากลับมาป้องกันแชมป์ได้ 3 จาก 4 รายการ (ประเภททีม, บุคคลรวมอุปกรณ์, ฟลอร์เอ็กซ์เซอร์ไซส์) บวกกับ 2 เหรียญเงินและ 1 เหรียญทองแดง ซึ่งแม้จะคว้าไปแล้ว 7 เหรียญทองโอลิมปิก แต่ความกระหายต่อความสำเร็จของเธอยังคงไม่จางหายไป
ลาตีนิน่าคว้าอีก 6 เหรียญจากศึกชิงแชมป์โลกที่กรุงปรากในปี 1962 แบ่งเป็น 3 เหรียญทอง 2 เหรียญเงินและ 1 เหรียญทองแดง ก่อนที่จะไปลงแข่งโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของตัวเองที่กรุงโตเกียวในปี 1964 ซึ่งเธอทิ้งทวนด้วยการคว้า 2 เหรียญทองจากประเภททีม และฟลอร์เอ็กซ์เซอร์ไซส์ 2 เหรียญเงินจากบุคคลรวมอุปกรณ์และม้ากระโดด บวกกับ 2 เหรียญทองแดงจากบาร์ต่างระดับและคานทรงตัว ทำให้ลาตีนิน่าได้ไปทั้งหมด 18 เหรียญโอลิมปิก กลายเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในขณะนั้น ก่อนที่ ไมเคิล เฟลป์ส จะแซงได้สำเร็จใน ลอนดอน เกมส์ ปี 2012
ความจริงแล้ว ลาตีนิน่าอยู่ที่ อควาติก เซ็นเตอร์ ในกรุงลอนดอน ตอนที่เฟลป์สก้าวข้ามเธอไปได้สำเร็จ พร้อมทั้งต้องการเป็นผู้มอบเหรียญรางวัลให้ด้วยตัวเอง แต่ถูกคณะกรรมการโอลิมปิกสากลปฏิเสธ
หลังจากคว้าอีก 5 เหรียญในศึกชิงแชมป์ยุโรปปี 1965 ลาตีนิน่าก็อำลาการแข่งขันหลังจบศึกชิงแชมป์โลกปี 1966 โดยได้เหรียญเงินจากประเภททีม ปิดฉากอาชีพกว่า 12 ปีในฐานะหนึ่งในนักยิมนาสติกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์
TAG ที่เกี่ยวข้อง