10 สิ่งที่ เอียน มิลลาร์ ได้เรียนรู้จากการแข่งโอลิมปิก 10 สมัย

เอียน มิลลาร์ ชื่อนี้คงไม่เป็นที่รู้จักนักสำหรับแฟนกีฬาบ้านเรา แต่หากบอกว่า นักกีฬาขี่ม้าสัญชาติแคนาดาผู้นี้คือเจ้าของสถิติลงแข่งโอลิมปิก เกมส์ มากที่สุดถึง 10 สมัย หลายคนคงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร ที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติได้เป็นเวลายาวนานถึง 40 ปี และลงแข่งครั้งสุดท้ายด้วยวัย 65 ปี

การจะยืนระยะยาวนานได้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องการรักษาฝีมือและสภาพร่างกายของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคงไว้ซึ่งความกระหายในชัยชนะ รวมทั้งต้องมีความรักในอาชีพของตัวเองอย่างที่สุด ซึ่งตลอดการลงแข่งโอลิมปิก ตั้งแต่ปี 1972 ที่นครมิวนิค ไปจนถึงปี 2012 ที่กรุงลอนดอน ตำนานที่ยังมีลมหายใจวัย 73 ปี รายนี้ ได้รับประสบการณ์อะไรมาบ้าง เชื่อได้เลยว่าต้องเป็นประโยชน์กับนักกีฬา(โดยเฉพาะกีฬาขี่ม้า) รวมทั้งผู้ชมอย่างเราๆ ท่านๆ มากมายมหาศาลเลยทีเดียว 

ลิ้มรสช่วงเวลาสุดพิเศษให้มากที่สุด

เมื่อมองย้อนกลับไปในอาชีพนักกีฬา มิลลาร์ เปิดเผยว่า เขาไม่ได้มีอะไรให้เสียใจมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเสียดายคือ เขาน่าจะใช้เวลาในการซึมซับช่วงสำคัญในชีวิตให้มากกว่านี้ เพราะในการแข่งขันเพียงไม่กี่นาที ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่มันก็มีช่วงเวลาที่เป็นจังหวะสโลว์โมชันเช่นกัน ซึ่งแม้รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านั้นจะกลายเป็นความทรงจำสีจางๆ ของเขา แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ในการปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองล่องลอยไปกับช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ

เรียนรู้จากการสำรวจสิ่งรอบตัว

เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกปี 2008 ให้คำแนะนำว่า ทุกอย่างที่มองเห็นและเรียนรู้ได้คือสิ่งที่เราควรจะทำ ในช่วงเริ่มต้นอาชีพของเขาก็อาศัยการเรียนรู้ด้วยวิธีนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะคงไม่มีใครเอามาป้อนใส่ปากให้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าคุณไม่สามารถเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ได้ คุณก็จะไม่มีวันเรียนรู้อะไรเลย

ทำตัวเป็นนักเรียนของโลกกีฬาอยู่เสมอ

เมื่อคิดถึงการเป็นนักเรียนกีฬา มันดูเหมือนกับใครบางคนที่ต้องการจะเรียนรู้และต้องการทำผลงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งที่ต้องทำคือตัดเรื่องอารมณ์ความรู้สึกออกไป แล้วใส่ใจแค่เรื่องการเรียนรู้ เหมือนอย่างตัวเขาที่ไม่หยุดทำตัวเป็นนักเรียน แม้จะผ่านการแข่งขันโอลิมปิกมาแล้วก็ตาม

ไม่มีใครดีเกินไปสำหรับการฝึกซ้อมและการฝึกพื้นฐาน

พวกนักกีฬาระดับแนวหน้า อาจจะดูมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนเริ่มต้นจากพื้นฐาน เหมือนทุกครั้งที่เขาขี่ม้า เขาก็จะเช็กให้แน่ใจว่าตัวเองทำตามหลักพื้นฐานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งนั่นคือรากฐานของการเป็นนักขี่ม้าที่มีความสามารถและมีประสิทธิภาพ

ความสำเร็จมาจากความตั้งใจไม่ใช่แค่ความสามารถ

การประสบความสำเร็จในระดับสูงนั้น ไม่ได้มาจากแค่เรื่องความสามารถหรือโชค เพราะการฝึกซ้อมอย่างตั้งใจช่วยขจัดความกังวลระหว่างแข่งขันได้ เราไม่ได้ซ้อมจนกว่าจะทำถูก แต่เราซ้อมจนกว่าจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ทำผิดพลาด มันเป็นเรื่องของความตั้งใจในการฝึกซ้อมและการทำงานหนักนี้ช่วยสร้างความสำเร็จ

อย่ากลัวที่จะล้มเหลว

บางครั้งผู้คนไม่กล้าทำบางสิ่งเพราะพวกเขากลัวที่จะล้มเหลว แต่สำหรับตัวเขาไม่เคยมีเรื่องแบบนั้น แน่นอนว่าการลองเสี่ยงทำอะไรบางอย่างย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย แต่เขายอมถูกสาปดีกว่าที่จะไม่กล้าทำตามความตั้งใจของตัวเอง

ประสบการณ์ช่วยคุณได้

เขาล้มเหลวมาหลายครั้งในอาชีพ แต่เขาก็เรียนรู้จากมัน ทำให้ไม่เคยก่อความผิดพลาดซ้ำสอง เขาทำตัวเป็นนักเรียนอยู่เสมอ และเชื่อมั่นในการพัฒนาตัวเอง ซึ่งเมื่อเห็นคนอื่นทำได้ดีกว่า เขาก็จะพยายามเปลี่ยนนิสัยหรือความเคยชินของตัวเองเพื่อให้กลายเป็นผู้ชนะในครั้งต่อไป

ความสัมพันธ์กับม้าคือทุกสิ่ง

ต้องพิจารณาจากการที่ สมองของม้าสั่งการไปที่ปากของมัน และปากของมันก็เชื่อมต่อมาที่มือของเขา (ผ่านบังเหียน) ส่วนมือของเขาก็เชื่อมต่อไปที่สมองของเขา การเชื่อมต่อระหว่างสมองหนึ่งไปอีกสมองหนึ่งเกิดขึ้นผ่านทางนั้น และเมื่อลงแข่งไปด้วยกันช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็จะสามารถอ่านความคิดของอีกฝ่ายได้เหมือนเขากับ บิ๊กเบน (ม้าที่มิลลาร์ใช้แข่งในโอลิมปิกปี 1984-1992) เรารู้จักกันและกันเป็นอย่างดี เรารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร นั่นคือความสัมพันธ์ที่แท้จริง

หาเพื่อนร่วมทีมที่ดี

การมีทีมที่ดีที่สุดอยู่เคียงข้าง คือสิ่งที่ฉลาดที่สุดที่คุณทำได้ คุณควรไปอยู่กับเหล่าคนที่เก่งกาจกว่าตัวเอง คุณต้องมีตัวช่วยที่ดีเพื่อประสบความสำเร็จ เหมือนอย่างในอเมริกันฟุตบอลที่ ควอเตอร์แบ็ก จะรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยเมื่ออยู่ในพ็อกเก็ต เพราะรู้ว่าจะมีเพื่อนร่วมทีมคอยปกป้อง นักขี่ม้าก็เช่นกัน เมื่อลงสู่สนามแล้วพวกเขาก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองได้รับการปกป้องเช่นกัน

เมื่อถึงเวลาแข่ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับม้าล้วนๆ

นี่คือเรื่องจริงในการใช้ชีวิตกับม้า มันไม่ใช่แค่ชีวิตของการขี่ม้า มันเป็นการใช้ชีวิตกับม้า และชีวิตของการเป็นนักกีฬา ซึ่งเขามักบอกกับทุกคนให้ไปหาม้ามาเป็นของตัวเอง