7 เมษายน 2564
ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว คงไม่มีใครคาดคิดว่า เคธี่ เลเด็คกี้ นักว่ายน้ำสาวน้อยชาวอเมริกันวัยเพียง 15 ปี 4 เดือน จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองโอลิมปิกจากการแข่งขันฟรีสไตล์ 800 เมตรได้สำเร็จ
หลังจากวันนั้น เลเด็คกี้ พิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่าสิ่งที่เธอทำได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อเดินหน้าทุบสถิติโลกอย่างต่อเนื่องถึง 14 หน คว้าแชมป์โลก 15 สมัย รวมทั้งได้อีก 4 เหรียญทองในการแข่งโอลิมปิกที่ ริโอ เดอ จาเนโร ปี 2016 ซึ่งเป็นการกวาด 3 แชมป์ฟรีสไตล์ระยะ 200, 400 และ 800 เมตรอีกด้วย
ปัจจุบันในวัย 24 ปี เลเด็คกี้ กำลังจะลงแข่งโอลิมปิกเป็นหนที่ 3 ในชีวิต และมีโอกาสที่เธอจะกลายเป็นนักว่ายน้ำหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม เงือกสาวชาวอเมริกันยอมรับว่า การจะไปถึงจุดนั้นได้เธอต้องก้าวข้ามคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต นั่นก็คือตัวเธอเอง
อะไรคือเคล็ดลับความยอดเยี่ยมของเลเด็คกี้ และทำไมเธอถึงคิดว่าตัวเองคือคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุด ติดตามได้ที่นี่
เคล็ดลับที่ไม่ใช่ความลับ
สิ่งที่เจ๋งที่สุดของยอดเงือกสาวชาวอเมริกันจอมทำลายสถิติคือ ไม่มีอะไรเป็นความลับในความเก่งกาจของเธอ เลเด็คกี้ ไม่ได้เป็นยอดมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษแตกต่างจากคนทั่ว ๆ ไป เธอแค่เป็นคนธรรมดาที่ทำในสิ่งที่ไม่ธรรมดาได้เท่านั้น
เลเด็คกี้แค่ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน และหาหนทางเพื่อไปให้ถึงจุดนั้นอย่างไม่ลดละ
"ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ฉันจะเขียนเป้าหมายของตัวเอง และทำงานหนักเพื่อสิ่งนั้น ซึ่งเหมือนสิ่งที่ฉันทำอยู่ในตอนนี้"
คำพูดของเลเด็คกี้อาจจะดูเหมือนง่าย แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น ต้องใช้การเสียสละและความมุ่งมั่นทุ่มเทระดับเหนือมนุษย์
เธอต้องว่ายน้ำวันละ 10,000 เมตรทุกวัน ต้องอยู่ในสระวันละ 6 ชั่วโมง รวมทั้งต้องพุ่งสมาธิไปที่เป้าหมายและสิ่งที่จะทำให้เธอประสบความสำเร็จ
จากนั้นก็เป็นเรื่องของการวิเคราะห์, การโค้ช, การรับฟัง, การพัฒนา และการปรับเทคนิคเพื่อลดเวลาให้ได้แม้เพียงสักเสี้ยววินาที รวมทั้งการทำให้ทุกอย่างนี้ดูเป็นเรื่องสนุก
"สิ่งหนึ่งที่ผู้คนไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับกีฬาว่ายน้ำคือ สิ่งที่คุณทุ่มเทในการฝึกซ้อมมันจะแสดงผลออกมาในการแข่งขัน"
ไฟแรงมาตั้งแต่ 6 ขวบ
บรูซ เจมเมล โค้ชของ เลเด็คกี้ เปิดเผยว่าความมุ่งมั่นของเงือกสาวรายนี้มีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งอธิบายตัวตนที่เธอเป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน
เรื่องราวมีขึ้นในปี 2003 ขณะที่ เลเด็คกี้ มีอายุ 6 ขวบ เธอได้ลงแข่งเป็นหนแรกในชีวิต โดยหนูน้อยเลเด็คกี้หยุดพักหลายครั้งแต่เธอยังสู้ต่อไปก่อนจบการแข่งขันได้สำเร็จ
เดวิด พ่อของเธอบันทึกทุกอย่างไว้ด้วยกล้องวิดีโอ พร้อมสัมภาษณ์ลูกสาวหลังจบการแข่ง โดยไม่รู้ว่าในอนาคตเธอจะกลายเป็นนักกีฬาโอลิมปิกที่ห้อมล้อมไปด้วยนักข่าวจริง ๆ
"บอกหน่อยครับว่าการแข่งครั้งแรกของคุณเป็นยังไงบ้าง" พ่อของเลเด็คกี้ถามลูกสาววัย 6 ขวบ
"มันเยี่ยมไปเลยค่ะ" เลเด็คกี้ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง "แล้วมันก็ยากด้วย"
18 ปีต่อมา เลเด็คกี้ยังคงไม่ต่างไปจากอดีตที่ความสุขไม่ได้มาจากแค่การได้ชัยชนะ แต่ยังมาจากการทำงานหนักและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
"ความแข็งแกร่งของเธอไมได้มาจากเรื่องกายภาพ และไม่ได้เป็นเรื่องทางเทคนิคใด ๆ" เจมเมล อธิบาย
"แต่มันคือความมุ่งมาดปรารถนาที่จะทำในสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ตัวเองดียิ่งขึ้น"
ทำซ้ำจนกว่าจะทำได้
"มีวันที่เลเด็คกี้ พ่ายแพ้อย่างย่อยยับเช่นกัน" เจมเมล เผย "เธอล้มเหลวในการฝึกซ้อมมากกว่าใครในกลุ่มเดียวกัน เพราะเธอจะเริ่มด้วยความคิดที่ว่า 'นี่มันความเร็วที่ฉันจะใช้ในการแข่ง ดังนั้นฉันต้องทำมันซ้ำ ๆ ในการฝึกซ้อมจนกว่าจะทำได้'"
"จากนั้นเธอก็จะว่ายซ้ำ ๆ จนหมดแรง ก่อนกลับมาทำมันอีกครั้งในวันถัดไป และในวันที่ 3 เธอก็จะทำสถิตินั้นได้สำเร็จ ซึ่งเลเด็คกี้ทำแบบนี้ตั้งแต่วันที่ผมเจอเธอวันแรก"
เลเด็คกี้พิชิตการแข่งระยะไกลเพราะเธอไม่ได้ว่ายเหมือนกับนักว่ายน้ำระยะไกลคนอื่น ๆ เธอคิดแบบนักว่ายน้ำระยะสั้นนั่นคือการระเบิดพลังตั้งแต่การออกตัว ทำให้เธอขึ้นนำตั้งก่อนที่ตัวจะโดนน้ำด้วยซ้ำ
สำหรับนักว่ายน้ำระยะไกลคนอื่น ๆ นั้น จะควบคุมความเร็วของตัวเอง เพื่อไม่ให้เหนื่อยล้าในช่วงท้ายการแข่งขัน ผิดกับเลเด็คกี้ที่ต้องการชนะคู่แข่งด้วยช่องว่างห่างราว 10-15 เมตรอยู่เสมอ และเธอทำแบบนั้นได้จริง ๆ
ในวันแข่งนั้น เลเด็คกี้ใส่ใจเพียงรักษา "ความเร็วระดับที่ใช้แข่ง" ของตัวเอง หรือระดับการดึงสโตรก และจังหวะระหว่างการฝึกซ้อมที่ทำให้เธอมองเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันเพื่อให้ความสามารถของตัวเองเฉียบคมอยู่เสมอ เลเด็คกี้จะใช้เวลาว่างแข่งกับนักว่ายน้ำชาย และเอาชนะได้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการท้าทายตัวเองในแต่ละวัน
ผลลัพธ์ที่ออกมาในการแข่งขันอธิบายความยอดเยี่ยมของเธอทั้งหมด บางครั้งเธอก็นำหน้าคู่แข่งมากจนเหมือนว่ายอยู่คนเดียว และจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
ผู้ท้าชิง
เงือกสาวอัจฉริยะที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกหนแรกในวัย 15 ปีจากการแข่งที่กรุงลอนดอนปี 2012 ตื่นตัวกว่าใครถึงคู่แข่งที่เธออาจจะเจอในโตเกียว 2020
ย้อนไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว สาวน้อยเลเด็คกี้หยุดความฝันคว้าเหรียญทองในบ้านเกิดของ รีเบ็คก้า แอดลิงตัน ที่เป็นแชมป์เก่าจากกรุงปักกิ่ง และเจ้าของสถิติโลก ณ ขณะนั้นได้สำเร็จ
นับตั้งแต่นั้น เลเด็คกี้ก็กลายเป็นราชินีไร้เทียมทานในการแข่งระยะไกล รวมทั้งเป็นเจ้าแห่งท่าฟรีสไตล์ ซึ่งนอกจากจะคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในระยะ 200, 400 และ 800 เมตร, ผลัด 4x100 เมตร และ 4x200 เมตร แล้ว เธอยังเคยได้แชมป์โลกทั้ง 5 ประเภทบวกด้วยระยะ 1,500 เมตร ขณะเดียวกัน เลเด็คกี้ยังไม่เคยแพ้ใครในการแข่งฟรีสไตล์ระยะ 800 เมตรอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา คู่แข่งของเธอก็แสดงตัวออกมาเรื่อย ๆ
ในชิงแชมป์โลกปี 2017 เลเด็คกี้ ได้เพียงเหรียญเงินในการแข่ง 200 เมตร หลังจากแพ้ เฟเดริก้า เปเยกรินี่ จาก อิตาลี ซึ่งดับฝันเลเด็คกี้ในการเหมาเหรียญทองระยะไกล 2 สมัยติด
ส่วนในประเภท 800 เมตรก็มี หวัง เจี้ยนเจียเหอ ดาวรุ่งวัย 18 ปีจากจีน ซึ่งเป็นนักว่ายน้ำคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ทำสถิติได้ต่ำกว่า 8 นาที 15 วินาที หลังคว้าแชมป์ของประเทศด้วยเวลา 8:14.64 นาที
"ฉันรู้ดีว่าคนอื่น ๆ ทั่วโลกทำอะไรกันบ้าง" เลเด็คกี้ พูดถึงคู่แข่งของตัวเอง
สำหรับ ออสเตรเลีย ก็มีนักกีฬาที่เตรียมเป็นผู้ท้าชิงของเลเด็คกี้เช่นกัน นั่นคือ อาริอาร์เน่ ทิตมัส วัย 18 ปี และ เอ็มม่า แม็คคีออน วัย 25 ปี ในระยะ 200 เมตร และ 400 เมตร
แต่จากการที่ ฟรีสไตล์ 1,500 เมตรหญิง จะมีการจัดแข่งในโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ทำให้เลเด็คกี้มีโอกาสลุ้นทองถึง 6 เหรียญ นั่นคือ 4 รายการบุคคล และ 2 รายการผลัด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป้าหมายของเธอคือการคว้ามันให้ได้ทั้งหมด
ถ้างั้นอะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเป็น เคธี่ เลเด็คกี้?
นั่นก็คือการเอาชนะ เคธี่ เลเด็คกี้ หรือการเอาชนะความสำเร็จที่เธอเคยทำเอาไว้นั่นเอง
"ฉันอยากบอกทุกคนให้ตั้งเป้าหมายสูงเข้าไว้ เอาให้ถึงระดับที่คุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ จากนั้นคุณก็ทุ่มเทเพื่อสิ่งนั้นในทุก ๆ วัน แล้วมันจะเป็นไปได้ ดังนั้นอย่าหยุดทำงานหนักและอย่าหยุดไล่ตามความฝันของตัวเอง"
TAG ที่เกี่ยวข้อง