stadium

ทวี อัมพรมหา “เหรียญโอลิมปิกทำให้ผมดูหล่อกว่า วิลลี่ แม็คอินทอช”

24 เมษายน 2567

“ขาวผ่อง สิทธิชูชัย” หรือ ชื่อจริงว่า ทวี อัมพรมหา เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502 ที่ตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เป็นบุตรของนายสง่า - นางถวิล อัมพรมหา เข้าสู่วงการมวยเมื่อปี 2514 เนื่องจากพ่อสง่า เป็นคนที่ชอบกีฬามวยมาก และปลูกฝังเชิงมวยให้ตั้งแต่เด็ก แต่พ่อมาด่วนจากไปตั้งแต่ ทวี เพิ่งอยู่ป. 4 เมื่อขาดเสาหลัก ความเป็นอยู่ในบ้านที่มีแม่และลูกอีก 6 คนเริ่มขัดสน หาเลี้ยงชีวิตด้วย การทำสวนเล็กๆ ครอบครัวไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อเสื้อนักเรียนใหม่ ขาวผ่อง ต้องใส่เสื้อขาดๆไปโรงเรียน เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต และมีมวยกีฬาที่พ่อเคยฝังไว้ในสายเลือดเป็นสะพาน

 

 

ในวัย 13 ปี เริ่มต้นชกมวยไทยในชื่อ ทวีศักดิ์ ลูก ฝ.ล. ตามชื่อบ้าน ฝากลิง เหมือนฟ้าจะช่วยเพราะคู่ชก “ชาญฤทธิ์ ศิษย์ปั้มจุลชัย” ชั้นเชิงมวยอาจจะเป็นรอง แต่ร่างกายของ ทวี ดีกว่า เหวี่ยงกันไปมาสุดท้ายคู่ชกเป็นลม ทำให้เส้นทางการชกเริ่มต้นอย่างสวยงาม เพิ่มความมั่นใจในการเป็นนักมวย และได้เงินจากการชกมา 90 บาท ให้แม่ 70 บาท ส่วนอีก 20 บาทเก็บไว้เอง เที่ยวงานวัด แต่ก็ไม่ได้ใช้อะไรสักทีเพราะเสียดายเงิน

 

“คุณหมอประเสริฐ ซุ่นหลี” ครูมวย และ หัวหน้าคณะคนแรกไปบวช ทำให้ต้องไปฝากฝังไว้กับค่าย สิทธิชูชัยของ “ครูชีพ” ชูชีพ ชัยมงคล และได้ชื่อใหม่ “ขาวผ่อง สิทธิชูชัย” ที่มาจากนักมวยคนอื่นตัวดำยังชื่อ “ขาวนวล สิงห์บางแสน” ครูชีพเลยตั้งชื่อว่า ขาวผ่อง เอาบ้าง “ขาวผ่อง” ไม่ได้ชอบชื่อนี้เลย

 

ผลงานบนเวทีเอาเรื่อง ดุดัน 20 ไฟต์ น็อก 19 ไฟต์ ชนะแต้มอีก 1 กลายเป็นมวยดาวรุ่งของระยอง ปี 2517 ขึ้นชกในไฟต์เดิมพันข้างละ 2 แสนบาท ก่อนก้าวไปอยู่เมืองกรุง มีชื่อติดท็อป 10 เวทีมวยลุมพินี ทั้งที่ไม่เคยเข้าชกในกรุงเทพเลย แต่หนแรกกับ สิงห์ศึก ส.รูปสวย นั้น ขาวผ่อง ประเดิมด้วยความพ่ายแพ้ เพราะต้องเดินทางไป-กลับกรุงเทพระยอง ร่างกายอ่อนล้าเกินไป พอตั้งหลักได้ก็เริ่มฉายแวว ได้แชมป์เวทีมวยลุมพินีเมื่อปี 2521 และได้เป็นรองแชมป์เวที มวยราชดำเนิน เริ่มมีเงินทองเข้ามา แต่ก็รีบเอากลับไปช่วยที่บ้าน โดยเฉพาะการปรับปรุง บ้านที่ซอมซ่อให้แข็งแรงมั่นคง แต่ก็เริ่มอิ่มตัวในเชิงมวยไทยและอยากไปสู่ระดับโลกมากขึ้น บ้านอยู่ระยอง เห็นเครื่องบินที่อู่ตะเภาบ่อยๆ จึงอยากนั่งเครื่องบินบ้าง แต่อยากนั่งแบบมีธงไตรรงค์ติดหน้าอกในนามทีมชาติ 

 



ขาวผ่อง อายุย่าง 25 ปี ถอดแองเกิ้ลหลังชนะ คลองศักดิ์ ศักดิ์เกษตร แต่รู้ตัวว่าไม่เหมาะกับมวยไทยอีกแล้ว เพราะเตะคู่ชกแต่ดันเจ็บแข้งเอง อยากเตะหัวคู่ชกก็ยกขาไม่ขึ้น ขาวผ่อง เดินหน้าเข้าสู่มวยสากลในรายการชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 7 ในนามทีมโอสถสภา ได้เหรียญเงิน แต่หลังจากนั้นฟาดแชมป์ 3 สมัยซ้อน ได้สิทธิไปแข่งชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้ขึ้นเครื่องบินสมใจ ได้แชมป์ซีเกมส์ที่สิงคโปร์, แชมป์มวยอาเซียน อินวิเตชั่น รองแชมป์มวย เวิลด์ คัพ, ได้แชมป์มวยทหารโลก (จากการเป็นทหารพราน 15 วัน) 

 

แต่วงการมวยในสมัยนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ขาวผ่องไม่ได้เป็นที่รักของสมาคมมากนัก เขาถูกปรามาสว่าไม่สามารถสู้ฝรั่งได้ จึงกลายเป็นตัวเลือกเบอร์ 2 เกิดอาการน้อยใจและกลับไปบ้านเกิดที่ระยอง และเตรียมจะบวชอยู่แล้ว 10 วันผ่านไป มีโทรเลขส่งถึงบ้าน ข้อความว่า “ขาวผ่องกลับกรุงเทพด่วนไปโอลิมปิก” ลงชื่อ ร.ท.ไฉน ผ่องสุภา 

 

 

ร.ท.ไฉน ไปไฟต์กับวงในมาแล้ว เพื่อเอาขาวผ่องที่ดีที่สุดในเวลานั้นเป็นตัวแทนทีมชาติไป โอลิมปิกเกมส์ที่ ลอสแองเจลิส, สหรัฐอเมริกาในปี 1984 รอบแรกในพิกัด ไลต์เวลเตอร์เวต 63 ก.ก. ขาวผ่อง เอาชนะ จาสลัล ปราดัน จากอินเดีย 5-0 รอบสอง ชนะ ชาร์ล โอวิโซ่ จากเคนยา 3-2 ว่ากันว่า ขาวผ่อง สู้ไม่ได้เดินกลับมุมและบอกกับโค้ชว่า คลุกวงในตามแผนไม่ได้ เพราะกลิ่นตัวแรง สต๊าฟเลยจับขาวผ่องอาบน้ำมันมวยแก้ทาง รอบสาม ชนะ เดวิด กรีฟฟิธ จากสหราชอาณาจักร 4-1 ทะยานเข้าสู้รอบ 8 คนสุดท้าย ชนะ ฮอร์เกน เมย์โซเนต จากเปอร์โตริโก 5-0 การันตีเหรียญที่สอง ต่อจากพเยาว์ พูนธรัตน์ แน่นอนแล้ว รอบรองฯ เอาชนะ เมอร์เซีย ฟัลเกอร์ จากโรมาเนีย 5-0 

 

จากนักชกที่ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวประกอบ ทะยานเข้าสู่รอบชิงฯเจอกับกระดูกชิ้นโต “นักชกเจ้าภาพ” เจอร์รี่ เพจ จากสหรัฐ ก่อนพ่ายไป 0-5 แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ ขาวผ่อง กลายเป็นฮีโร่คนใหม่ของประเทศไทยในเวลานั้น แน่นอนว่าขาวผ่องกลับสุ่มาตุภูมิเยี่ยงวีรบุรุษ ได้เป็นพระเอกหนัง “ขาว ผ่องเจ้าสังเวียน” เดินสายรับรางวัลมากมาย ถึงเงินอัดฉีดสมัยก่อนจะไม่เยอะเท่านี้ แต่ขาวผ่องได้เงิน 1 ล้าน บ้านอีกหนึ่งหลัง ขาวผ่อง เอาเงินไปซื้อรถซีตรอง บีเอ็กซ์ 16 คันแรกของประเทศไทยตัวโชว์จากยนตรกิจ มา 3.7 แสนบาท มาขับด้วยเงินสด
 


 

“เหรียญที่ได้เหมือนเหรียญวิเศษ ที่เปลี่ยนชีวิตผมไปเลย วันนั้น วิลลี่ แม็คอินทอช คงสู้ผมไม่ได้ ตอนนั้นอยากได้อะไรก็ได้หมด” ชีวิตเสเพลทีเดียวตลอด 5 ปี ทั้งเหล้า บุหรี่ การพนัน จนมาพลิกผันเมื่อร่ำสุราจนเมามายและถูกขโมยเงินไปหลายพัน จึงคิดได้ว่าใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ก่อนจะกลับตัวกลับใจ เมื่อเข้าทำงานที่บ.โอสถสภา และได้รับความไว้วางใจเป็นผู้ช่วยผู้จัดการกองกิจกรรมกีฬา ดูเรื่องของฟุตบอล “พลังเอ็ม” โอสถสภา ลงแข่งขันในฟุตบอลไทยลีกหลายฤดูกาล ปัจจุบันผลักดันชมรมลูกหลานนายขนมต้มช่วยเหลือนักมวยเก่าที่ลำบากในต่างจังหวัด

 


stadium

author

StadiumTH Team Content

StadiumTH Content Creator

100 day to go olympic 2024
stadium olympic