5 มีนาคม 2564
27:17.14 น. เป็นเวลาสถิติที่ คีริน ตันติเวทย์ ทำได้ในการแข่งขันวิ่งระยะ 10,000 ม. ผ่านเกณฑ์คัดเลือกโอลิมปิก (27:28 น.) ส่งผลให้เขากลายเป็นนักกีฬาไทยคนที่ 18 ที่ได้เข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และเป็นนักวิ่งไทยคนแรกในโอลิมปิกหนนี้
เจ้าของฉายา “One Shoe, No Problem” เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยในช่วงปลายปี 2019 เขาได้ฝากความประทับใจไว้ในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งล่าสุดที่คว้ามาได้ 2 เหรียญทอง ซึ่งในการแข่งขันครั้งนั้นดันตรงกับตารางสอบของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดพอดี แต่เจ้าตัวได้แสดงสปิริตขอเลื่อนการสอบ ทำให้ไม่ได้อยู่รับเหรียญรางวัลหลังจากที่เขาวิ่งเข้าเส้นชัยรายการสุดท้าย เนื่องจากต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปสอบต่อทันทีที่นิวยอร์ค
ปัจจุบัน คีริน เป็นนักวิ่งอาชีพสังกัดอยู่กับทีม Bowerman Track Club ซ้อมอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งระหว่างที่เรากำลังติดต่อขอสัมภาษณ์เจ้าตัวข้ามทวีป วันนี้เราขออนุญาตแปลบทสัมภาษณ์ของคีริน ในฐานะนักวิ่งอาชีพแบบเต็มตัวและเป้าหมายต่อไปหลังจากได้โควตาโอลิมปิกครั้งแรกในชีวิต
27:17.14 น. คุณคาดหวังว่าเวลาของคุณจะดีขนาดนี้หรือเปล่า ?
ไม่เลย ตอนแรกผมคิดว่าเวลาน่าจะอยู่ที่ 27:30 นาที แต่จากสถิติที่ออกมาก็ถือว่าเซอร์ไพร์สเล็กน้อย แต่ก็เป็นเซอร์ไพร์สที่ดี เพราะที่ผ่านมาผมฝึกซ้อมแบบไม่หยุดพักเลยตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง
อะไรที่ทำให้คุณพัฒนาขึ้น ?
ผมคิดว่าการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีอาการบาดเจ็บนั้นช่วยให้คุณมีความฟิตมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเรื่องของการเว้นจังหวะและลงแข่งขันในสภาพที่สมบูรณ์ทำให้ผลลัพธ์ออกมาคุ้มค่า ส่วนสุดท้ายผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะรองเท้า ทุกคนบอกว่ารองเท้าช่วยพวกเขาได้มาก ถึงแม้ยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก
คุณมาซ้อมอยู่กับ Bowerman Track Club ที่พอร์ตแลนด์ ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ผมมาที่นี่ตั้งแต่เดือนกันยายน เริ่มฝึกซ้อมกับพวกเขาในเดือนตุลาคม
เรื่องปรับตัวเป็นอย่างไรบ้าง?
ทุกอย่างราบรื่นมาก ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดี และช่วยให้ผมปรับตัวได้ง่ายขึ้น ขณะที่การฝึกซ้อมมีความคล้ายกันกับสมัยที่ผมอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ที่นี่มีความเข้มข้นมากกว่า ซ้อมหนักกว่า ทำให้ผมต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่นานพอสมควรกว่าที่ร่างกายจะคุ้นเคย ทุกสัปดาห์ผมต้องทำงานหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้มีสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์
อาชีพของคุณก้าวหน้าขึ้นจากสมัยอยู่กับ Harvard ได้อย่างไร ?
ผมรู้สึกว่าสถานะของตัวเองมั่นคงพอแล้ว ผมมีปัญหาบางอย่างที่นี่ (Bowerman Track Club) และที่นั่น (Harvard) ซึ่งทำให้ไม่สามารถลงซ้อมได้ในแบบที่ต้องการ แต่โดยรวมแล้วมันก็ค่อนข้างดี ผมผ่อนคลายมากขึ้นตอนใกล้จะย้ายออกมา ทำให้มีเวลาดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ทำไมคุณถึงตัดสินใจย้ายมาร่วมกับ Bowerman Track Club มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
ตอนแรกผมคิดว่าจะได้ย้ายมาอยู่กับทีมในเดือนมีนาคมหรือเมษายน หลังจากที่ผมได้คุยกับ Jerry Schumacher และ Tom Ratcliffe ทางโทรศัพท์ ผมก็รู้ทันทีว่านั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะทำอย่างแน่นอน โค้ชทุกคนที่ผมมีโอกาสคุยด้วยต่างก็พูดถึงแต่เรื่องดี ๆ เกี่ยวกับ เจอร์รี่ และทีมงาน เพื่อนร่วมทีมที่นี่ก็ใจดีเช่นกัน
ทัศนคติของ Jerry Schumacher ในการฝึกสอนเป็นอย่างไร?
เจอรี่ เป็นคนทีมีความรู้มากมาย เขารู้ดีว่าเราต้องทำอะไรบ้างในแต่ละช่วงเวลา เขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ควรจะรั้งผมไว้ เมื่อไหร่จะบอกให้ผมไปซ้อม เขาไม่ใช่พวกที่แหกปากหรือตะโกนใส่คุณเพราะความเข้มงวด แต่เป็นเพื่อการกระตุ้นให้คุณไปถึงเป้าหมาย
คุณรักษาความสมดุลระหว่างการเรียนและกีฬาในช่วงปีที่ผ่านมาได้อย่างไร?
การเรียนที่ ฮาร์วาร์ด ช่วยผมได้มากทีเดียว ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรตอนนี้ถ้าไม่ได้เรียนที่นั่น Alex Gibby (โค้ช) ได้มอบสิ่งที่ถูกต้องและจำเป็นทั้งหมดให้กับผม เขาทำให้แน่ใจว่าผมมีแผนระยะยาวและไม่ฝืนตัวเองในการทำสถิติเกินไป แต่ยังรักษาความแข็งแกร่งไว้หากผมต้องการไปสู่ขั้นต่อไปหลังเรียนจบไปแล้ว โค้ชช่วยเตรียมตัวผมให้พร้อมสำหรับการซ้อมระดับอาชีพ
ปกติแล้วคุณซ้อมวิ่งมากแค่ไหน?
ผมวิ่งพอ ๆ กับสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนมาถึงที่นี่โค้ชบอกว่า 'ไม่ต้องวิ่งมาก เพราะแค่การเสริมความแข็งแกร่งก็หนักพออยู่แล้ว' ผมก็เลยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เดาน่าจะอยู่ราว ๆ 80 ไมล์ (ต่อสัปดาห์?)
ภูมิหลังครอบครัวของคุณเป็นอย่างไร?
พ่อของผมเป็นคนไทย ส่วนแม่เป็นคนอเมริกัน
ในโอลิมปิก 2020 คุณจะโฟกัสแค่ 10,000 เมตรอย่างเดียว หรือจะพยายาม 5,000 เมตรด้วย ?
เจอร์รี่ มีแผนของเขาอยู่แล้ว และผมเองก็ยังไม่ได้ใส่ใจกับมัน แต่ผมคิดว่าเราจะพยายามในระยะ 5,000 เมตรด้วย
คุณรู้ไหมว่าคุณจะแข่งที่ไหนต่อไป?
เจอร์รี่ อยากเห็นว่าผมทำได้มากที่สุดแค่ไหนจากระยะ 10,000 เมตร ผมรู้สึกดีมากและอยากจะแข่ง แต่ผมไม่ได้ออกกำลังกายเลยตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าร่างกายของผมเป็นอย่างไร
ตอนนี้คุณฝึกซ้อมอยู่ที่ไหน?
ผมซ้อมอยู่ในพอร์ตแลนด์และจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะมีแคมป์ใด ๆ เกิดขึ้นก่อนช่วงคัดตัวโอลิมปิก
การทำลายสถิติของตัวเอง ทำให้เป้าหมายปีนี้เปลี่ยนไปหรือไม่?
ผมไม่คิดแบบนั้น ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้ว่าสถิตินั้นมีความหมายอย่างไรกับผม เพราะมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกนั่งวิ่งอันดับต้น ๆ ของสหรัฐอเมริกาได้เลย เพราะถ้าคุณมองดูเวลาของ Galen Rupp และ Chris Solinsky พวกเขาอยู่เหนือกว่ากลุ่มถัดไป และครึ่งหนึ่งของนักวิ่ง 10 อันดับแรกของสหรัฐอเมริกาสามารถทำเวลาเท่านั้นได้ในการแข่งขันชิงแชมป์ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาฟิตกว่ามาก ในการแข่งขันชิงแชมป์คุณจะวิ่ง 27:17 แบบที่ผมทำไม่ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มระดับความฟิตและลดเวลาตัวเองลงให้ได้
อ้างอิง : https://www.letsrun.com/news/2021/03/qa-with-kieran-tuntivate-about-his-shocking-2717-10000-meter-run/