stadium

ชีวิตสุดพลิกผันของ ณัฐพงษ์ เกษอินทร์

27 กุมภาพันธ์ 2563

ในชีวิตคนเรามักมีช่วงเวลาที่ดี และแย่ปะปนกันไปเสมอ กับนักกีฬาเองก็ไม่ต่างกัน ไม่มีใครสามารถอยู่บนจุดสูงสุดได้ตลอดเวลา มันจะมีช่วงที่ดีมาก ๆ อยู่เสมอ และมันก็จะมีช่วงที่แย่สุด ๆ อยู่ตลอด ชีวิตของ “เจมส์บอนด์” ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ นักว่ายน้ำชายที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีหลังของประเทศไทย ดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ เขากลับมาผงาด หลังจากผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดมาได้อย่างไร เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย

 

นักว่ายน้ำที่ธรรมดากับวิธีคิดที่ไม่ธรรมดา

ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ เริ่มต้นว่ายน้ำด้วยเหตุผลที่ธรรมดาทั่วไป เพราะป่วยบ่อยจึงต้องเล่นกีฬาเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ถึงจะพอมีแววอยู่บ้างจนโค้ชจับเป็นนักกีฬา แต่ตัวเขาเองในวัยเด็กก็ยังไม่ได้ฉายแววอะไรเลยในการที่จะก้าวไปเป็นนักว่ายน้ำระดับหัวแถวของประเทศ เหรียญถ้วยนี่แถบไม่เคยได้สัมผัสเลยด้วยซ้ำ ลงจากภาคเหนือมาแข่งที่กรุงเทพมหานครทีไร ก็ม้วนเสื่อแพ้กลับไปทุกที ต่างกับน้องชายที่ดูเหมือนจะมีแววมากกว่าด้วยซ้ำไป การพ่ายแพ้ซ้ำ ๆ ไม่ได้ทำให้ เจมส์บอนด์ ในวัยเด็กรู้สึกท้อแม้แต่น้อย แต่เจ้าตัวกลับนำข้อผิดพลาด มาแก้ไข และขยันซ้อมมากขึ้นไปอีก แถมเวลายิ่งแพ้ยิ่งมีไฟ นำคนเก่งที่ชนะตัวเองมาเป็นแรงบันดาลใจ มองคนชนะเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่คู่แข่ง เก็บทุกอย่างมาเพิ่มเป็นเชื้อเพลิงแห่งความมุ่งมั่นตั้งใจให้กับตนเองไปเรื่อย ๆ จนตัวเองค่อย ๆ พัฒนาขึ้นแบบไม่รู้ตัว

นักว่ายน้ำขาขึ้น

หลังจาก ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ พยายามอยู่นานในที่สุดความสำเร็จแรกก็มาเยือน นักว่ายน้ำโนเนมแบบเขา ในวัย 14 ปี เจ้าตัวพุ่งทะลุขึ้นมาคว้าเหรียญเงินกบ 200 เมตรในกีฬาแห่งชาติ ก่อนติดทัพเยาวชนทีมชาติไทย ไปคว้า 4 เหรียญทองในศึกซีเอจ กรุ๊ป ที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับเป็นนักว่ายน้ำชายยอดเยี่ยมของกลุ่มอายุ เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจเพราะเหมือนชั่วโมงนั้นจะไม่มีใครหยุดฉลามหนุ่มแดนเหนือคนนี้ได้อีกแล้ว ในวัย 16 ปีเจ้าตัวเข้าร่วมศึกเอเชียนยูธเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่ประเทศสิงคโปร์ เจ้าตัวก็คว้าได้อีก 2 เหรียญทองจากกบ 100 เมตร และ 200 เมตร ผลงานในครั้งนั้นต่อยอดให้เจ้าตัวได้สิทธิ์เข้าร่วมศึก ยูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 1 ซึ่งก็จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์อีกเช่นกัน หลังจากประสบความสำเร็จในระดับเยาวชนอย่างยิ่งยวด ประตูสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ก็ถูกเปิดออกในซีเกมส์ปี 2009 ที่ประเทศลาว ที่เจ้าตัวในวัย 17 ปีก็สามารถคว้าเหรียญทองท่ากบ 200 เมตรได้ทันที พร้อมกับทำลายสถิติซีเกมส์ได้อีกด้วย  ต่อเนื่องมาในวัย 18 ปีเจ้าตัวยังเดินหน้าสะสมประสบการณ์แบบต่อเนื่องทั้งศึก เอเชียนเกมส์ครั้งแรกในชีวิตที่ประเทศจีน ซึ่งเจ้าตัวคว้าอันดับ 6 ของการแข่งขัน ในท่าโปรดทั้ง 3 ท่าคือ กบ 200 เมตร เดี่ยวผสม 200 และ400 เมตร ก่อนที่ซีเกมส์ในปี 2011 ที่อินโดนีเซียเจ้าตัวจะโชว์ฟอร์มฮอต กดคนเดียวอีก 3 เหรียญทองพร้อมทำลาย 2 สถิติซีเกมส์ในท่ากบ 200 เมตร และเดี่ยวผสม 200 เมตร และนั้นก็เป็นใบเบิกทางไปสู่ความฝันที่ยิ่งใหญ่ในวัยเด็กของเจ้าตัวอย่าง โอลิมปิกเกมส์

 

โอลิมปิกเกมส์ ความฝันที่เป็นจริง 

ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ ในวัย 20 ปี ได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ที่ลอนดอนในปี 2012 ซึ่งก็ไม่ได้เข้าร่วมแบบธรรมดา เพราะเจ้าตัวได้รับเกียรติสูงสุดด้วยการเป็นผู้เชิญธงชาติไทยเข้าสู่สนาม ในพิธีเปิดการแข่งขันอีกด้วย การได้รับเกียรติในครั้งนั้นนำมาสู่ความภูมิใจแก่เจ้าตัว และครอบครัวเป็นอย่างมาก  นอกจากนั้นเจ้าตัวยังได้เรียนรู้เปิดหูเปิดตาเป็นอย่างมาก ในการเจอกับคณะนักกีฬา และทีมงานผู้ฝึกสอนระดับโลก ซึ่งทั้งหมดได้โชว์ให้เห็นถึงความรู้เรื่องโภชนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา เทคนิคต่าง ๆ และสิ่งแปลกใหม่ ที่ตัวเขาเองไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน อีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีจากโอลิมปิกเกมส์ก็คือ การได้เจอกับ โคซูเกะ คิตาจิม่า ตำนานท่ากบของทวีปเอเชียและของโลก ดีกรี 4 เหรียญทองโอลิมปิก ที่เป็นขวัญใจของเจ้าตัว ซึ่งเจ้าตัวได้นำแรงบันดาลใจในครั้งนั้นกลับมาเป็นพลังในการฝึกซ้อม และพัฒนาตัวเองต่อไปในภายหลัง 

โดนแบน โอกาสในวิกฤต 

ในซีเกมส์ปี 2013 ที่ประเทศเมียนมาร์ ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ ยังทำผลงานได้ดีป้องกันแชมป์กบ 200 เมตรเอาไว้ได้สำเร็จ และยังคงเป็นความหวังในซีเกมส์ครั้งต่อ ๆ ไปของทัพนักว่ายน้ำไทย แต่ช่วงปี 2015 เหมือนฟ้าผ่าลงกลางสระ เจ้าตัวถูกตรวจพบสารต้องห้ามที่ปนเปื้อนมากับอาหาร จนต้องถูกโดนแบนในเบื้องต้นถึง 4 ปี สุดท้ายอุทธรณ์ลดโทษเหลือ 2 ปี ถึงจะถูกห้ามแข่ง 2 ปี แต่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกท้อแม้แต่น้อยกลับเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการใช้โอกาสนี้ในการพักร่างกายที่กำลังบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ จนหายดีเป็นปกติโดยไม่ต้องผ่าตัด และเอาเวลาที่ว่างไปทุ่มเทให้กับการเรียนแทน แถมยังมีวินัยในการลงน้ำซ้อมอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งออกกำลังกาย และกินอาหารที่ดีควบคู่ไปด้วย ซึ่งเวลา 2 ปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับที่เจ้าตัวกลับมาพร้อมกับร่างกายที่ปราศจากอาการบาดเจ็บ พร้อมลุยทุกศึกหลังวิกฤตแบบเต็มสูบ    

 

กำเนิดใหม่ด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา

หลังพ้นโทษแบน 2 ปี ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ ใช้เวลาไม่นานในการกลับมาคัดตัวจนผ่านได้ไปแข่งซีเกมส์ ในปี 2017 ที่มาเลเซีย แถมในการแข่งขันจริง เจ้าตัวยังเปิดตัวการกลับมาแบบสวยหรูด้วยการคว้าเหรียญทองท่ากบ 200 เมตรไปครอง เท่านั้นไม่พอในซีเกมส์ปี 2019 ที่ผ่านมา เจ้าตัวในวัย 27 ปี กลับทำผลงานได้ดีมากแบบต่อเนื่องในท่ากบ 200 เมตร หลังจากมีการนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้ในการฝึกซ้อมเตรียมตัวในการแข่งขัน เจ้าตัวไม่เพียงป้องกันเหรียญทองกบ 200 เมตรได้อีกครั้ง แต่ยังทำลายสถิติซีเกมส์ของตัวเองท่านี้ที่เคยทำไว้ในซีเกมส์ปี 2011 ด้วยเวลา 2.12.57 นาทีได้อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำได้มาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเหรียญทองเหรียญนี้ยังเป็นเพียงเหรียญทองเดียวของทัพนักว่ายน้ำไทยใน ซีเกมส์ 2019 ที่ผ่านมาอีกด้วย 

 

น้ำที่ไม่มีวันเต็มแก้ว

สิ่งที่ ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ อยากแนะนำน้อง ๆ นักกีฬารุ่นใหม่คือ จงตั้งใจฝึกซ้อม ตั้งเป้าหมาย และจงมุ่งมั่นในการไปให้ถึงเป้าหมาย มีวินัยกับตัวเองอย่างสม่ำเสมอ พยายามทำตัวเป็น “น้ำที่ไม่มีวันเต็มแก้ว” หาความรู้ หาสิ่งใหม่มาเติมเต็มให้ตัวเองตลอดเวลา เพราะในวงการกีฬาโลกมันมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดอยู่เกือบตลอดเวลา เราจึงต้องตามให้ทัน เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาตนเอง


stadium

author

ฉลามหนุ่มไทยแลนด์

StadiumTH Content Creator

stadium olympic