stadium

คิดแบบ ศิริพร แก้วดวงงาม วินด์เซิร์ฟสาวดีกรีแชมป์โลกกับโอลิมปิกสมัย 2

2 มิถุนายน 2564

“ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม สาวน้อยร่างบาง ท่าทางสุขุม ถ้ามองจากภายนอกจะดูเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่เมื่อได้รู้จักเธอจริง ๆ จะสัมผัสได้ว่าเธอเป็นคนที่มอบความรักให้กับกีฬาวินเซิร์ฟและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ล่องลอยไปตามลมบนผิวทะเล

 

เธอเติบโตในย่านชายหาดจอมเทียน มีเพียงความหลงใหลและความมุ่งที่ผลักดันให้เธอประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในช่วง 3 ปีแรกกับทีมชาติไทยเธอคว้าเหรียญรางวัลมาได้มากมาย แต่ก็เป็นเพียงความสำเร็จที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้การขึ้นโพเดี้ยมอีกเลย ความมั่นใจมลายหมดไปกับการพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งเธอแอบถอดใจยอมแพ้กลางคัน จนกระทั่งเธอได้สัมผัสกับโอลิมปิก มหกรรมกีฬาที่พลิกชีวิตเธอให้กลับมาเป็นแชมเปี้ยนอีกครั้ง

 

 

ลูกทะเลสู่ทีมชาติ

 

วินด์เซิร์ฟอาจไม่ใช่กีฬายอดนิยมในเมืองไทย นักกีฬาชนิดนี้จึงมีตัวเลือกไม่มากเท่ากีฬาอื่น ๆ และเกือบทั้งหมดจะมีพื้นเพชีวิตเกี่ยวข้องกับทะเลตั้งแต่เกิด เช่นเดียวกับ "ดาว" ศิริพร แก้วดวงงาม เด็กสาวที่หลงใหลในน้ำทะเลเป็นชีวิตจิตใจ ยาวว่างมักจะหมดไปกับการรวมกลุ่มกับผองเพื่อนชวนกันลงเล่นน้ำทะเลได้ตลอดวัน อย่างไม่เคยกลัวแสงแดดจะแผดเผาผิวหนังจนไหม้หมดสวย ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นทำให้เส้นทางชีวิตของเธอได้กลายเป็นมาเป็นนักกีฬาวินด์เซิร์ฟทีมชาติไทย

 

“เด็ก ๆ ไม่เคยมองเรื่องความสวยงามเลยค่ะ เจอลมเจอแดดก็ทนได้หมด ชีวิตตอนนั้นอแค่ได้เล่นน้ำทะเลก็มีความสุขแล้ว ขอแค่ได้เล่นกับเพื่อน ได้อยู่ทะเลบ่อย ๆ ก็ชินผิวไหม้แบบไม่รู้ตัว โตขึ้นมาถึงเริ่มหัดทาครีมกันแดด ด้วยความที่เราไม่ได้เป็นคนรักสวยรักงามก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก”

 

“หนูชอบทะเลมาก ๆ อยากเล่นน้ำ ถ้าอยู่แต่บ้านจะหาเวลามาเล่นน้ำยากเพราะว่าพ่อแม่ก็ทำงาน เพราะเล่นน้ำทะเลก็เลยได้มารู้จักกับกีฬาวินด์เซิร์ฟ เพราะเราเล่นอยู่ตามชายหาดเห็นพวกทีมชาติเขาออกไปซ้อมกันที่ทะเลเป็นประจำ" 

 

"แต่จุดเริ่มต้นของหนูคือที่โรงเรียนมีสอนให้เล่นกีฬาวินด์เซิร์ฟ จำได้ว่าวันนั้นมีอาจารย์ที่สอนกำลังมองหาคนมาเป็นนักกีฬาวินด์เซิร์ฟอยู๋ ท่านเห็นเราเป็นเดกแถวนั้นอยู๋แล้ว ชอบเล่นน้ำทะเลก็เลยชักชวนให้เราลองมาเล่นวินด์เซิร์ฟดู ด้วยความที่เป็นคนอยากรู้อยากลองอยู่แล้ว ก็ไปเล่นตามคำชักชวน พากันไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ตอนนั้นก็เด็กมากเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เคยคิดหรือวาดฝันเลยว่าวันนึงจะก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาทีมชาติ”

 

 

 

 

โอลิมปิกเปลี่ยนความคิด

 

หลังจากนั้นเป็นต้นมาด้วยพรสวรรค์และพรแสวงทำให้ดาวดูโดดเด่นมากที่สุดในรุ่น ได้เป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทยในเวลาไม่กี่ปี ก่อนจะเฉิดฉายในระดับนานาชาติในระยะเวลาอันรวดเร็ว เปิดตัวด้วยด้วยการคว้าเหรียญทองเอเชียนยูธเกม 2009 ต่อด้วย แชมป์ยูธโอลิมปิก 2010 และเหรียญเงินเยาวชนโลก 2011

 

แต่นั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ดูมีความหวังที่จะต่อยอดในการเดินทางเส้นนี้ แต่หลังจากนั้นนอกจากเหรียญทองซีเกมส์ และเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ 2014 เธอไม่เคยขยับเข้าใกล้โพเดี้ยมในเวทีระดับโลกอีกเลย จนกระทั่งได้ไปเปิดประสบการณ์ครั้งสำคัญในโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่นครริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล

 

“โอลิมปิกครั้งแรก 2016 ที่บราซิล สำหรับหนูมันเกินฝันมาก ๆ ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำให้เต็มที่ ไหน ๆ ก็ได้มาแล้ว แต่พอแข่งจบมันก็มีเสียดายอยู่เล็กน้อย เพราะเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเราเล่นไม่ดีหรือเล่นไม่ได้ มันมีบางรอบที่เราทำผลงานได้ดีมาก อันดับ 7 และอันดับ 2 ซึ่งไม่คิดว่าจะผ่านเข้ารอบ 2 ได้ แม้จะจบที่ 18 จาก 26 แต่ก็ดีใจและภูมิใจมากๆ”

 

“หลังจากนั้นก็ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองหลายอย่างเลย อันดับแรกเลยคือเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองก่อน มุ่งมั่นและพยายามมากขึ้นในทุกๆสนาม คิดเสมอว่าเราสู้คนอื่นได้นะ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองก่อนนะ ต่อให้ผลลัพธ์มันจะออกเป็นยังก็ช่างอย่างน้อยเราก็ได้ทำเต็มที่แล้ว" 

 

 

 

ปลุกความเชื่อมั่น

 

หลังจากปรับเปลี่ยนระบบการคิดของตัวเองใหม่เรียบร้อย เธอก็เหมือนคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งรีสตาร์ทเครื่องใหม่ เปิดเครื่องกลับมาทำงานไหลลื่นอีกครั้ง เพราะหลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว เธอจูนเครื่องติดและกลับมายืนอยู่บนโพเดี้ยมของความสำเร็จได้อีกครั้ง ในปี 2017 ถือว่าเป็นปีทองของเธอเลยก็ไม่ผิด จัดการกวาด 3 แชมป์รายการใหญ่ แชมป์โลก , แชมป์เอเชีย และซีเกมส์ 

 

สิ้นสุดการรอคอยความสำเร็จหลังจากห่างหายไปนานถึง 5 ปี เพียงแค่มุ่งมั่นมากขึ้น โฟกัสที่ตัวเองให้มากขึ้น และกล้าที่จะท้าทายตัวเองไม่เกรงใจคู่แข่งไม่ว่าจะมีดีกรีใหญ่คับโลกขนาดไหน 

 

“เพราะประสบการณ์โอลิมปิก 2016 ที่ทำให้เราโตขึ้นลบความกลัวต่าง ๆ ออกไปจากใจได้หมด ก่อนหน้านั้นเวลาแข่งเริ่มต้นไม่ดีก็มักจะถอดใจเร็วเกินไป เวลาเจอกับคู่แข่งที่เราไม่เคยชนะ ก็จะคิดแพ้ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเราไมเคยชนะอยู่แล้ว เหมือนยอมแพ้ไตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง เป็นความคิดที่ปลอบใจตัวเองก่อนจะแข่ง แต่พอคิดได้เราก็ไม่กลัวใครอีกแล้ว ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเข้าเส้นชัย ถึงจะเคยแพ้มาก่อนเราจะพยายามเพื่อเอาชนะเขาให้ได้"

 

"ถึงแม้จะชนะแค่บางรอบ แต่ก็แสดงว่ามีความสามารถสูสีกัน ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดและการฝึกซ้อม” แชมป์โลกวินเซิร์ฟ ปี 2017 ทิ้งท้าย

 

ปัญหาและอุปสรรคของนักกีฬาแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดอย่าดูถูกตัวเอง เมื่อลงแข่งขันพร้อมกัน แต่ละคนมีทุกอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเราเองก็ผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนักเหมือนกับคนอื่น ทำไมเราจะต้องกลัวเขาด้วยหล่ะ บทเรียนจากเรื่องราวของดาวแสดงให้เห็นแล้วว่าจงเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะการที่เราเอาชนะความกลัวในใจของตัวเองได้ก็ถือว่าประความสำเร็จแล้ว

 


stadium

author

ปวีน เทพพวงทอง

StadiumTH Content Creator / เชียร์หงส์แดง รักการเดินป่า เสพติดหมูกระทะ

stadium olympic