29 กุมภาพันธ์ 2563
หากจะถามว่านักเทนนิสหญิงคนใด ที่ทำให้ทั่วโลกหันมาสนใจกีฬาประเภทนี้มากขึ้นแล้ว หนึ่งในนั้นย่อมมีชื่อของ มาเรีย ชาราโปว่า อดีตมือ 1 ของโลกชาวรัสเซีย เจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 5 สมัย เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น บวกกับฝีไม้ลายมือที่ไม่เป็นรองใคร (ยกเว้น เซเรน่า วิลเลี่ยมส์) ทำให้เธอมีแฟนคลับมากมาย แต่หลังจากที่เจอปัญหาบาดเจ็บไหล่รบกวนอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถเรียกฟอร์มเดิมกลับมาได้ อีกทั้งยังมีนักเทนนิสรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้ ชาราโปว่า ตัดสินใจแขวนแร็กเกตในวัย 32 ปี
แต่ตลอดชีวิตการเป็นนักเทนนิสอาชีพกว่า 19 ปีของเธอ มีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลยครับ
เริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่ 4 ขวบ
ชาราโปว่า เริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่ 4 ขวบ ด้วยการที่ ยูริ ชาราปอฟ คุณพ่อของเธอเป็นเพื่อนกับ อเล็กซานเดอร์ คาเฟลนิคอฟ พ่อของ เยฟเกนี่ คาเฟลนิคอฟ ตำนานนักหวดชาวรัสเซีย อดีตมือ 1 ของโลก และแชมป์แกรนด์สแลม 2 สมัย ซึ่ง อเล็กซานเดอร์ เป็นคนให้แร็กเกตอันแรกกับเธอ โดยมาเรียเปิดเผยว่า ตอนนั้นเธอตัวเล็กมากจนไม้แร็กเกตใหญ่กว่าเธอถึง 2 เท่า และเธอต้องเจอกับคู่แข่งที่โตกว่า, สูงกว่า และแข็งแกร่งกว่าอยู่เสมอ ก่อนที่เธอจะเทิร์นโปรในวัย 14 ปี
ได้แชมป์แกรนด์สแลมแรกตั้งแต่อายุ 17
ชาราโปว่า สร้างความฮือฮาสุดขีดในวัย 17 ปี หลังคว้าแชมป์แกรนด์สแลม รายการ วิมเบิลดัน ปี 2004 ซึ่งเอาชนะ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ ในรอบชิงชนะเลิศ ทำสถิติเป็นแชมป์แกรนด์สแลมที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ก่อนที่จะคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพ่น ในปี 2006, ออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 2008 และ เฟรนช์ โอเพ่น 2 สมัยในปี 2012 และ 2014 กลายเป็นนักเทนนิสหญิงคนที่ 6 ในยุคโอเพ่น ที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมครบทุกรายการต่อจาก มาร์กาเร็ต คอร์ต, คริส เอเวิร์ต, มาร์ติน่า นาฟราติโลว่า, สเตฟฟี่ กราฟ และ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ รวมทั้งยังเป็นนักเทนนิสหญิงคนสุดท้ายที่ทำได้สำเร็จจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น เธอยังเคยได้แชมป์รายการใหญ่ส่งท้ายปีอย่าง ดับเบิ้ลยูทีเอ ไฟนัลส์ ในปี 2004 อีกด้วย (ชนะเซเรน่าในรอบชิงฯ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอมีชัยเหนือคู่ปรับชาวอเมริกัน)
ขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกตั้งแต่อายุ 18 ปี
ถึงแม้ในปี 2005 ชาราโปว่า จะไม่มีแชมป์รายการใหญ่ติดมือ แต่ฟอร์มโดยรวมของเธอก็ดีพอที่จะก้าวขึ้นไปเป็นมือ 1 ของโลกในวัย 18 ปี 125 วัน กลายเป็นนักเทนนิสหญิงคนแรกของรัสเซียที่ทำได้สำเร็จ ซึ่งตลอดอาชีพ ชาราโปว่า ได้ขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก 5 ครั้ง รวมเวลาทั้งหมด 21 สัปดาห์
เคยจับคู่กับแทมมี่คว้าแชมป์ 2 รายการ
นอกจากแชมป์ประเภทเดี่ยว 36 รายการตลอดอาชีพแล้ว ชาราโปว่า ยังเคยได้แชมป์หญิงคู่ 3 รายการในช่วงแรกของอาชีพ ซึ่ง 2 รายการแรกมาจากการจับคู่กับ แทมมารีน ธนสุกาญจน์ ยอดนักเทนนิสหญิงชาวไทย คือศึก เจแปน โอเพ่น เทนนิส แชมเปี้ยนชิพส์ ในปี 2003 และ ลักเซมเบิร์ก โอเพ่น ในปีเดียวกัน ส่วนอีกรายการคือ เบอร์มิงแฮม คลาสสิค ปี 2004 ที่จับคู่กับ มาเรีย คิริเลนโก้ เพื่อนร่วมชาติ
คว้าเหรียญโอลิมปิกจากการลงแข่งครั้งแรกและครั้งเดียว
แม้ชาราโปว่าจะย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบเพื่อมุ่งสู่เส้นทางนักเทนนิสอาชีพ แต่เธอก็ไม่ลืมต้นกำเนิดของตัวเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ทีมรัสเซียคว้าแชมป์เฟด คัพในปี 2008 แล้ว เธอยังได้รับเลือกให้ถือธงชาติรัสเซียในพิธีเปิดโอลิมปิก เกมส์ ปี 2012 ที่กรุงลอนดอน กลายเป็นนักกีฬาหญิงคนแรกของประเทศที่ได้ทำหน้าที่ดังกล่าว ก่อนจะคว้าเหรียญเงินจากการลงแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยว โดยแพ้ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ ขณะที่ โอลิมปิก ฤดูหนาว ปี 2014 ที่เมืองโซชิ ของรัสเซีย ชาราโปว่าก็ได้รับเกียรติให้วิ่งคบเพลิงโอลิมปิกในพิธีเปิดอีกด้วย
ลงเล่นรายการสุดท้ายใน ออสเตรเลียน โอเพ่น 2020
ชาราโปว่า ที่เป็นมือวางอันดับ 145 ของโลก ได้ลงแข่ง ออสเตรเลียน โอเพ่น ในฐานะมือไวลด์การ์ด ก่อนจะแพ้ ดอนน่า เวคิช มือวางอันดับ 20 ของรายการในรอบแรก หลังจากนั้น ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่ไหล่ทำให้เธอไม่ได้ลงเล่นอีกเลย จนกระทั่งประกาศแขวนแร็กเกตในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2020
"เทนนิสทำให้ฉันได้เห็นโลก และทำให้ได้รู้ว่าอะไรที่สร้างฉันขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่ฉันใช้ทดสอบและวัดความเจริญเติบโตขอตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าฉันจะเลือกบทต่อไปของชีวิตอย่างไร หรือภูเขาลูกไหนที่ต้องเผชิญ ฉันจะผลักดันตัวเอง จะปีนป่ายให้ถึงที่สุด และจะไม่หยุดพัฒนาตัวเอง"