stadium

ไมเคิล เฟลป์ส ชายที่พร้อมสู้ในความมืด เพื่อความสำเร็จเบื้องหน้า

24 มกราคม 2563

ไมเคิล เฟลป์ส คืออดีตยอดนักว่ายน้ำผู้เป็นตำนานแห่งทีมชาติสหรัฐฯ ซึ่งประสบความสำเร็จในการแข่งขันทุกระดับมาอย่างมากมาย ทั้งการคว้าเหรียญรางวัล รวมถึงการเป็นเจ้าแห่งสถิติที่เชื่อว่าหลายๆสิ่งที่เขาสร้างขึ้นนั้น ยากเหลือเกินที่จะหาตัวผู้มาทำลายลงได้

 

เบื้องหน้าของ เฟลป์ส คือความสำเร็จที่ดูได้มาอย่างง่ายดาย และ เบื้องหลังกว่าที่เขาจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก จนเคยถูกแบรนด์อย่าง UNDER ARMOUR นำมาสร้างหนังโฆษณาในแคมเปญ RULE YOURSELF ที่คนทั่วโลกต่างดูแล้วรู้สึกประทับใจ และ เป็นแรงบันดาลให้กับใครต่อใครหลายคนได้อย่างชัดเจน

 

"It's what you do in the dark. That put you in the light" กลายเป็นประโยคสั้น ที่เล่าเรื่องชีวิตของ เฟลป์ส ได้อย่างหมดจดในช่วงเวลาไม่กี่วินาที

 

แม้สื่อจะโหมกระหน่ำมากมายถึงความยิ่งใหญ่ของเขา โดยเฉพาะโอลิมปิก ที่ครองสถิติกวาด 23 เหรียญทอง และ 28 เหรียญรวม แต่เชื่อว่าหลายคนไม่เคยรับรู้ว่า เบื้องหลังรอยยิ้ม และ วินาทีกัดเหรียญนั้น เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง

 

 

7 ขวบ พร้อมสู้เพื่อโรคสมาธิสั้น 

 

จากการที่เขาเป็นโรคดังกล่าวตั้งแต่เด็ก ทำให้ตัดสินใจเริ่มว่ายน้ำเพื่อกำจัดปัญหานั้น และแน่นอนว่า ความกลัวที่จะจมน้ำ ทำให้เขาตัดสินใจหัดว่ายท่ากรรเชียงเป็นท่าแรก ซึ่งเชื่อเลยว่า ณ เวลานั้นเจ้าตัวเองไม่ได้มีภาพของความยิ่งใหญ่ในฐานะนักกีฬาระดับโลกอย่างแน่นอน

 

แต่นั่นคือจุดเริ่มต้น ที่มาจากความพร้อมสู้ เพื่อบางสิ่งที่มีเหตุผล

 

10 ขวบพร้อมสู้กับปมทางครอบครัว

 

เขาเคยให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า การหย่าร้างของพ่อกับแม่และการไม่ได้ไปแข่งโอลิมปิกของพี่สาวเนื่องจากอาการบาดเจ็บนั้น ได้กลายมาเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่ทำให้เขาหันมามุ่งมั่นทุ่มเทกับการว่ายน้ำมากยิ่งขึ้น เพื่อชดเชยความล้มเหลวของครอบครัวและความโชคร้ายของพี่สาวของเขาในอดีต และเมื่ออายุ 10 ขวบ เขาก็สามารถทำลายสถิติระดับประเทศเมื่อเทียบกับเด็กอายุรุ่นเดียวกัน

 

 

ในปี 2000 พร้อมสู้แบบแจ็คผู้ฆ่ายักษ์

 

ที่ซิดนี่ย์ เกมส์ เฟลป์ส กลายเป็นนักกีฬาว่ายน้ำชาวอเมริกันที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้ร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในรอบ 68 ปี (นับตั้งแต่ ราล์ฟ ฟลาเนแก้น ในปี 1932) ในตอนนั้นเขามีอายุ 15 ปี

 

แม้สุดท้ายเขาจะไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลใดๆได้เลย (ทำได้ดีที่สุดด้วยการคว้าอันดับ 5 ในประเภทผีเสื้อ 200 เมตร) แต่นั่นคือการกล้าที่จะสู้เพื่อปูเส้นทางของการแข่งขันที่ใหญ่ขึ้น หลังประสบความสำเร็จในระดับประเทศมาอย่างมากมาย และไม่ต้องรอนาน เขาสามารถทำลายสถิติโลก ท่าผีเสื้อ 200 เมตร ในการแข่งขันว่ายน้ำชิงแชมป์โลก ปี 2001 ได้สำเร็จ พร้อมครองตำแหน่งนักกีฬาที่อายุน้อยที่สุดที่ทำลายสถิตินี้

 

พร้อมสู้ต่อ แบบไม่หยุดพัก

 

ด้วยการฝึกซ้อมอย่างหนัก มุมานะ เข้ายิม รวมถึง เปิดรับทุกสิ่งที่ดีต่อตัวเอง ทำให้ เฟลป์ส สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าคนปกติ หลังจากที่ทำการแข่งขันไปแล้ว นั่นหมายความว่าเขาสามารถทำการแข่งขันได้หลายรอบใน 1 วัน ตัวอย่างความบ้าในการฝึกซ้อม เช่น เขาเคยฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันโอลิมปิกในปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ด้วยการว่ายน้ำไปเป็นระยะทางกว่า 80,000 เมตร หรือ 80 กิโลเมตร ต่อสัปดาห์ 

 

 

พร้อมสู้เพื่อชนะตัวเองตลอดเวลา

 

เมื่ออายุ 27 ปี ในการแข่งขันที่ลอนดอน เกมส์ 2012 เขาได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน 4 x 200 ในท่าฟรีสไตล์ และนั่นเป็นเหรียญที่ 19 ของเขา เป็นสถิติที่สูงที่สุดตลอดกาล และ  หลังจากที่เขาทำลายสถิติเดิมไปได้แล้ว เขาก็ยังคงมุ่งหน้าสร้างสถิติต่อไปอีก

 

พร้อมสู้เพื่อยอมรับความผิดพลาด

 

การแข่งขันโอลิมปิกในปี 2012 เขาเริ่มกังวลกับการแข่งขัน กดดันตัวเอง จนกลายเป็นวิตกกังวลและซึมเศร้าอย่างมาก บางครั้งเขาก็หาทางออกด้วยการดื่มเหล้า เพื่อให้รู้สึกดีขึ้น จนกระทั่งถูกตำรวจจับในข้อหาเมาแล้วขับในปี 2014 ศาลพิพากษาว่าผิดและถูกจำคุก แต่รอลงอาญาไว้ก่อน ที่ทำให้ไมเคิลรู้สึกแย่มาก คือเขาถูกสมาคมว่ายน้ำห้ามลงแข่งขันในรายการต่างๆ เป็นเวลา 6 เดือนเต็ม เขายอมรับว่า เขาเสียใจจนขังตัวเองในห้องนอน 4 วันเต็มๆ

 

และในที่สุดปี 2016 เขากลับมามุ่งมั่นบนเส้นทางที่เป็นตัวตนของเขาอีกครั้ง และที่การแข่งขัน ริโอ เกมส์ เขายังคงทุบทุกสถิติอย่างต่อเนื่อง 5 เหรียญทอง กับ 1 เหรียญเงินในวัย 31 ปีพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า เขาคือนักสู้ ที่พร้อมไล่ล่าทุกความสำเร็จ 

 

พร้อมสู้ เพื่อเส้นทางใหม่ที่ใจต้องการ

 

หลังจากการรีไทร์ ในฐานะนักกีฬาว่ายน้ำ เฟลป์ส ทำตามเป้าหมายที่ประกาศชัดเจนเอาไว้หลายปี นั่นคือ การหันมาจับวงสวิง และ มุ่งสู่การเล่นกอล์ฟอย่างจริงจัง และถึงแม้นั่นจะไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้ดี เท่ากับการว่ายน้ำ แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นดีว่า สายเลือดในความเป็นนักล่าความสำเร็จของเขายังเต็มเปี่ยม ไม่ต่างจาก 10 หรือ 20 ปีที่แล้วเลยแม้แต่น้อย

 

ทั้งหมดทั้งมวลยังเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ และ การที่เขาสู้ในความมืด (ความพยายามที่ไม่มีคนอื่นเห็น) ได้สร้างความสว่างให้กับตัวตนของเขาในเวทีระดับโลก


stadium

author

นวพล เกียรติไพศาล

StadiumTH Content Creator

stadium olympic