ส่อง "ขุนพลมังกร" ก่อนบุกดวล ช้างศึก

ส่อง "ขุนพลมังกร" ก่อนบุกดวล ช้างศึก

เมื่อเกมนัดที่ถูกมองว่าสำคัญที่สุดของทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบสอง คือเกมนัดแรกที่จะพบกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง จีน ด้วยอันดับฟีฟ่า แรงค์กิง ที่ไม่ห่างจาก ไทย มากนัก รวมถึงผลงานที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่า ทัพช้างศึก สามารถต่อกรกับ ขุนพลมังกร ได้อย่างสูสี แถมเกมนัดเปิดสนาม เป็นการลงเล่นที่ราชมังคลากีฬาสถานอีกด้วย ยิ่งทำให้เกมนัดนี้เป็นเกมที่มีเดิมพันสูงต่อสถานการณ์การเข้ารอบของทั้งสองทีมในกลุ่ม ซี

ซึ่งทาง จีน ที่นำโดยกุนซือ อเล็กซานดาร์ ยานโควิช ได้ประกาศ 24 รายชื่อนักเตะ ชุดที่จะลงแข่งขัน 2 นัดแรก ในศึกคัดบอลโลกครั้งนี้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่น่าสนใจคือไม่มีการใช้ผู้เล่นต่างชาติที่โอนสัญชาติแม้แต่คนเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะมีการเรียกตัวมาอยู่ในทีมเสมอ แต่ครั้งนี้เลือกใช้เฉพาะผู้เล่นที่เป็นสัญชาติจีน ซึ่งก็ยังมีบางรายที่เป็นลูกครึ่ง และมีผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ค้าแข้งอยู่ต่างแดน ส่วนที่เหลือเล่นอยู่ในศึกไชนีส ซูเปอร์ ลีก ทั้งหมด

โดยวันนี้ เราจะมาส่อง "ขุนพลมังกร" ในแต่ละตำแหน่ง ว่ามีนักเตะคนใดที่น่าสนใจ และอาจเป็นทีเด็ดของ จีน ในเกมนัดแรก ที่จะบุกเยือนราชมังคลากีฬาสถาน ในเกมที่จะพบกับ ไทย

ผู้รักษาประตู

หยาน จุนหลิง (เซี่ยงไฮ้ พอร์ต), หวัง ต้าเล่ย (ชานตง ไทชาน), หลิว เตี้ยนสัว (อู่ฮั่น ทรี ทาวน์ส)

นายด่านของ "ขุนพลมังกร" ทั้ง 3 ราย ที่ติดทีมชุดนี้ เรียกได้ว่าประสบการณ์สูงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งผู้รักษาประตู หากไม่มีปัญหาอะไร มือหนึ่งของจีนคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะ หยาน จุนหลิง ที่อายุน้อยที่สุดในทั้ง 3 คน ด้วยวัย 32 ปี และยึดมือหนึ่งของทีมมาตั้งแต่ปี 2017 น่าจะได้ลงเฝ้าเสาเช่นเคย เพราะหากดูสถิติในปี 2023 นายด่านเจ้าของส่วนสูง 191 เซนติเมตร รายนี้ ลงสนามให้ จีน ครบทุกนัด และเก็บคลีนชีทไปได้ 4 จาก 8 นัด ที่เป็นเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด ส่วนระดับสโมสรในศึก ไชนีส ซูเปอร์ ลีก 2023 หยาน จุนหลิง ลงเฝ้าเสาให้ เซี่ยงไฮ้ พอร์ต และพาทีมคว้าแชมป์ พร้อมสถิติเก็บคลีนชีทมากที่สุดในลีก ด้วยการลงสนาม 29 นัด เก็บไปได้ 10 คลีนชีท เท่ากันกับ หวัง ต้าเล่ย เพื่อนร่วมทีมชาติ ที่เก็บได้ 10 คลีนชีท กับสโมสรชานตง ไทชาน แต่ หวัง ต้าเล่ย ลงสนามน้อยกว่าที่จำนวน 28 นัด

กองหลัง

ซู่ เฉินจี้ (เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว), จาง ลินเผิง (เซี่ยงไฮ้ พอร์ต), หลี่ เล่ย (ปักกิ่ง กั๋วอัน), หลิว หยาง (ซานตง ไท่ซาน), อู๋ เชากง (เกนเคลร์บีร์ลีจี), เจียง เชงหลง (เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว), ซู่ เฮาเฟิง (เสิ่นเจิ้น เอฟซี)

แนวรับของจีนใส่ชื่อมา 7 ราย ซึ่งแผนการเล่นในการอุ่นเครื่องฟีฟ่า เดย์ 4 นัด หลังสุด อเล็กซานดาร์ ยานโควิช กุนซือของทีมเลือกใช้แผนเกมรับที่แตกต่างกัน เพราะเดือนกันยายน 2 นัด เล่นระบบหลัง 4 แต่ในเดือนตุลาคม เล่นระบบหลัง 3 โดย มีสองนัด ที่พบกับทีมในย่านอาเซียน คือ มาเลเซีย (ใช้ระบบหลัง 4) และ เวียดนาม (ใช้ระบบหลัง 3)

แต่ก่อนเริ่มการคัดบอลโลก ก็มีปัญหาให้ ยานโควิช ต้องปวดหัว เมื่อ เจียง กวงไท่ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ 'ไตอัส บราวนิง' ปราการหลังวัย 29 ปี อดีตเด็กปั้นของ เอฟเวอร์ตัน ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่แปลงสัญชาติจากอังกฤษ มาเป็นจีน (มีเชื้อสายจีนทางมารดา)และยึดตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้ายจนต้องถอนตัวออกไป เรียกได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ในแนวรับพอสมควร โดย ยานโควิช ได้เรียกตัว ซู่ เฮาเฟิง จาก เสิ่นเจิ้น เอฟซี ปราการหลังวัย 24 ปี เข้ามาแทนที่ โดย ซู่ เฮาเฟิง ลงเล่นไป 24 นัด ใน ไชนีส ซูเปอร์ ลีก และยิงได้ 1 ประตูก่อนที่สโมสรของเขาจะจบอันดับสุดท้าย และตกชั้นไปในฤดูกาลล่าสุด

ส่วนคนอื่นๆยังมี จาง ลินเผิง กองหลังมากประสบการณ์วัย 34 ปี ซึ่งลงสนามให้กับจีนมากที่สุดในทีมชุดนี้ที่จำนวน 98 นัด และยังคงเป็นตัวหลักให้กับ เซี่ยงไฮ้ พอร์ต คว้าแชมป์ในฤดูกาลล่าสุด อีกหนึ่งคนที่น่าสนใจคือ อู๋ เชากง กองหลังวัย 23 ปี หนึ่งเดียวที่ค้าแข้งต่างแดนอยู่ในลีก 2 ตุรกี กับสโมสรเกนเคลร์บีร์ลีจี (ยืมตัวจาก อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์) ที่ถูกเรียกตัวสู่ทีมชุดใหญ่อีกครั้งในฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่ง อู๋ เชากง สามารถขยับไปเล่นตำแหน่งแบ็คซ้ายได้ และน่าจะเป็นกองหลังอนาคตไกลอีกหนึ่งคนที่ได้รับโอกาสมากขึ้นในอนาคต

ขณะที่คนอื่นๆ ยังมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละนัด ด้วยความที่ตลอดปี 2023 จีน มีเพียงโปรแกรมอุ่นเครื่องเท่านั้น ทำให้ในแต่ละนัดจึงได้โอกาสทดสอบผู้เล่นในแต่ละตำแหน่งอย่างเต็มที่ก่อนเริ่มศึกคัดบอลโลก 2026

กองกลาง

หวัง ชางหยวน (เหอหนาน), หลิว บินบิน (ซานตง ไท่ซาน), หลิน เหลียงหมิง (ต้าเหลียน โปร), หลี่ เค่อ (ปักกิ่ง กั๋วอัน), เซียะ เปงเฟย (อู่ฮั่น ทรีทาวน์), อู๋ ซี (เซียงไฮ้ เสิ่นหัว), ได ไว ซุน (เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว), เกา เทียนยี่ (ปักกิ่ง กั๋วอัน)

ตำแหน่งมิดฟิลด์มีหลายคนที่น่าสนใจ แต่คนแรกที่ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องและน่าจะยึดตัวจริงค่อนข้างแน่นั่นคือ หลี่ เค่อ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ นิโคลัส เยนนาริส มิดฟิลด์ตัวรับดีกรีเยาวชนของ อาร์เซน่อล ยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีก ที่แปลงสัญชาติจากอังกฤษ มาเป็นจีน (ทางมารดามีเชื้อสายจีน ส่วนทางบิดาเป็นชาวกรีก) โดย หลี่ เค่อ วัย 30 ปี เคยลงเล่นกับ อาร์เซน่อล 1 นัด หลังจากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้กับหลายสโมสรในอังกฤษ โดยเฉพาะกับ เบรนท์ฟอร์ด ที่ลงสนามไปถึง 144 นัด ในช่วงปี 2014-2019 ก่อนจะย้ายมาปักหลักกับ ปักกิ่ง กั๋วอัน ตั้งแต่ปี 2019 และเพิ่งได้รับโอกาสลงสนามให้จีนอีกครั้งหลังหายเจ็บในช่วง 4 นัดหลังสุดที่จีนลงอุ่นเครื่อง ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า หลี่ เค่อ จะเป็นตัวหลักที่ทัพช้างศึกมีโอกาสได้วัดฝีเท้าในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้

นอกจากนี้ยังมีกัปตันทีมตัวเก๋าวัย 34 ปี อย่าง อู๋ ซี จาก เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ที่ยังติดทีมอย่างต่อเนื่อง และเคยพบกับทีมชาติไทยมาแล้วถึง 4 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2014 โดย อู๋ ซี ถือเป็นมิดฟิลด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความขยัน และเป็นกำลังสำคัญที่จะคอยขับเคลื่อนเกมในแดนกลางของจีนไปพร้อมกับ หลี่ เค่อ

ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆในตำแหน่งมิดฟิลด์ หลายคนผ่านการลงสนามในนามทีมชาติไม่ถึง 10 นัด แต่เน้นไปที่การเป็นตัวหลักกับสโมสร ซึ่งก็มีที่น่าสนใจอีกหนึ่งคน นั่นคือ หลิน เหลียงหมิง แนวรุกตัวริมเส้นวัย 26 ปี จาก ต้าเหลียน โปร ที่ลงสนามในนามทีมชาติ 5 นัด ทำไป 2 ประตู ส่วนผลงานใน ไชนีส ซูเปอร์ ลีก ก็ถือว่าไม่เบา ยิงไป 5 ประตู 1 แอสซิสต์ จาก 25 นัด

กองหน้า

อู๋ เหล่ย (เซี่ยงไฮ้ พอร์ต), เหวย ซื่อ หาว (อู่ฮั่น ทรี ทาวน์), เซียะ เหวยจุน (เทียนจิน จินเหมิน ไทเกอร์), ตัน หลง (ชางชุน ย่าไท่), จาง ยู่หนิง (ปักกิ่ง กั๋วอัน), เฉิน ปู (ซานตง ไท่ซาน)

ซูเปอร์สตาร์ที่ทัพช้างศึกต้องจับตายคงหนีไม่พ้น อู๋ เหล่ย กองหน้าวัย 31 ย่าง 32 ปี จาก เซี่ยงไฮ้ พอร์ต ที่โชว์ผลงานซัดไป 18 ประตู เป็นรองดาวซัลโว ไชนีส ซูเปอร์ ลีก จนพาทีมเป็นแชมป์ฤดูกาลล่าสุด โดยอดีตดาวเตะของ เอสปันญอล ใน ลา ลีก้า สเปน ลงเล่นทีมชาติไปแล้ว 89 นัด และยิงไปถึง 32 ประตู แถมผลงานในปี 2023 ลงสนามให้จีน 8 นัด ยิง 4 แอสซิสต์ 1 ซึ่ง อู๋ เหล่ย สามารถเล่นได้อย่างหลากหลายในแนวรุก แม้ในสโมสรจะลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าเป็นหลัก แต่ตัวรุกฝั่งซ้ายก็ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะเป็นตำแหน่งที่เคยเล่นมาก่อน เช่นเดียวกันกับการโยกไปเล่นทางฝั่งขวา นั่นทำให้ อู๋ เหล่ย จะเป็นแนวรุกของจีนที่อันตรายที่สุด และจะปล่อยให้เขามีพื้นที่เล่นไม่ได้โดยเด็ดขาด

ส่วนกองหน้าคนอื่นๆก็มาจากบรรดาตัวหลักสโมสร ที่พอจะมีผลงานการทำประตูสู้กับตัวต่างชาติในลีกได้ก็คือ ตัน หลง กองหน้าจอมเก๋าวัย 35 ปี จาก ชางชุน ย่าไท่ ที่ยิงไป 10 ประตู 3 แอสซิสต์ ในลีก แม้ผลงานในทีมชาติจะยังไม่โดดเด่นมากนัก (ลง 13 ยิง 2) แต่ก็จะประมาทเขี้ยวเล็บของกองหน้ารายนี้ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ไม่ได้เป็นอันขาด

นอกจากนี้ยังมี เหวย ซื่อ หาว กองหน้าวัย 28 ปี จาก อู่ฮั่น ทรี ทาวน์ ที่ยิงในลีกไป 5 ประตู และกลับมามีชื่อติดทีม สามารถเล่นได้ทั้งตัวริมเส้นและหน้าเป้า กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งในช่วงฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคม และเป็นคนยิงประตูให้จีนในนัดล่าสุดที่แพ้ อุซเบกิสถาน ไป 1-2

สำหรับ เซียะ เหวยจุน จาก เทียนจิน จินเหมิน ไทเกอร์ และ เฉิน ปู จาก ซานตง ไท่ซาน แม้จะมีผลงานการยิงในลีกไปคนละ 5 ประตู แต่ในนามทีมชาติต้องบอกว่ายังไม่เด่นชัด โดย เซียะ เหวยจุน ลง 1 นัด ส่วน เฉิน ปู ลง 6 นัด และทั้งคู่ยังทำประตูไม่ได้ในนามทีมชาติ

สุดท้ายคือ จาง ยู่หนิง วัย 26 ปี จาก ปักกิ่ง กั๋วอัน ที่ติดทีมมาแบบเซอร์ไพรส์พอสมควร เจ้าตัวมีดีกรีเคยอยู่กับสโมสรในยุโรปอย่าง วิเทสส์ ในเนเธอร์แลนด์, เวสบรอมวิช ในอังกฤษ รวมถึงในเยอรมนี กับ แวร์เดอร์ เบรเมน (แต่ไม่ได้ลงสนามแม้แต่นัดเดียวกับ เวสบรอมวิช และ เบรเมน) แม้ผลงานกับทีมชาติที่ผ่านมาจะน่าพอใจ ลงสนาม 22 นัด ยิง 5 แอสซิสต์ 4 แต่ประเด็นสำคัญคือ จาง ยู่หนิง ลงสนามในนามทีมชาติครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปถึงช่วงเดือนมีนาคม 2022 ก่อนจะมีอาการบาดเจ็บยาวในปี 2023 และเพิ่งหายเจ็บกลับมาเมื่อปลายเดือนตุลาคมในสภาพความฟิตที่ยังไม่เต็มร้อย รวมแล้วได้ลงสนามในลีกเพียงแค่ 6 นัด (178 นาที) และยิงประตูไม่ได้เลยตลอดฤดูกาลล่าสุด แต่สิ่งสำคัญคือประสบการณ์ในยุโรปที่เคยผ่านมา รวมถึงผลงานเก่าๆ ที่อาจมองได้ว่า หากเจ้าตัวฟิตเต็มที่แล้ว ก็เป็นกองหน้าอีกคนที่อันตรายสำหรับทัพช้างศึก ซึ่งกุนซือ อเล็กซานดาร์ ยานโควิช อาจหวังพึ่งเจ้าตัวในจุดนี้ (ฤดูกาล 2022 ยิงในลีก 19 ประตู จาก 30 นัด)

เฮดโค้ช

อเล็กซานดาร์ ยานโควิช (เซอร์เบีย)

กุนซือวัย 51 ปี ที่ผ่านการคุมสโมสรในยุโรปหลายสโมสร ทั้ง เรด สตาร์ เบลเกรด (เซอเวน่า ชเวซด้า) และ สตองดาร์ ลีแอช ก่อนมาคุมทีมชาติจีนตั้งแต่ระดับเยาวชน U19, U20 และ U23 จนขยับขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่แบบรักษาการชั่วคราว และได้รับการแต่งตั้งคุมทีมเต็มตัวเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2023 โดยผลงานที่ทำให้ถูกพูดถึงคือการคุมจีน บุกเสมอ ญี่ปุ่น 0-0 ในศึก EAFF Football Championship 2022 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ที่ จีน ไม่แพ้ ญี่ปุ่น ณ ดินแดนซามูไร

สำหรับ ยานโควิช เป็นกุนซือที่มีความหลากหลายในด้านแท็คติค และพร้อมปรับตามรูปแบบที่เหมาะสมในการรับมือคู่แข่ง โดยตลอดปี 2022-2023 ที่ผ่านมา มีการใช้แผนการเล่นทั้งกองหลัง 3 คน และ 4 คน ซึ่ง 4 เกมหลังสุด เลือกที่จะทดลองทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนศึกคัดบอลโลกหนนี้ ซึ่งก่อนลงสนามกับทีมชาติไทย ยานโควิช คุมทีม 11 นัด ชนะ 4 นัด เสมอ 3 แพ้ 4 

ขุมกำลังของ จีน ในครั้งนี้ถือว่ามีความแปลกตาในรอบหลายปี ด้วยการที่เลือกใช้นักเตะที่ไม่มีการโอนสัญชาติ ใช้แต่นักเตะที่เป็นเชื้อสายจีน และเป็นผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีใน ไชนีส ซูเปอร์ ลีก อย่างไรก็ตามหากมองผลงานในปี 2023 แล้ว อาจไม่สามารถวัดอะไรได้มากนัก เนื่องจากเป็นเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด

16 พฤศจิกายนนี้ มาร่วมเชียร์ทีมชาติไทย ให้กระหึ่มสนามราชมังฯ ไปด้วยกัน!

ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติจีน เวลา 19.30 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32 

ซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ bit.ly/3Soe348