"ปิ่น" กชพร เจ้าของสถิติเดินทนประเทศไทยกับฝันสู่เอเชียนเกมส์

52.50 นาที กลายเป็นสถิติใหม่เดินทนหญิง 10 กิโลเมตรประเทศไทย ที่ถูกบันทึกไว้ ณ เดือนกรกฎาคม 2566 ในรายการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เป็นผลงานของ "ปิ่น" จ่าอากาศตรีหญิงกชพร ตั้งศรีวงษ์ สาวน้อยวัย 23 ปี จากจังหวัดนครสวรรค์

จากเด็กติดเกม ติดเพื่อน ไม่มีใจรักในกีฬาอะไรเลย แต่พรสวรรค์นำเธอมาสู่เส้นทางนักเดินทน จนประสบความสำเร็จได้ในวันนี้ นี่คือเรื่องราวของนักเดินทนอนาคตไกลของประเทศไทย

จากลูกชาวนาสู่รั้วโรงเรียนกีฬา

ช่วงอายุ 14 ปี ปิ่นติดเพื่อนมาก ทำให้ติดเกมหนักตามไปด้วย เมื่อถึงจุดหนึ่ง แม่ของเธอเริ่มเป็นห่วงและหาทางให้ลูกสาวกลับมาเข้ารูปเข้ารอย ด้วยความที่เห็นว่าลูกสาวติดเพื่อน จึงเสนอให้ไปเรียนให้โรงเรียนกีฬานครสวรรค์ ซึ่งจะมีเพื่อนเยอะ และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่บ้านได้ เพราะเป็นโรงเรียนประจำ ปิ่นก็ตัดสินใจทำตามที่แม่แนะนำ และพาให้เธอเข้าสู่วงการกีฬาเดินทนอย่างรวดเร็ว

"ก่อนนี้หนูติดเกมมาก ห่างร้านเกมไม่ได้เลย ที่บ้านก็ฐานะไม่ดี ตอนนั้นพ่อแม่ทำนา หนูก็ติดเพื่อน พอแม่รู้แม่ก็ถามว่า อยากไปเรียนโรงเรียนกีฬามั้ย จะได้มีเพื่อนเยอะๆ แม่พยายามหลอกล่อให้หนูไป เพราะค่าเรียนถูกด้วย ช่วยที่บ้านได้ด้วย หนูก็เลยทำตาม" ปิ่นเล่าเรื่องจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่โลกแห่งกีฬา

เข้าไปเรียนระยะแรกปิ่นลองเล่นกีฬาหลายชนิด ทั้งกระโดดค้ำ กระโดดไกล วิ่ง 400 เมตร "แต่ไม่ชอบอะไรเลย ตอนนั้นอยากกลับบ้านอย่างเดียว จนวันนึงไปเจอโค้ชและนักเดินของโรงเรียน เขามีปัญหาลงแข่งไม่ได้ แล้วไม่มีตัวสำรอง หนูเลยไปหัดเดิน หัดได้ 2 อาทิตย์ก็ไปแข่ง"

รายการแข่งแรกในชีวิตของปิ่น คือ กีฬาระหว่างโรงเรียนกีฬาทั่วประเทศ ผลคือชนะเลิศอันดับ 1 ได้รางวัลเป็นเหรียญทองและเบี้ยเลี้ยงครั้งแรกในชีวิต เงินก้อนนั้นจุดไฟในการเดินทนให้เด็กอายุ 14 ปี จากครอบครัวที่ฐานะไม่ดี อยากมีโอกาสไปเที่ยวเหมือนคนอื่นๆ ได้ทำตามความฝันที่มีตั้งแต่วัยเด็ก

"หนูได้เงินมา 700 บาท โทรไปหาแม่ว่า อาทิตย์นี้แม่ไม่ต้องโอนเงินมาให้หนูแล้วนะ แม่ก็ดีใจ เขาดีใจและสนับสนุนหนูตลอด พอชนะครั้งแรก หนูก็อยากชนะอีก อยากได้เงินไปเที่ยว" ปิ่นเล่าถึงแรงจูงใจเมื่อ 9 ปีก่อน อยากมีเงินตามประสาเด็กวัยรุ่น แต่นั่นก็ทำให้เธอฝึกฝน มุ่งมั่นในการซ้อมเดินทน และโอกาสก็มาถึง 

สู่เยาวชนทีมชาติ และการไปต่างประเทศครั้งแรก

2 ปีผ่านไปปิ่น กชพร ได้ติดทีมชาติครั้งแรก ในการคัดตัวเดินทนหญิงรุ่นเยาวชน รางวัลคือการได้ไปแข่งในต่างประเทศ คือ ประเทศสิงคโปร์ "หนูตื่นเต้นมาก ตอนนั้นร้องไห้เลย ดีใจที่จะได้ไปต่างประเทศ เป็นความรู้สึกตื่นเต้น กับตื้นตัน กับสิ่งที่ไม่เคยได้รับ บวกกับตื่นเต้นที่จะได้นั่งเครื่องบินครั้งแรก"

บนเส้นทางการเป็นนักกีฬา เมื่อชั่วโมงบินสูงขึ้น แรงกดดันก็มากขึ้น ปิ่นเผชิญความรู้สึกเหนื่อยจนท้อมาตลอด เพราะแคร์ความคิดคนอื่นมากไป เธอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น จนท้อที่ทำไม่ได้เหมือนกัน แต่แม่ที่เคียงข้างมาตั้งแต่เริ่มต้น ก็ปลดล็อกความคิดให้ปิ่น

"หนูเสียใจก็โทรไปหาแม่ เล่าให้แม่ฟังว่าเฟล ว่าเราทำได้ไม่ดี แม่ก็จะรู้ว่าเรายังมีหวังบนเส้นทางนี้ ก็คอยปลอบใจตลอด บอกว่า อยู่ข้างๆ เสมอ แต่ไม่เคยกดดันหนูเลย ว่าต้องชนะหรือต้องได้เหรียญ แม่แค่บอกให้หนูทำให้ดีที่สุด เต็มที่ ไม่ได้ก็เริ่มต้นใหม่" ปิ่นบอกว่า แม่คือพลังสำคัญที่ปลดล็อกความคิดของเธอ

เมื่อจิตใจดีขึ้น ผลงานก็ดีขึ้น จากเด็กที่ไม่กล้าพูดคุย ก็ปรับตัว จากที่เคยต้องพบหมอด้านสภาพจิตใจทุกสัปดาห์ ก็หายดี และพัฒนาตัวเองขึ้นแบบก้าวกระโดด

บันทึกสถิติเดินทนประเทศไทย 

ปี 2565 ปิ่นก้าวเข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่อย่างเต็มตัวในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ตั้งแต่ที่ฮานอย ประเทศเวียดนาม (ปี2565) และพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา (ปี 2566) โดยปิ่นคว้าเหรียญทองแดงจากทั้ง 2 การแข่งขัน

ห้วงเวลานี้ คือ เวลาทองของปิ่น เธอสามารถทำลายสถิติเดินทนของพี่ติ๋ม ธนภรณ์ อัศววงศ์เจริญ ตำนานหญิงนักเดินทนประเทศไทย ได้ทั้งรายการ 10 กิโลเมตร และ 20 กิโลเมตร 

โดย 10 กิโลเมตร ปิ่นทำสถิติใหม่ประเทศไทยได้ในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย ที่สนามสามโคก จังหวัดปทุมธานี เมื่อปี 2565 จุดไฟให้เธออยากทำสถิติระยะ 20 กิโลเมตรให้ได้ที่รายการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย 2566 ที่กรุงเทพมหานคร แต่ก็พลาดเป้าหมายเพราะมีการตัดสินผิดพลาด 

"กรรมการนับรอบผิด พอรู้ตัวหนูก็เสียสมาธิ ตอนนั้นจะได้เวลา 1.40 ชั่วโมง แต่ก็พลาดไป แต่ก็ได้ทำลายสถิติ 10 กิโลเมตรประเทศไทย ก็ดีใจมาก แต่เป้าหมายของหนูคือสถิติเดินทน 20 กิโล"

ความหวังสู่เอเชียนเกมส์

ด้วยผลงานการเดินทนที่ทำสถิติใหม่ได้ในรายการชิงแชมป์เอเชีย ทำให้ปิ่น กชพร มีลุ้นที่จะได้ร่วมในเอเชียนเกมส์ที่หางโจว ประเทศจีน "ถ้าได้ไปเอเชียนเกมส์ หนูก็หวังว่าจะทำสถิติเดินทน 20 กิโลเมตรประเทศไทยได้ หนูคิดว่าหนูมาไกลมาก ที่ทำได้ถึงจุดนี้"

ทุกก้าวของปิ่น มีแม่ที่คอยสนับสนุน และให้กำลังใจเสมอ ในวันที่ลูกสาวประสบความสำเร็จ ได้บรรจุเป็นข้าราชการ ได้กลายเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนที่อยู่เบื้องหลัง

"ขอบคุณโค้ชเบส (พันจ่าอากาศโท กิตติพงศ์ จอนด้วง) ที่เห็นความสามารถของหนู กองทัพอากาศที่ให้โอกาสทั้งงานและการซ้อม รวมถึงเรื่องเรียน สมาคมที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังตลอดมา ครอบครัวที่ไม่เคยกดดันและเป็นกำลังใจสำคัญ รวมถึงทุกกำลังใจจากคนไทย"

ถึงแม้จะน่าเสียดายที่เธอพลาดโอกาสไปเอเชียนเกมส์ที่หางโจว แต่ด้วยเพราะยังกระหายในชัยชนะ และอยากพัฒนาต่อไป ปิ่นจึงให้คำสัญญาว่า จะตั้งใจเพื่อพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อให้มีผลงานที่ดีขึ้นไปอีก และพร้อมจะพิสูจน์ตัวเองหากได้รับโอกาสในเอเชียนเกมส์ครั้งหน้า