13 ธันวาคม 2566
เป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยากสำหรับแวดวงลูกยางสาวไทยที่กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่การเข้ามากุมบังเหียนของ “สมพร ใช้บางยาง” นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เราจึงมีโอกาสได้เห็นทัพนักกีฬาวอลเลย์บอลไทยออกไปวาดลวดลายในการแข่งขันระดับโลกมานักต่อนัก
จากการวางรากฐานที่มั่นคง การทำงานที่มีระเบียบแบบแผนส่งผลให้บรรดาสโมสรวอลเลย์บอลลีกอาชีพในประเทศไทยต่างผลิตนักกีฬาฝีมือเยี่ยมออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งต่อในนามทีมชาติ กระทั่งการมาถึงล่าสุดของดาวเด่นที่น่าจับตามองอย่าง “ใบเตย” ณัฐธิมา กุบแก้ว สาวน้อยวัย 23 ปี ผู้ที่มาพร้อมความมั่นใจสุดตัว
แต่การที่จะก้าวมาถึงจุดสูงสุดของการเป็นนักกีฬาตัวแทนประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย StadiumTH จะพาไปรู้จักกับ “ใบเตย” ในมุมที่ไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อน
ผันตัวเองจากเด็กกิจกรรมสู่เส้นทางนักกีฬาเต็มตัว
ช่วงชีวิตวัยเด็กของใบเตยไม่ต่างอะไรจากเด็กหญิงทั่วไป แต่ที่ทำให้เธอโดดเด่นจากคนอื่นคือการที่ใบเตยชอบมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของโรงเรียนสว่างดินแดน จังหวัดสกลนครที่เธอสังกัดอยู่ ณ เวลานั้น กิจกรรมที่ชื่นชอบที่สุดเห็นจะเป็นการร่ายรำถึงขั้นที่เป็นถึงนางรำของโรงเรียน แต่ด้วยด้วยส่วนสูงที่เกินใครทำให้โค้ชวอลเลย์บอลของโรงเรีบนทาบทามใบเตยเข้าทีม
“ในตอนนั้นหนูรู้สึกว่าวอลเลย์บอลมันยากมาก ทำไมเราถึงทำไม่ได้สักที ครอบครัวก็ไม่ได้กดดันและพูดตลอดว่าไม่ต้องแข่งกับคนอื่นก็ได้ขอให้ทำตัวเองให้ดีขึ้นในทุกๆ วันก็พอ”
ใบเตยได้รับการฝึกฝนเป็นระยะเวลา 1 ปีเธอก็ได้รับโอกาสได้ติดทีมวอลเลย์บอลของโรงเรียน ใบเตยยอมรับว่าขวบปีเดียวนั้นเป็นระยะเวลาที่แสนสั้นทั้งยังค้นหาตำแหน่งที่ตนเองถนัดยังไม่เจอ โดยเริ่มจากตำแหน่งบอลเร็ว ก่อนขยับมาเป็นบีหลัง แม้กระทั่งมือเซต
“ในการลงแข่งขันวอลเลย์บอลรุ่นอายุ 14 ปี โค้ชจับให้หนูไปนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อเรียนรู้จากรุ่นพี่ที่ลงสนาม จนกระทั่งโค้ชให้ความมั่นใจหนูจึงได้ลงเป็น 6 คนแรกในสนามกับตำแหน่งบอลเร็ว ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นตำแหน่งบีหลัง โดยก่อนหน้านี้โค้ชเคยจับให้ลองเล่นเป็นตัวเซตบอลแต่เล่ห์เหลี่ยมยังไม่ได้จึงเปลี่ยนมาเป็นตำแหน่งหัวเสาจนถึงตอนนี้และกลายมาเป็นตำแหน่งที่ชอบ”
การตัดสินใจที่แสนยากลำบากในชีวิต
หลังจากที่ใบเตยกำลังสนุกไปกับการได้เล่นวอลเลย์บอล กระทั่งเฉิดฉายในการแข่งขันวอลเลย์บอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและมีส่วนร่วมในการพาทีมโรงเรียนได้แชมป์ระดับภูมิภาคเป็นครั้งแรก ทั้งยังสามารถฝ่าฟันด่านสุดหินเข้าไปคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ในรายการระดับประเทศ นั่นจึงทำให้ความมั่นใจของใบเตยพุ่งทะลุขีดจำกัดของตัวเอง
“หนูรู้สึกว่าเราเองก็เจ๋งเหมือนกัน หลังจากที่ได้แชมป์ในระดับภูมิภาคจนมาถึงระดับประเทศมันทำให้หนูมองภาพอนาคตที่ไกลออกไป เพราะหลังจากที่กำลังจะเรียนจบ ม.6 โค้ชได้บอกว่าหากต้องการจะไปทางไหนให้เลือกได้อย่างอิสระ ซึ่งในตอนนั้นหนูต้องการที่จะเล่นวอลเลย์บอลลีกอาชีพมากๆ”
ใบเตยบอกต่อว่า การที่จะเข้าไปเล่นวอลเลย์บอลลีกอาชีพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอและดูจะไกลตัวเกินไปเสียด้วยซ้ำ เธอไม่มีคอนเนกชัน ไม่มีลู่ทางใดที่จะไปยืนอยู่ในจุดที่ตนเองฝันเอาไว้ได้ ท้ายที่สุดใบเตยต้องหันหลังให้กับลูกยางที่ตนเองรักและมุ่งสู่รั้วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มตัว
“หลังจากที่รู้แล้วว่าเราไปลีกอาชีพไม่ได้ หนูจึงตัดสินใจเลือกที่จะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ สกลนคร คณะคุรุศาสตร์ภาษาอังกฤษ จนมียูทูบเบอร์คนหนึ่งที่ทำช่องเกี่ยวกับวอลเลย์บอลไทยเขาได้นำคลิปของหนูไปลงไว้ในช่องและมีคอมเมนต์มากมายตามมา พ่อจึงบอกว่าให้หนูเข้าไปตอบคอมเมนต์เหล่านั้นบ้าง และเขาก็ได้ติดต่อมาและถามเราว่าอยากเล่นวอลเลย์บอลลีกมั้ยเขาจะติดต่อให้หนูจึงตัดสินใจที่จะไปลองดูว่าเราจะไหวมั้ยกับการเล่นลีก”
ใบเตยยอมรับว่า ในช่วงนั้นเป็นการยากที่จะตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการเรียนมหาวิทยาลัยที่ดำเนินมาถึงปีที่ 3 อีกนัยหนึ่งหากเธอเลือกที่จะไปเล่นวอลเลย์บอลลีกอาชีพนั่นเท่ากับว่าตลอด 3 ปีที่ก้มหน้าก้มตาท่องตำราก็อาจเสียเวลาเปล่า เป็นช่วงที่ชีวิตคิดไม่ตก เธอจึงตัดสินใจปรึกษากับคนในครอบครัวเพื่อหาทางออกนี้
“ช่วงนั้นหนูต้องเรียนไปด้วยและทำการแข่งลีกไปด้วย ยอมรับว่าเหนื่อยมากเพราะต้องเตรียมแผนการสอนและต้องลงไปสอนเด็กๆ ด้วย ไหนจะต้องตีรถมาแข่งลีกอีก ทำให้หนูรู้สึกว่ามันเหนื่อยมากๆ จนเริ่มรู้สึกว่าทำแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วจะต้องเลือกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงตัดสินใจบอกกับครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งท่านก็ได้แค่บอกว่าให้เราลองคิดไตร่ตรองดูดีๆ เพราะอีกไม่กี่ปีก็จะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว อีกเรื่องหนึ่งคือระยะทางในการเดินทางมาซ้อมหรือแข่งขันก็ไกลบ้านแล้วเราจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่พวกท่านก็ไม่ได้ห้ามแค่ต้องการให้เราลองคิดดูให้ดีเสียก่อน”
... หนูเคยทิ้งโอกาสแบบนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งในช่วงมัธยมและเมื่อมีโอกาสครั้งที่สองมาถึงหนูจึงไม่อยากจะปล่อยให้มันหลุดมือไป จึงตัดสินใจคว้ามันเอาไว้จนกระทั่งทำให้เป็นหนูในวันนี้ ถ้าหากย้อนเวลากลับไปในตอนนั้นหนูก็จะยังตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้เหมือนเดิม” ใบเตยย้ำอย่างภูมิใจ
ลีกอาชีพ ความฝันและโอกาสในนามทีมชาติ
ใบเตยได้รับการเติมเต็มบางอย่างในชีวิตลงไปอย่างสมบูรณ์ การได้เล่นวอลเลย์บอลในฐานะนักกีฬาอาชีพสังกัดสโมสรสุพรีม ชลบุรี อี-เทค เป็นความฝันที่เธอคว้าไว้อยู่หมัด ต่อยอดจนกระทั่งมีรายชื่อติดอยู่ในทีมชาติชุดใหญ่ลุยศึกวอลเลย์บอลซี-วีลีก ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นก้าวสำคัญที่จะพาเธอไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต
“หนูคิดเสมอว่า ถึงแม้ว่าเราจะเก่งไม่เท่าเขาแต่ขอซึมซับความเก่งของเขามาก็ยังดี ซึ่งหนูจะชอบถามเขาตลอดว่าต้องเสิร์ฟลูกยังไง ตีลูกยังไง โชคดีที่ทุกคนในทีมพร้อมที่จะช่วยกันให้คำแนะนำและสอนวิธีให้กับหนูทั้งจากพี่ๆ ในสโมสรและในแคมป์ทีมชาติ ซึ่งหนูคิดว่านี่คือครอบครัวของเราไปแล้ว การที่ได้มาอยู่ตรงนี้มันเป็นการเอาชนะใจตัวเอง ซึ่งหนูจะยึดกับคำว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบทั้งกับการแข่งขันและการใช้ชีวิตแม้ว่าเราจะวางแผนกันมาดียังไงมันก็จะมีบางอย่างพลิกแพลงสมอ”
ใบเตยเล่าว่า การได้เห็นทัพนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทยได้ไปเฉิดฉายในมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกคือความฝันสูงสุดในชีวิต เธอเชื่อเสมอว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้านักตบลูกยางสาวไทยจะก้าวขึ้นไปเทียบเคียงกับชาติมหาอำนาจลูกยางอื่นๆ ได้อย่างภาคภูมิ
“ความฝันที่หนูตั้งไว้มันเป็นจริงหมดแล้ว เหลือก็เพียงแค่การได้ไปเล่นโอลิมปิกแต่หนูเชื่อว่าอีก 4 ปีข้างหน้าเราได้ไปแน่นอน ต่อจากนี้จะเป็นการประคองความฝันที่เกิดขึ้นให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ จริงๆ ถ้าหนูไม่มีคนรอบข้างหนูอาจไม่มีวันนี้”
เมื่อถามว่า เราจะมีโอกาสได้เห็นใบเตยออกไปโลดแล่นยังต่างแดนหรือไม่? เธอตอบอย่างไม่ละล้าละลังว่าขอโฟกัสผลงานในประเทศให้ดีเสียก่อน การได้แชมป์กับสโมสรต้นสังกัดเป็นสิ่งที่เธอต้องทำให้ได้ เฉกเช่นการพาทีมชาติไทยไปลุยโอลิมปิกเป็นความท้าทายที่ใบเตยต้องการพิสูจน์ฝีมือของตนเองให้ประจักษ์แก่สายตาของชาวไทยและเทศ เมื่อเวลานั้นมาถึงโลกจะอ้าแขนโอบรับเธออย่างเต็มใจ ซึ่งปัจจุบันใบเตยก็ได้เริ่มต้นเส้นทางนั้นแล้ว เมื่อได้ไปลุยลีกเวียดนามกับสโมสร Geleximco Thái Bình และทำผลงานได้อย่างน่าชื่นชม
TAG ที่เกี่ยวข้อง