stadium

8 ปีผลัด 4x100 ทีมชาติไทย สู่ก้าวต่อไปของ "มอส" บัณฑิต ช่วงไชย

27 พฤศจิกายน 2566

เริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมาย ตั้งใจเพื่อทำให้สำเร็จ และวางเป้าหมายใหม่เพื่อเดินหน้าต่อ เป็นเส้นทางของ "มอส" บัณฑิต ช่วงไชย นักวิ่งระยะสั้นทีมชาติไทย จากรั้วโรงเรียนกีฬา สู่โควตามหาวิทยาลัย และการติดทีมชาติ ...นี่คือเรื่องราวของมอส ทีมผลัด 4 คูณ 100 เมตรชายไทย ตั้งแต่ยุค 2558 สู่ยุคปัจจุบัน

 

 

โตมากับคำดูถูก

 

เพราะครอบครัวที่ฐานะไม่ค่อยดี และเป็นเด็กที่เรียนหนังสือไม่ค่อยเก่ง ทำให้มอสเลือกเข้าเรียนโรงเรียนกีฬา โดยมีย่าให้การสนับสนุนและคอยดูแลแทนแม่ที่เสียไป "เริ่มวิ่งตอนอายุ 16 ประมาณ ม.4 เพราะจะเข้าเรียนม.ปลาย เข้าไปสอบก็เลือกฟุตบอลก่อนแต่คนเต็ม ไปตะกร้อก็สอบไม่ผ่าน เลยมาลองกรีฑาที่ชอบน้อยสุดแล้วก็ผ่าน ผมเป็นลูกชายคนเดียว เขาก็คาดหวัง แต่ไม่ได้บังคับว่าต้องเป็นเหมือนใคร และสุดท้ายผมก็ตัดสินใจเอง รวมถึงเรื่องเรียนต่อ"

 

มอสเล่าว่า ตอนนั้นเขาสอบติดเทคนิคแล้ว ต้องรายงานตัววันเดียวกัน เขาตัดสินใจแบบเด็กๆ ว่าถ้าเรียนโรงเรียนกีฬาก็จะเน้นกีฬา และน่าจะเป็นสิ่งที่ถนัด ซึ่งสุดท้ายได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต โดยช่วงเริ่มต้นมอสเลือกเล่น วิ่งข้ามรั้ว 400 เมตร คู่กับวิ่งผลัด 4x400 เมตร จนได้ไปแข่งระดับเยาวชนแบบต่อเนื่อง และคัดตัวผ่านได้ไปร่วมแข่งกีฬานักเรียนอาเซียน

 

"เป็นทีมชาติครั้งแรกในนามกีฬานักเรียน คัด 400 เมตร แต่แข่งจริงวิ่ง 200 เมตร กับผลัด 4x400 ได้เหรียญทั้ง 2 รายการ 200 ได้ทองแดง และ ผลัดได้เงิน ตอนไปแข่งก็ไม่ได้คาดหวัง เพราะไม่เคยแข่ง 200 เมตรมาก่อน ซึ่งก่อนแข่งก็มีคนมาถามผมว่า ลงแข่งเนี่ยคิดว่าจะได้เหรียญไหม ทำให้รู้สึกไม่ดีเลย เหมือนดูถูก ผมตอบเขาว่า ก็จะทำให้เต็มที่" มอสเล่า

 

มอสใช้เวลา 3 ปีในเส้นทางการวิ่ง จนติดเยาวชนทีมชาติ และได้แข่งเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย ในนามสมาคมกีฬากรีฑาฯ ซึ่งตรงกับช่วงกำลังเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ในตอนนั้นมอสถูกเรียกไปติดทีมชาติลงแข่ง 4x400 เมตร ที่ศรีลังกา แต่เพื่อนในทีมบาดเจ็บจึงไม่ได้เหรียญกลับมา และได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ พร้อมกับตั้งใจซ้อมเพื่อค่าเทอม

 

"ซ้อมคนเดียวหลังเลิกเรียน จนเกิดเจ็บช่วง ปี 1-2 ทำกายภาพไปด้วย พักไป 6 เดือน จนหาย ก็มาลงวิ่ง 100 เมตร กับผลัด 4x100 เมตร ตอนนั้นมีพี่บอย ศุภชัย ฉิมดี (อดีตทีมชาติ) พาไปแข่งและช่วยดูแล จนอาจารย์เห็นก็ส่งรุ่นพี่มาช่วยดูแลมาเป็นโค้ชให้ จนสถิติดีขึ้น จาก 10.80 เป็น 10.60 สมาคมก็เรียกไปขึ้นทะเบียน" มอสเล่าว่าในตอนนั้นคู่แข่งของเขาก็คือ "มิ้ว จิระพงษ์ มีนาพระ"

 

 

ใช้เวลา 8 ปี ติดทีมชาติชุดใหญ่

 

เพราะเป็นนักศึกษาทุน หากแข่งไม่ชนะ ก็จะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม แพสชั่นหลักของมอสในตอนนั้นจึงมาจากเรื่องนี้ ช่วงปี 1 และ 2 ที่บาดเจ็บ เขาเกือบจะหมดโอกาสเรียนต่อเพราะหาค่าเทอมไม่ได้ "ตอนนั้นไม่มีแมตช์แข่ง จนเกือบไม่ได้สอบ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ผมท้อเลยนะ คิดว่าเลือกถูกมั้ย ค่าเทอมหมื่นสาม ครอบครัวก็ไม่มี จนป้ามาช่วยไว้วันสุดท้ายพอดี ย่าไปขอให้เพราะอยากให้ผมมีเงินเรียนจนจบ"

 

ช่วงเวลานั้นความเครียดเข้าครอบงำมอสอย่างหนักจนเขาคิดกับตัวเองว่า เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก และลุกขึ้นสู้เพื่อทำให้ได้ "มันก็มีบางช่วงที่ผมรู้สึกว่าสู้อยู่คนเดียว มีอุปสรรคบ้างจนเหมือนจะไปต่อไม่ได้ แต่ก็มีคนช่วยเราตลอด จนติดทีมชาติก็เจอคนที่ Toxic อีก เขาเห็นว่าผมไม่ได้ดูเด่นมาก จนเหมือนเป็นเด็กเส้น" กลายเป็นคำดูถูกครั้งที่ 2 ที่เขาเจอกับตัว แต่ไม่ได้ทำให้เขาพยายามน้อยลง

 

มอสเล่าว่า เป้าหมายแรกตอนเข้าเรียน เขาตั้งเป้าว่าจะต้องติดทีมชาติให้ได้ ซึ่งวันนี้เขาทำได้แล้ว เขาจึงตั้งเป้าหมายต่อไป ด้วยการได้เป็นตัวจริง ไปซีเกมส์ และต้องได้เหรียญทอง ทีมชาติครั้งแรกของมอส คือ ซีเกมส์ที่สิงคโปร์ ปี 2558 ในฐานะตัวสำรองทีมผลัด 4x100 เมตร และครั้งถัดมา คือซีเกมส์ที่มาเลเซียปี 2560 ในฐานะตัวจริง 

 

25 สิงหาคม 2560 ณ สนามบูกิจ จาลิล กัวลาลัมเปอร์ มอส พร้อมทีม 4x100 เมตร คือ มิ้ว จิระพงษ์, กฤษฎา นามสุวรรณ และจรัญ สะเทิงรัมย์ ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเร่งสปีดเข้าเส้นชัยคว้าเหรียญทอง มาครอง ด้วยสถิติ 38.90 วินาที พร้อมทำลายสถิติเดิมซีเกมส์ 38.95 วินาที ลงได้ กลายเป็นการทำเป้าหมายทะลุเป้าของมอส และปูทางสู่ซีเกมส์ครั้งถัดไป

 

 

ร่วมทีมผลัด 4x100 หลายยุค

 

"จากนั้นผมติดซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ ลงทั้ง 100 เดี่ยว และผลัด ได้เหรียญทั้ง 2 รายการ คือ 100 เมตรได้ทองแดง และผลัดได้เหรียญทอง ชุดนี้มีใบพัน (ศิริพล พันธุ์แพ) เข้ามาแล้ว ผมกับมิ้ว ยังอยู่ พอติดเหรียญทอง 2 ครั้ง ผมก็ยังปกติ เป็นคนกลางๆ คงที่ แต่อยู่ในทีมที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งทุกคนซ้อมด้วยกัน เหนื่อยด้วยกัน และประสบความสำเร็จด้วยกัน วันที่ผิดหวังก็อยู่ด้วยกัน"

 

มอส บัณฑิต ช่วงไชย สะสมชั่วโมงบิน และพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง จากซีเกมส์ 3 ครั้ง 2 เหรียญทอง และทำลายสถิติซีเกมส์ สู่เวทีใหญ่ขึ้น คือ เอเชียนเกมส์ "หลังจากได้เหรียญซีเกมส์ ผมก็ตั้งเป้าหมายใหม่ คือติดเอเชียนเกมส์ และหวังว่าอยากได้สักเหรียญ ซึ่งครั้งล่าสุด เอเชียนเกมส์ที่อินโดนีเซียก่อนมีโควิด ผมก็ได้ไป แต่ไม่ได้เหรียญอะไร แต่ก็เกินเป้าของผมแล้ว ผมคิดว่า เราเดินมาจนถึงจุดที่กำลังล่าเป้าหมายใหม่ไปเรื่อยๆ"

 

ถัดจากนั้นก็มีรายการใหญ่ระดับทวีป คือ ชิงแชมป์เอเชียที่โดฮา มอสประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย เหรียญในระดับทวีป ด้วยการคว้าเหรียญทองผลัด 4x100 เมตร ได้สำเร็จ ในตอนนั้นทีมชาติจีนที่เข้าเส้นชัยก่อนฟาวล์เพราะเหยียบเส้น ชัยชนะจึงตกเป็นของทีมชาติไทย

 

จบการแข่งที่โดฮามอสยังคงเก็บตัวต่อ "ผมไม่ได้รู้สึกว่ามาไกลขนาดนั้นนะ เพราะเริมช้ากว่าคนอื่น แต่ก็ทำให้ผมยังมีไฟอยู่ และรักษาสภาพร่างกายได้ ซึ่งอยากขอบคุณผู้ใหญ่ที่ยังให้โอกาส รวมถึงเอเชียนเกมส์ที่จีนในครั้งนี้ (2023) บทบาทของผมเปลี่ยนจากนักกีฬา มาจนถึงการเป็นพี่ใหญ่ของทีม"

 

 

เป้าหมายต่อไปของ "มอส บัณฑิต"

 

กระทั่ง "บิว ภูริพล บุญสอน" ปรากฏตัว ชื่อของบัณฑิต ช่วงไชย ยังคงอยู่ในทีมชาติไทยเสมอในยุคผลัดเปลี่ยนครั้งสำคัญ "น้องๆ รุ่นนี้ ผมก็เห็นการพัฒนามาก เขายังอายุน้อยกันมาก ยังมีช่วงพีคได้อีกยาวที่จะไปต่อได้ ถ้าผมยังมีโอกาสได้สู้ต่อผมก็อยากทำต่อไป ผมยังไหวและไปต่อได้ แต่ตอนนี้ผมมีเป้าหมายใหม่แล้ว"

 

มอสเล่าว่าก่อนหน้านี้ หลังประสบความสำเร็จระดับเอเชีย เขาเคยตั้งเป้าอยากร่วมโอลิมปิกสักครั้ง เพราะถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดในชีวิตนักกีฬา รวมถึงยังหวังกับชิงแชมป์โลกด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้เป้าหมายของเขาเปลี่ยนไปแล้ว 

 

"จบเอเชียนเกมส์หางโจว 2023 เอเชียนเกมส์ครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายของผม ถือว่าผมมาไกลพอสมควรแล้ว ตอนนี้ผมไปอบรมโค้ชและผ่านมาแล้ว อยากจะอบรมเพิ่มเติม หากผู้ใหญ่เมตตา ผมอาจจะได้ช่วยดูแลน้องๆ ต่อไป" มอสบอกว่า ตัวเขาคนเดียว หากติดทีมชาติไปเรื่อยๆ เขาก็จะได้แค่พัฒนาตัวเอง แต่หากรับบทบาทเป็นโค้ช เขาจะได้พัฒนาน้องๆ เพื่อวงการวิ่งได้

 

"เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำผมว่า ให้ลองไปเป็นโค้ช เพราะผมจดจำและทำในสิ่งที่ผ่านมาได้ดี ก็เหลืออีกขั้นนึงคือการถ่ายทอด ผมก็ได้ข้อคิดจากตรงนั้น และเห็นด้วย" มอสเล่าความในใจว่า การรับใช้ชาติที่ผ่านมาเขามีวินัย และชัดเจนมาตลอด รวมทั้งเชื่อว่า นั่นคือตัวอย่างที่ดีของรุ่นน้อง หลายคน

 

"ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เรามาตลอด หลังจากนี้ผมเชื่อว่า ทุกคนจะได้เห็นความสำเร็จใหม่ๆ ขอให้ติดตามเป็นกำลังใจให้กันต่อไป ผมก็จะเป็นคนเบื้องหลัง คอยซัพพอร์ตทุกคน"


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

La Vie en Rose