stadium

เมฆ ภราดร : ดวงตาของนักวิ่งผู้พิการ สู่เหรียญทองอาเซียนพาราเกมส์

17 มิถุนายน 2566

จากความฝันเพื่อการเป็นนักวิ่งทีมชาติ แม้เส้นทางไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ชีวิตก็พลิกผันเมื่อโอกาสครั้งใหญ่มาถึง ด้วยการติดทีมชาติในฐานะ ไกด์รันเนอร์เพื่อนักวิ่งผู้พิการทางสายตา ...นี่คือเรื่องราวสู่การเป็นตัวแทนทีมชาติไทย ของ เมฆ ภราดร ราษี สู่ฮีโร่อาเซียนพาราเกมส์ 2023  

 

 

ก้าวแรกสู่วงการวิ่ง

 

แม้จะเริ่มวิ่งช้ากว่าคนทั่วไป แต่ความฝันและความมุ่งมั่นของ "เมฆ ภราดร" ก็มีไม่น้อยกว่าคนอื่น เมฆเล่าว่า เขาเริ่มวิ่งตอนมัธยมปีที่ 2 ตอนนั้นเรียนอยู่ที่โรงเรียนศรีขรภูมิพิสัย จังหวัดสุรินทร์ ตอนนั้นยังไม่วิ่งแบบจริงจัง แค่วิ่งเพื่อความสนุกเท่านั้น  

 

"ตอนนั้นไม่ได้ซ้อมแบบมีโค้ชอะไร จนไปขอครูวิ่ง 3 โล 5 โล วิ่งเช้าเย็น จนได้เป็นตัวแทนจังหวัด คัดตัวภายในสมัย ม.3 จน ม.5 ได้ไปแข่งระดับประเทศ"

 

ณ การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ เวทีการแข่งแจ้งเกิดของเด็กไทยหลายคน เมฆลงแข่งวิบาก 2000 เมตร และได้เหรียญทองแดงกลับมา "ภูมิใจ ดีใจ ผมถนัดระยะนี้ และเลือกแข่งรายการนี้เพราะรู้ว่ามีโอกาสชนะมากกว่า"  

 

นับจากวันนั้น เมฆได้รับโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตทั้งการได้รับราชการสังกัดกองทัพเรือในฐานะนักวิ่ง นั่นทำให้เมฆสามารถทุ่มเวลาในการซ้อมวิ่งเพื่อพัฒนาตัวเองได้ โดยตอนนั้นเขาเริ่มมีความฝันอยากติดทีมชาติสักครั้ง

 

"เดือนตุลาปีที่แล้ว (2565) ผมก็ขอมาซ้อมกับโค้ชโถม (โค้ชโถม ยองใย โค้ชประจำทีมโรงเรียนกรีฑากรุงเทพฯ) ใจตอนนั้นคิดว่า วิ่งมาก็หลายปี อยากได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง อยากมีโค้ชจริงๆ ก็เลยอยากมาซ้อมกับโค้ชโถม"

 

โค้ชโถมนั้น เป็น 1 ในโค้ชที่ปั้นนักวิ่งทีมชาติมาแล้วมากมาย ทั้ง น่าน ศุภนิช พูลเกิด สาวสปริ้นท์เตอร์ทีมชาติไทย และบุญนัม เชิดชัย ภูตาโก นักวิ่งระยะกลาง-ไกลทีมชาติไทย จึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการวิ่งบ้านเรา

 

 

จุดเปลี่ยนจาก "โค้ชโถม"  

 

หลังจากซ้อมกับโค้ชโถมได้ 2 เดือน เมฆก็เริ่มได้ลงแข่งระดับประเทศอีกครั้ง คือรายการชิงแชมป์ประเทศไทย โดยลงแข่ง 1500 และ วิบาก 3000 เมตร ซึ่งตอนนั้นเมฆแข่งกีฬากองทัพเรือควบคู่กันไปด้วย ทำให้อยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจว่า จะมุ่งไปในทางใด

 

"ใจตอนนั้นอยากมุ่งไปในทางเรื่องงานแล้วเบาเรื่องวิ่ง ไปฝึกทหารให้ดี แต่หลังแข่งชิงแชมป์ฯ โค้ชโถมมาบอกว่า มีคนติดต่อให้ไปเป็นไกด์รันเนอร์ ไปวิ่งกับคนตาบอด ตอนนั้นผมยังไม่รู้เลยว่าหมายถึงอะไร"

 

แต่เมฆก็ตอบรับ เพราะอยากมีรายได้เพิ่มจากเบี้ยฝึกซ้อม และยังได้วิ่งควบคู่กันไปด้วย เพราะการวิ่งเป็นกีฬาที่รัก และทำมาตลอดเกือบสิบปี นั่นทำให้เมฆได้มาเก็บตัวกับ พี่ซุป ศุภชัย สงพินิจ นักวิ่งผู้พิการทางสายตา  

 

เมฆบอกว่าการซ้อมไม่ต่างจากนักวิ่งปกติ หนักเหมือนกัน ต้องใช้เทคนิกเหมือนกัน รวมทั้งยังต้องฝึกเรื่องการสื่อสารระหว่างกัน เพราะทั้งสองคนต้องวิ่งไปด้วยกัน แต่มีหนึ่งคนที่มองไม่เห็น  

 

"เขาเป็นรุ่นพี่ผม แต่เราปรับหากันได้ง่ายมาก เลยวิ่งด้วยกันง่าย ช่วยกัน ผลักดันกันดี ต่างฝ่ายต่างรู้แรงกัน ก็ไปเก็บตัวที่โคราช 3 เดือน"

 

จากวันนั้น...สองความฝันรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อเป้าหมายเหรียญทองในอาเซียนพาราเกมส์  

 

 

ดวงตาของนักวิ่งผู้พิการ

 

"ผมอยากติดทีมชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่วิ่งมา คือ อยากติดในฐานะคนทั่วไป แต่ได้โอกาสทางนี้มาก่อน เราก็คิดว่าได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศเหมือนกัน จึงเลือกทางเดินนี้"  

 

เมฆและพี่ซุปลงแข่งอาเซียนพาราเกมส์ 2023 ทั้งหมด 3 รายการ คือ 1500 เมตร 800 เมตร และ 400 เมตร ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติรายการแรกของเมฆ  

 

ชัยชนะคือผลตอบแทนของความทุ่มเท เมฆและพี่ซุป วิ่งเคียงข้างกัน คว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดงให้กับทีมชาติไทยได้สำเร็จ เป็นการคว้าเหรียญได้ทุกรายการที่ลงแข่งขัน  

 

 

"รู้สึกดีใจมากๆ พูดไม่ออก ผมเป็นดวงตาให้เขา แล้วทำให้เขาชนะได้ พี่ซุปก็ดีใจมาก ...นี่เป็นจุดเริ่มต้นของผมในฐานะทีมชาติ แต่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของพี่ซุป เพราะเขารับใช้ชาติมา 20 ปีแล้ว"

 

การเป็นไกด์รันเนอร์ ไม่ใช่แค่การสานฝันของเมฆ แต่เป็นการนำทางสู่ชัยชนะของซุป นักวิ่งผู้พิการทางสายตาที่มีความสามารถทางการวิ่ง แต่ไม่สามารถวิ่งได้โดยลำพัง เมฆบอกว่า หลังจากนี้หากมีโอกาสเป็นไกด์รันเนอร์อีก เขาก็พร้อมรับบทบาทนี้อีกครั้ง

 

"อยากขอบคุณทุกคนที่มีส่วนทำให้มีวันนี้ ทั้งครูคนแรก โค้ชโถม ครอบครัว ต้นสังกัด และทุกๆ คน"


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

La Vie en Rose