stadium

CEO เชื้อสายยิว ตั้งเป้าสะสมคบเพลิงให้ครบเตรียมวิ่งปี 2028

14 มีนาคม 2563

เมื่อคนเรามีความหลงใหลในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง วิธีการที่จะเก็บรักษาให้สิ่งนั้นใกล้ตัวรวมถึงการได้เป็นเจ้าของ มักจะเป็นเป้าหมายสำคัญ … ลองนึกภาพย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ ที่คุณมักมีของสะสมที่ดูแล้วอาจไร้สาระด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดคือภารกิจแห่งความเอาใจใส่ที่มีส่วนผสมของวินัย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมการ์ด แสตมป์ รถแข่ง ลูกแก้ว หรือแม้แต่หนังยาง

 

แน่นอนว่าหัวใจนักสะสมไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่วัยเด็ก เมื่อโตขึ้นคนเรามักจะมีของสะสมที่มีมูลค่า (ไม่ว่าจะทางเงินหรือจิตใจ)สูงตามขึ้นไปด้วย อันเป็นการบ่งบอกได้ว่าการจดจ่อเพื่อเป็นเจ้าของในสิ่งที่หลงใหล ไม่ได้มีการจำอายุ เพศ สถานะ หรือวิถีการใช้ชีวิตแต่อย่างใด เช่นเดียวกับชายคนหนึ่งในวัย 68 ปี ที่ตั้งเป้าหมายสะสมคบเพลิงโอลิมปิกให้ครบ เพราะอะไรเขาจึงมีความหลงใหลในคบเพลิงโอลิมปิกขนาดนั้น 

 

 

มิตรภาพ คือ จุดเริ่มต้นความเป็นนักสะสมของ ลักกี้ เบิร์ค

 

จากบทความ Inside the Strange and Expensive World of Olympic Torch Collectingระบุว่าไว้ว่า มีมนุษย์เพียง 2 คนบนโลกใบนี้เท่านั้น ที่เป็นเจ้าของคบเพลิงโอลิมปิกครบทั้งหมด อย่างไรก็ตามยังมีชายอีกคนหนึ่งที่ตั้งเป้าว่าเขาจะกลายเป็นผู้ที่สามารถสะสมคบเพลิงโอลิมปิกได้ครบเป็นคนที่ 3 ของประวัติศาสตร์โลกใบนี้

 

ในปี 2018 CEO บริษัท flooring distribution company ที่มีอายุ ณ เวลานั้น 66 ปี เล่าว่า เขาเป็นนักสะสมตั้งแต่สมัยเด็กๆ โดยในวัย 8 ขวบ เขาสะสมการ์ดนักกีฬาเบสบอล และ ห่อใส่หมากฝรั่ง 

 

อย่างไรก็ตามความพิเศษที่เขาได้รับจากเพื่อนสนิทที่ชื่อ สตีฟ โรบินสัน คือจุดเริ่มต้นของการเห็นคุณค่าของสิ่งที่เก็บไว้ “ตอนผมเข้าพิธี Bar Mitzvah (คือพิธีทางศาสนาการของเด็กชายชาวยิว) ผมตัดสินใจมอบของหลายอย่างให้เขาน่าจะประมาณ 2-3 ถุงใหญ่ และตอนเราเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาแพ้พนันผมในการดวลโป๊กเกอร์ 48 ชั่วโมง สิ่งที่ผมประหลาดใจคือเขาจ่ายหนี้ผมพร้อมกับคืนของทุกชิ้นที่ผมเคยให้เขา โดยทุกอย่างอยู่ในสภาพที่ดีอยู่เลย”

 

 

50 ปีผ่านไป กลายเป็นนักสะสมความทรงจำโอลิมปิก

 

นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ที่เขาได้รับของคืนจากเพื่อนสนิท … ปัจจุบันเขากลายเป็น 1 ในผู้ที่หันมาเน้นสะสมของที่มีความหมายและเรื่องราว นั่นคือ คบเพลิงโอลิมปิก และ เหรียญรางวัลของนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์

 

“ผมเริ่มสะสมคบเพลิงในปี ค.ศ. 1986 ทุกอย่างเริ่มต้นในงานเทศกาลฮุสตัน ซึ่งมีการนำคบเพลิงลอสแองเจลลิส เกมส์ มาจัดแสดง ผมเริ่มศึกษาและได้เรียนรู้ว่า ทั้งเหรียญหรือคบเพลิงต่างมีเรื่องราวของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป และหลายเรื่องมีความสัมพันธ์หรือบ่งบอกเรื่องราวของนักกีฬาชาวยิว” 

 

จากการเปิดเผยในปี 2018 ระบุว่า เบิร์ค ได้ทำการสะสมคบเพลิงโดยมีแล้วทั้งสิ้น 32 รุ่น (ของโอลิมปิกร้อนและฤดูหนาว) ซึ่งเจ้าตัวตั้งเป้าว่า จะต้องหาอีก 5 รุ่น

 

มูลค่าแห่งความทรงจำ

 

มีการประเมินเอาไว้ว่าคอลเลคชั่นที่มีครบเพลิงครบทุกรูปแบบของโอลิมปิกนั้น มีราคาไม่ต่ำกว่า 5 ล้านเหรียญดอลลาร์ ซึ่งนักสะสมรวมถึงนักประมูลของล้ำค่าได้ทำการแบ่งประเภทของคบเพลิงเอาไว้ 3 แบบ เช่นเดียวกับ เบิร์ค ซึ่งมีประสบการณ์ไล่หาคบเพลิงโอลิมปิกมาอย่างยาวนานระบุว่า กลุ่มคบเพลิงใหม่ที่หาง่ายมีราคาอยู่ระหว่าง 1,500 – 4,500 เหรียญ ขณะที่คบเพลิงซึ่งผ่านการวิ่งในหลายๆประเภททั่วโลก จะมีราคาสูงขึ้นมาถึง 10 เท่า คือตั้งแต่ 15,000 – 70,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือคบเพลิงที่หายากที่แทบไม่มีใครนำออกมาประมูลขาย จะมีราคาเริ่มต้นด้วยตัวเลข 6 หลักเป็นอย่างต่ำ

 

เบิร์ค แชร์ประสบการณ์หลายอย่างที่น่าสนใจผ่านคุณค่าของเรื่องรางที่เกิดขึ้นทั้ง คบเพลิงโอลิมปิกในปี 1996 ที่ผ่านมือตำนานมวยผู้ล่วงลับอย่าง โมฮัมหมัด อาลี หรือ แม้แต่คบเพลิงในปี 2008 ที่เดินทางขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ รวมถึง คบเพลิงปี 2000 ซึ่งได้ลงไปสัมผัสกับใต้ท้องทะเลและเดินทางผ่านแนวปะการังมาแล้ว

 

ทั้งหมดมีเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ และ เบิร์ค พร้อมจ่ายเพื่อเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ แต่ไม่ใช่กับตัวเอง เขาจัดนิทรรศกาลงานแสดงของสะสมโอลิมปิกทั้งหมดของเขา เพื่อส่งต่อประสบการณ์และเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดผ่านสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นคบเพลิง เหรียญรางวัล ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิก

 

 

ที่สุดแห่งคบเพลิงที่สะสม 

 

จาก 32 คบเพลิงที่ เบิร์คมีไว้ในครอบครอง เจ้าตัวได้เปิดเผยถึงหลายสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคบเพลิงที่แพงที่สุด คือ จากโตเกียวเกมส์ ปี 1964 … “ผมชื่นชอบคบเพลิงโตเกียวเกมส์ 1964 มากที่สุด … โยชิโนริ ซากาอิ คือบุคคลมหัศจรรย์ เขาเกิดในวันที่ระเบิดลงในฮิโรชิมา และสุดท้ายเขาได้มาวิ่งในมหกรรมกีฬาที่เปลี่ยนแปลงประเทศของเขานั่นคืสตอรี่หรือเรื่องราวที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”

 

ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยว่า คบเพลิงโอลิมปิกที่มีมูลค่าแพงที่สุดคือ โอลิมปิกเกมส์ ปี 1952 ที่เฮลซิงกิและที่หายากอย่างมากคือคบเพลิงปี 1956 ที่สต็อกโฮล์ม สำหรับการแข่งขันกีฬาขี่ม้าพียงอย่างเดียว

 

หนึ่งในประโยคเจ๋งสุดซึ่งออกมาจากปากของซีอีโอ รายนี้คือ “โอลิมปิกคือการไม่แบ่งแยก ไม่มีเส้นของอายุทุกคนพร้อมก้าวข้ามเรื่องการเมือง เพื่อมาชมกีฬาโอลิมปิก …. และหากคุณไปถามว่าใครคือนักกีฬาเก่าแก่ที่สุดของเบสบอลคงไม่มีใครตอบได้ แต่กับกีฬาโอลิมปิก ผมเชื่อว่าหลายๆคนมีความรู้และสนใจเรื่องราวเหล่านี้”

 

ไฟที่ช่วยบันดาลแรง และ ความหลงใหลที่เป็นแรงผลักดัน

 

เรื่องน่าแปลกใจอย่างนึงคือ เบิร์ค คือ เขาไม่ใช่นักกีฬาโอลิมปิก และ ไม่เคยมีประสบการณ์วิ่งคบเพลิงด้วยซ้ำ แต่นั่นคือหนึ่งในสิ่งที่เขาตั้งเป้าจะทำให้สำเร็จในชีวิต

 

“ความฝันของผมคือการวิ่งคบเพลิงปี 2028 ที่ลอสแองเจลลิสได้เป็นเจ้าภาพ ผมแค่ต้องการสะสมคบเพลิงที่ยังขาดอยู่ต้องการเพื่อนเยอะๆ และ พลังหรือความสามารถที่จะวิ่งไหวสัก 1 ส่วน 4 ไมล์ … ทั้งหมดคือสิ่งที่ผมยังไม่ได้ทำ”

 

“ผมทำทั้งหมดเพราะผมอยากทำ และตั้งใจอยากจะทำ ผมไม่ได้สะสมคบเพลิงเพื่อมาทำการเก็งกำไร ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นคงไม่ใช่งานอดิเรก มันคงกลายเป็นธุรกิจมากกว่า อีกอย่างนึงผมมีธุรกิจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมยังมองหาคือคุณค่าบางอย่างที่ตอบโจทย์ทางความรู้สึกของชีวิต”


stadium

author

นวพล เกียรติไพศาล

StadiumTH Content Creator