ความเป็นมาของ คบเพลิงโอลิมปิก เปลวไฟของความหวัง

นอกจากห่วงสีทั้งห้า และช่อใบมะกอก อันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อความถึงการแข่งขันโอลิมปิก อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นหน้าตาของมหกรรมกีฬาระดับโลกนี้ คงต้องยกให้ คบเพลิงโอลิมปิก ที่จะมีการจุดขึ้นทุกครั้งที่การแข่งขันของมวลมนุษยชาติได้เริ่มต้นขึ้น และนี่คือความเป็นมาของคบเพลิงที่เป็นดั่งความฝันและความหวังของนักกีฬาจากทั่วโลก

ในสมัยกรีกโบราณ ไฟนั้นถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้า และเชื่อกันว่า "โพรมีเทียส"  เป็นผู้ขโมยมันมาจากเทพเจ้าซุสเพื่อมอบให้มนุษย์นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงมีการจุดและรักษาเพลิงให้โชติช่วงไว้ตลอด ณ ศาสนสถานหลายแห่งในเมืองโอลิมเปีย (Olympia) ประเทศกรีซ เช่นเดียวกับในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอันมีขึ้นเพื่อเฉลิมเกียรติของเทพเจ้าซุส ที่มีการจุดและรักษาเพลิงไว้ ณ วิหารของซุสและวิหารแห่งเทพีเฮรา (Hera) ภริยาของซุส

ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกยุคปัจจุบันประเพณีการจุดและรักษาเพลิงไว้เช่นเดียวกับสมัยโบราณได้รับการฟื้นฟูขึ้นในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม พ.ศ. 2471 โดยพนักงานการไฟฟ้าแห่งอัมสเตอร์ดัมผู้หนึ่งเป็นผู้จุดเพลิงโอลิมปิกสมัยใหม่เพลิงแรกขึ้น ณ หอมาราธอนเทาเวอร์ (Marathon Tower) ที่สนามกีฬาโอลิมปิก กรุงอัมสเตอร์ดัม

ส่วนประเพณีการส่งผ่านและวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องไปสิ้นสุดยังประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันนั้น มีนายคาร์ล เดียม (Carl Diem) และนายโยเซฟ เกิบเบลส์ (Joseph Goebbels) เป็นผู้ริเริ่มในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเบอร์ลิน พ.ศ. 2479

ทั้งนี้ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส่วนใหญ่จะกำหนดให้มีผู้วิ่งคบเพลิง และการส่งคบเพลิงผ่านระหว่างประเทศกระทำได้หลายทาง เช่น ทางเรือใน พ.ศ. 2491 ผ่านช่องแคบอังกฤษ และทางอากาศเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2495 ไปยังกรุงเฮลซิงกิ อนึ่ง ใน พ.ศ. 2499 ที่การแข่งขันขี่ม้าได้ย้ายจากเมืองเมลเบิร์นมาจัดที่กรุงสต็อกโฮล์ม ได้มีการลำเลียงคบเพลิงโอลิมปิกไปบนหลังม้าอีกด้วย

การจุดเพลิงโอลิมปิกจะมีขึ้นก่อนการแข่งขันจริงเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งการจุดเพลิงโอลิมปิกจะจัดที่เดียวกับการแข่งขันโอลิมปิกสมัยโบราณ ณ เมืองโอลิมเปีย, ประเทศกรีซ ผู้หญิงที่จุดเพลิงจะต้องเป็นหญิงพรหมจรรย์ทั้งหมด 11 คน ซึ่งจะจุดเพลิงที่วิหารเฮรา โดยใช้จานสะท้อนแบบพาราโบลา รับแสงจากดวงอาทิตย์มาทำให้เพลิงจุดประกาย

หลังจากเพลิงได้จุดขึ้นมา คบเพลิงโอลิมปิกจะถูกนำไปวิ่งทั่วประเทศกรีซ ต่อจากนั้นจะทำพิธีส่งมอบเพลิงโอลิมปิกแก่ประเทศเจ้าภาพ ณ สนามกีฬาพานาเธเนค ในกรุงเอเธนส์ การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกจะสิ้นสุดเมื่อนักวิ่งคนสุดท้ายได้จุดคบเพลิงอย่างเป็นทางการในพิธีเปิดการแข่งขัน ซึ่งนักวิ่งคนสุดท้ายจะถูกเก็บเป็นความลับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงของประเทศเจ้าภาพ