stadium

ย้อนรอย 10 เหตุการณ์สำคัญที่น่าจดจำในกีฬาโอลิมปิก

12 มีนาคม 2563

ไม่เพียงจะเป็นเวทีแข่งขันกีฬาระดับโลก ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตาของทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ แต่ในสังเวียนโอลิมปิกนั้นยังมีอีกหลายเหตุการณ์มากมายที่น่าจดจำของมวลมนุษยชาติ และบ้างก็กลายเป็นจุดพลิกสำคัญ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของกีฬาโอลิมปิกไปตลอดกาล

 

 

Paris 1900

ก่อนหน้านั้น นักกีฬาหญิงถูกห้ามไม่ให้ลงแข่งกีฬาโอลิมปิก จนกระทั่งปี 1900 ที่กรุงปารีส ถือเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เข้าร่วมแข่งขัน โดยสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ครองเหรียญโอลิมปิกในประเภททีมคือเฮเลน เดอ ปูร์ตาแลส์ นักแล่นเรือใบชาวสวิส ส่วนนักเทนนิสชาวอังกฤษ ชาร์ลอตต์ คูเปอร์ เป็นนักกีฬาหญิงเดี่ยวคนแรก ที่คว้าเหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์

 

 

Berlin 1936

ในยุคที่อำนาจของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กำลังแผ่ปกครองไปทั่วโลก และดูเหมือนการแข่งกีฬาโอลิมปิกในครั้งนั้น จะกลายเป็นเวทีการประกาศความยิ่งใหญ่ของนาซีเยอรมัน แต่สุดท้าย เจสซี โอเวนส์ นักกีฬาวิ่งชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา สามารถคว้าสี่เหรียญทองจากการแข่งขันกรีฑา กลายเป็นการตบหน้าฮิตเลอร์อย่างจัง รวมทั้งแสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่า สีผิวและเชื้อชาติไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถ อย่างที่ฮิตเลอร์พยายามยกยอความสูงส่งของสายเลือดชาวอารยัน

 

 

London 1948

หลังจากสงครามโลกครั้งสอง ดร.ลุดวิก กุตต์แมนน์ กลายเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งกีฬาสำหรับทหารผ่านศึกขึ้น โดยในปี 1948 เขาได้จัด International Wheelchair Games ที่กรุงลอนดอน ซึ่งตรงกับการจัดโอลิมปิก เกมส์ พอดี และนี่คือจุดเริ่มต้น ของการแข่งขันพาราลิมปิก เกมส์ สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้

 

 

Rome 1960

หลายคนเชื่อว่าอุปกรณ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการแข่งกีฬา แต่ อาเบเบ บิกิลา นักวิ่งวัย 28 ปี ชาวเอธิโอเปีย วิ่งเข้าเส้นชัยคว้าเหรียญทองประเภทมาราธอนได้สำเร็จด้วย "เท้าเปล่า" เพราะในขณะนั้นสปอนเซอร์รองเท้ากีฬาอย่าง Adidas มีรองเท้าเหลืออยู่ไม่กี่คู่และไม่มีคู่ไหนที่บิกิลาใส่ได้พอดี ทำให้เขาตัดสินใจวิ่งเท้าเปล่าแทน และหลังจากนั้นอีก 4 ปี เขาก็คว้าเหรียญทองอีกครั้งในโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น เพียงแต่คราวนี้เขาได้สวมรองเท้าวิ่ง

 

Munich 1972

กลายเป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญที่มิวนิกเกมส์ซึ่งไม่มีใครลืมได้ลง เมื่อนักกีฬาและโค้ชชาวอิสราเอล 11 คนถูกจับเป็นตัวประกันและปลิดชีพโดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสสไตน์ที่เรียกตัวเองว่า Black September เมื่อวันที่ 5 กันยายน 1972 อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่การแข่งขันโอลิมปิกก็ยังดำเนินต่อไปจนจบ

 

 

Moscow 1980

นับเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของการจัดแข่งโอลิมปิกในประเทศยุโรปตะวันออก เมื่อสงครามเย็นกำลังระอุขึ้นเป็นครั้งที่สอง และโซเวียตได้ส่งกองทัพทหารบุกเข้าไปยึดครองอัฟกานิสถาน ทำให้มี 65 ชาติถอนตัวจากการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนั้น ซึ่งรวมทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมนีตะวันตก เหลือเพียง 81 ชาติที่เข้าร่วม ผลก็คือโซเวียตครองเหรียญทองมากที่สุด

 

 

Barcelona 1992

เหตุการณ์สุดประทับใจที่คอกีฬาทั่วโลกไม่มีวันลืมได้ในการแข่งขันครั้งนี้ เมื่อ ดีเร็ก เรดมอนด์ นักวิ่งชาวอังกฤษ ที่เป็นตัวเก็งในปีนั้นเกิดอาการกล้ามเนื้อขาฉีกในขณะกำลังแข่งขันวิ่ง 400 เมตรชาย ในรอบชิงชนะเลิศโดยที่ยังวิ่งไม่จบ ทั้งที่รู้ตัวว่าแพ้ แต่เรดมอนด์พยายามวิ่งกะเผลกไปเรื่อยๆ เพื่อเข้าเส้นชัย ก่อนที่พ่อของเขาจะวิ่งออกจากที่นั่งคนดู ฝ่าการ์ดเข้ามาในสนามแข่งและพยุงลูกชายที่ร่ำไห้มุ่งหน้าสู่เส้นชัย จนกลายเป็นภาพที่ตราตรึงผู้ชมรอบสนามไปตลอดกาล

 

 

Sydney 2000

หากไม่นับเหตุการณ์ Y2K ที่สร้างความระทึกไปทั่ว (และสุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น) ในการแข่งโอลิมปิกปีนี้ ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่หลายคนคงยากที่จะลืมได้ นั่นคือระหว่างการเดินสวนสนามในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่นครซิดนีย์ สองประเทศคู่อริอย่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ได้ทำในสิ่งที่คนทั่วโลกต้องประหลาดใจ ด้วยการเดินสวนสนามร่วมกันเป็นครั้งแรก ภายใต้ธงรวมเกาหลี และยังคงทำเช่นนั้นในโอลิมปิกครั้งต่อๆ มา กระทั่งโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งในปี 2008 เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เริ่มเดินเข้าสนามแยกกัน เนื่องจากคณะกรรมการโอลิมปิกออกคำสั่งว่าต้องเดินแยกกันตามประเทศของตน

 

 

Athens 2004

ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 76 ปีของโอลิมปิกที่มีการออกแบบเหรียญรางวัลใหม่ เนื่องจากเหรียญเดิม ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 1928 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ออกแบบโดยประติมากรชาวอิตาเลียน Giuseppe Cassioli นั้น ปรากฏภาพลายนูนโคลอสเซียม ของโรมันแทนที่จะเป็นของกรีก ซึ่งถือว่าผิดมาตลอด โดยเหรียญใหม่ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปัจจุบันออกแบบโดย Wojciech Pietranik ประติมากรชาวโปแลนด์ที่ใส่ภาพลายนูนสนามกีฬาพานาเธเนค ซึ่งใช้จัดการแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่ครั้งแรกในปี 1896 เข้าไปแทน

 

 

Beijing 2008

ไมเคิล เฟลป์ส ฉลามหนุ่มชาวอเมริกัน สร้างสถิติโลกที่คงจะไม่มีใครสามารถล้มล้างได้ไปอีกนาน ด้วยการคว้า 8 เหรียญทองในโอลิมปิกปีนั้น กลายเป็นนักกีฬาที่ครองเหรียญทองได้มากที่สุดในการแข่งโอลิมปิกหนึ่งครั้ง ขณะที่ในปัจจุบัน เฟลป์สยังเป็นเจ้าของเหรียญทองรวมกันมากที่สุดคือ 23 เหรียญอีกด้วย


stadium

author

StadiumTh Team Content

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose