stadium

"สุรจนา คำเบ้า" สาวหน้านิ่งว่าที่ผู้พิชิตทองโอลิมปิก 2024

13 มีนาคม 2566

ลองจินตนาการในตอนที่เรายังเป็นเด็ก เราคงอยากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย กับเพื่อนฝูงที่คุ้นหน้าคงไม่มีใครอยากจะออกจาก Comfort Zone (บ้าน) ไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย และถึงแม้จะต้องไปจริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากจะทำใจได้อยู่ดี เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับ สุรจนา คำเบ้า นักยกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทย ที่ต้องเดินออกจากบ้านเพื่อความฝันและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของครอบครัว โดยฝันนั้นคือเหรียญทองยกน้ำหนักโอลิมปิก

 

 

 

การเดินทางจากริมโขงสู่ท้องทะเลตะวันออก

 

ย้อนกลับไปในวัย 13 ปี “น้องออย” สุรจนา คำเบ้า คงจะเหมือนเด็กไทยทั่วๆ ไปที่ไปโรงเรียนและมีกิจกรรมการเล่นกีฬากับเพื่อนๆ ในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นกรีฑา วอลเลย์บอลหรือแม้แต่ฟุตบอล โดยที่ยังไม่ได้คิดจริงจังไปไกลถึงขั้นเป็นทีมชาติ เพราะแค่เล่นสนุกกับเพื่อนๆ แค่นั้นมันก็เป็นความสุขของเด็กหญิงสุรจนาแล้ว แต่เหมือนโชคชะตาจะทำให้เธอต้องเลือกเส้นทางที่ยากกว่าคนอื่น นั่นก็คือการที่ครูพละของโรงเรียนริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เริ่มเห็นศักยภาพในพละกำลังของน้องออย จึงแนะนำให้เธอรู้จักกับกีฬายกน้ำหนัก ซึ่งเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนี้ กลับยกลูกเหล็กลูกใหญ่ได้ไม่สะทกสะท้าน นั่นทำให้ทางโรงเรียนรีบติดต่อไปยังโรงเรียนกีฬาชลบุรี เพื่อรับเธอไปฝึกฝนขัดเกลาฝีมือการยกลูกเหล็กเพิ่มขึ้น 

 

แต่สิ่งที่มันยากลำบากคือการต้องจากบ้านเกิดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไปสู่ภาคตะวันออกที่เธอเองไม่รู้จักใครสักคนมาก่อนเลย แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นกับความคิดที่ว่าโอกาสแบบนี้อาจไม่มีมาอีก น้องออยจึงบอกลาครอบครัวเก็บกระเป๋าเดินทางสู่ชลบุรี เริ่มต้นการสร้างชื่อในเส้นทางยกลูกเหล็ก

 

 

ฝึก 3 ปี คว้าเงินรางวัลก้อนแรกในชีวิต ส่งให้คุณแม่ทันที 

 

ที่โรงเรียนกีฬาชลบุรี สุรจนา ได้รับการฝึกฝนที่ถูกวิธีรู้จักการจับจังหวะการยกของร่างกาย รู้จักการเรียกเหล็กไล่เหล็กตั้งแต่น้ำหนักเบาไปจนถึงหนัก เธอซึมซับวิชาเหล่านี้เพื่อหวังจะได้โอกาสแข่งในนามทีมชาติ และหลังใช้เวลาอยู่ 3 ปี  สุรจนา คำเบ้า กับฟอร์มในระดับประเทศที่ยอดเยี่ยมทำให้เธอถูกเรียกเข้าสู่แคมป์ทีมชาติไทยที่เชียงใหม่ และที่นั่นเองเธอพบกับความเข้มข้นในการซ้อมขั้นสุด จนมีชื่อติดทีมยุวชนทีมชาติไทยไปแข่งชิงแชมป์โลกที่มาเลเซีย ก่อนจะประสบความสำเร็จคว้า 3 เหรียญทอง รับเงินรางวัลอัดฉีดครั้งแรกในชีวิตกว่า 300,000 บาท 

 

“เงินก้อนนั้นให้แม่เกือบทั้งหมด ส่วนหนูเก็บไว้ใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆเท่านั้น แม่เขาดีใจมากจะบอกว่าน้ำตาไหลเลยก็คงใช่ แม่ดีใจที่เราสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้และสร้างชื่อให้ประเทศอีกด้วย เงินที่ส่งให้แม่ก็เอาไปใช้ทำสวนทำไร่เหมือนเดิม ที่บ้านหนูยังไม่ได้สร้างใหม่ จะสร้างใหม่ก็คงตอนได้เหรียญโอลิมปิก” น้องออยกล่าวด้วยความตั้งใจ 

 

ความสำเร็จเข้ามาต่อเนื่อง แต่ยังซ้อมหนักเหมือนเดิม 

 

ชื่อของสุรจนา คำเบ้า เริ่มคุ้นหูแฟนกีฬาชาวไทยมากขึ้น เธอก้าวผ่านความยอดเยี่ยมในระดับเยาวชนมาได้ ก่อนต่อยอดขึ้นสู่นักกีฬายกน้ำหนักชุดใหญ่ของไทยในรุ่น 49 กิโลกรัม  โดยเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เธอได้โอกาสไปโชว์ฟอร์มในรายการใหญ่ทั้งสิ้น และผลงานคว้าเหรียญรางวัลติดมือกลับประเทศไทยมาโดยตลอด เริ่มจากเหรียญทองแดงเอเชี่ยน เกมส์ ที่อินโดนีเซีย ปี 2018 ก่อนไปสร้างผลงานกระหึ่มโลกในปี 2021 ด้วยการคว้าเหรียญทองชิงแชมป์โลกที่อุซเบกิสถานและต่อด้วยเหรียญทองที่เวียดนามได้ในปีเดียวกัน

 

แม้จะประสบความสำเร็จมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย แต่น้องออย ที่ปัจจุบันในวัย 23 ปี ยังคงเป็นเด็กเงียบๆ ชอบใช้ชีวิตตามกิจวัตรประจำวันในแคมป์ทีมชาติและตั้งใจซ้อมเข้มเช่นเดิม เพราะเธอรู้ดีว่าเป้าหมายที่สูงสุดของเธอคือการไปยกลูกเหล็กที่โอลิมปิก 2024 ที่ปารีส ฝรั่งเศส

 

 

นักกีฬายกน้ำหนักไทย ณ ตอนนี้ยิ่งกว่าไข่ในหิน 

 

จากสถานการณ์โควิค-19 ที่เล่นงานทุกชนิดกีฬาของทีมชาติไทย ทำให้สมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นของไทยต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเก็บตัวจากที่เข้มข้นอยู่แล้วให้กลายเป็นเข้มข้นและป้องกันสูงสุด เพื่อให้นักกีฬาปลอดภัยจากโรคติดต่อที่เล่นงานผู้คนทั่วโลกมากที่สุด เพราะในปีนี้หลังจากสมาคมพ้นแบนกลับมาส่งนักกีฬาลงแข่งขันได้ตามปกติแล้ว มีหลายทัวร์นาเมนต์ที่เตรียมส่งนักกีฬายกลูกเกล็กทีมชาติไทยลงแข่งเพื่อไต่อันดับคว้าตั๋วไปโอลิมปิก

โดยปัญญา เพิ่มธัญญะกิจ ผู้ช่วยโค้ชยกน้ำหนักทีมชาติไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่ดูแลน้องออย สุรจนา มาโดยตลอดได้ออกมาพูดถึงน้องออยว่า “ นักกีฬ่ารุ่นใหม่ๆที่เข้ามา ทำให้แคมป์ทีมชาติดูมีพลังมากขึ้น น้องออยจะบอกว่าผลงานเยี่ยมเลยในรุ่น 49 กิโลกรัม น้องทำหน้าที่ได้ดี แต่ด้วยวัยเท่านี้ลูกดื้อลูกงอแงลูกเอาแต่ใจอาจจะมีบ้าง แต่เราก็ค่อยๆ เคี่ยวเข็ญให้เขาอยู่ในร่องในรอยมากที่สุดเพื่อความสำเร็จของตัวเขาเอง”

 



นอกจากนั้นหลายคนคงทราบว่านักกีฬายกน้ำพหนักไทยถูกเลี้ยงดูฟูมฟักยิ่งกว่าไข่ในหิน เพราะพวกเขาและเธอเหล่านั้นกว่าจะยกลูกเหล็กขึ้นบ่าขึ้นศรีษะได้แต่ละครั้ง เบื้องหลังมีความพยายามซ่อมอยู่อย่างมากมาย แต่สมาคมก็มีการใช้ทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬารวมไปถึงจิตวิทยาคอยดูแลอยู่เสมอ “ ที่แคมป์เราจะหยุดกันวันอาทิตย์ บางสัปดาห์ทีมโค้ชอาจจะพานักกีฬาเข้าเมืองไปเดินตลาดนัดจับจ่ายซื้อของ สร้างความผ่อนคลาย หรือถ้าไม่ได้ไปไหน ที่แคมป์ตอนนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครั้น ทั้งห้องดูหนัง เครื่องทำน้ำอุ่น เรียกว่านักกีฬาของเราได้รับความเป็นอยู่ที่สบาย อย่างน้องออยก็ให้ไปคุยกับนักจิตวิทยาของเราด้วยเพื่อให้น้องรู้สึกสบายใจมากที่สุดเวลาลงมาซ้อมและออกไปแข่ง เราดูแลน้องออยรวมถึงนักกีฬาทุกคนเป็นอย่างดี” โค้ชปัญญากล่าวทิ้งท้าย 

 

 

น้องออย สุรจนา คำเบ้า รู้ดีว่ากีฬายกน้ำหนักนั้นไม่ง่ายเลยที่จะประสบความสำเร็จ เพราะแค่ชื่อของกีฬา “ยกน้ำหนัก” แค่ฟังก็หนักเอาการแล้ว แต่ด้วยการดูแลที่เข้าขั้นมืออาชีพของสมาคมบวกกับความตั้งใจของนักกีฬา เมื่อทุกอย่างมารวมกันความสำเร็จของประเทศไทยและตัวของน้องออยเองก็คงอยู่ไม่ไกลเกินฝัน 

 

 

 


stadium

author

ปองพล สิงห์สิทธิ์

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose